รัฐสภา 22 ม.ค.-98 สว. ยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปแล้ว ยันไม่มีเจตนาล้มรัฐบาล แต่ชี้ให้เห็นปัญหาการทำงาน ต้องตอบโจทย์คำแถลง-หาเสียงกับประชาชน ปัด เน้นซักฟอกเฉพาะรัฐบาล-ตัวบุคคล ด้าน “พรเพชร” คาดเวลาเหมาะสมช่วง ก.พ.นี้
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา พร้อมด้วย นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ นายจเด็จ อินสว่าง นายสมชาย แสวงการ นายเฉลา พวงมาลัย นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ นายถวิล เปลี่ยนศรี เข้ายื่นญัตติต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ภายหลัง สว. เข้าชื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153
นายเสรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการยื่นญัตติ ว่า สว.ได้ร่วมลงชื่อเสนอญัตติ รวม 98 คน โดยมี 7 ประเด็นที่จะยื่นอภิปราย เป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดินและประชาชน ซึ่งขอเวลาไว้รวม 2 วัน ส่วนจะมี สว.อภิปรายมากน้อยหรือไม่ อยู่ระหว่างการดำเนินการ ส่วนที่มีฝ่ายการเมืองบางคน ระบุว่าเร็วไปที่จะอภิปราย เพราะรัฐบาลบริหารราชการมาเพียง 4 เดือน ตนยืนยันว่าการอภิปรายไม่ใช่การล้มรัฐบาล หรือให้ตอบในการทำงานที่ล้มเหลว แต่เป็นประเด็นที่รัฐบาลควรทำตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาและหาเสียงไว้กับประชาชน ขณะเดียวกันการทำหน้าที่ของ สว. ไม่ได้ยึดติดว่า ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเชื่อว่าการยื่นญัตติครั้งนี้จะมีผลทางบวกในทางปฏิบัติที่รัฐบาลจะทำงาน พร้อมยังเห็นว่า ในระยะเวลา 3 – 4 เดือน ที่เหลือของ สว.ควรทำหน้าที่ เพื่อประโยชน์ของประชาชน
นายเสรี กล่าวอีกว่า การยื่นญัตติอภิปรายรัฐบาลได้พิจารณาสิ่งที่เป็นประเด็นปัญหา ส่วนที่ตั้งคำถามว่า สมัยของรัฐบาลชุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำไม สว.ไม่ยื่นอภิปรายนั้น รัฐบาลที่แล้วไม่ได้มีปัญหาอะไร 3 ปี แรกเจอสถานการณ์โควิด-19 ส่วนปีสุดท้ายก็ไม่มีปัญหาอะไร ในขณะที่หน้าตารัฐบาลปัจจุบันเป็นพรรคร่วมเดิมไม่ใช่คนละซีก คนละฝ่ายเป็นกลุ่มเดิมทั้งนั้น
นายเสรี กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นที่จะอภิปราย เช่น การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ระบุว่ากระตุ้นเศรษฐกิจ ในประเด็นแหล่งเงินจะเป็นภาระของประเทศหรือไม่ รวมถึงย้อนไปถึงตั้งแต่ตอนหาเสียงชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นสัญญาว่าจะให้หรือไม่ เมื่อได้ทำโครงการแล้วมีช่องทางรั่วไหลหรือไม่
“ในความเห็นของ กกต. ต่อนโยบายนั้น มองว่าเป็นการให้เหตุผลมานั้นอันตรายกับบ้านเมือง รัฐบาลต้องคิดให้ดีว่าจะเป็นหนี้ 5แสนล้าน ให้ประชาชนลงทุน มีงานทำ มีรายได้ยั่งยืน หากแจกของ ที่เป็นผลผลิต เช่น พืชไร่ เป็ด ไก่ สร้างเศรษฐกิจในครัวเรือน ให้ประชาชนดำรงชีวิตได้ดี มีหลายวิธี ไม่ใช่แจกเงินหมื่นบาท เพราะจะเกิดหนี้มหาศาล”นายเสรี กล่าว
นอกจากนี้ยังรวมถึงกระบวนการยุติธรรมที่มีปัญหา หากรัฐบาลไม่รักษาความเป็นธรรมให้มั่นคงเลือกปฏิบัติ หาช่องทางที่ได้ประโยชน์ให้กับบางคนบางกลุ่ม ที่อาจจะเป็นปัญหาใหญ่ของบ้านเมือง ซึ่งไม่จำเป็นต้องรอนาน เป็นเรื่องปัจจุบันที่นำมาอภิปรายได้
“เรื่องกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้เน้นที่ตัวบุคคล หรือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือต้องรอให้ครบกำหนดการรักษาตัวนอกเรือนจำของนายทักษิณ ซึ่งกรณีดังกล่าว ต้องยึดหลักการในกระบวนการยุติธรรมที่จริงแท้ ไม่ควรทำให้เกิดปัญหา อีกทั้งควรสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในกระบวนการยุติธรรมที่ต้องปฏิบัติเท่าเทียม” นายเสรี กล่าว
ด้านประธานวุฒิสภา กล่าวภายหลังรับเรื่องจาก 98 สว.ว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จากนี้ตนจะส่งหนังสือตามขั้นตอนของธุรการ เพื่อให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ตรวจสอบว่าคำร้องเข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 153 หรือไม่ ก่อนประสานงานไปยังคณะรัฐมนตรี และนัดวันที่เหมาะสม เพื่อมาตอบชี้แจงคำถาม ซึ่งไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ทราบว่าผู้ร้องต้องการให้เกิดขึ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ทั้งนี้ต้องรอความพร้อมของคณะรัฐมนตรีด้วย
ส่วนการยื่นอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 153 ในครั้งนี้ จะถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงส่งท้ายของสว.ก่อนหมดวาระหรือไม่นั้น นายพรเพชร กล่าว คงไม่สามารถพูดเช่นนั้นได้ แต่เป็นการกระทำตามหน้าที่
“เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนดก็ไม่มีปัญหาอะไร จะโบว์แดงหรือโบว์ขาว ก็เป็นเรื่องที่ทุกท่านจะตระหนักเอง ตนคงพูดไม่ได้ แต่สิ่งที่ตนพูดได้ คือเข้าใจในวัตถุประสงค์ของสมาชิกที่ขอยื่นอภิปรายทั่วไป เพื่อต้องการให้ชี้แจงเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ”นายพรเพชร กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย