ขอรอดูผลงานรัฐบาล หากผิดพลาดยื่นซักฟอกทันที

กรุงเทพฯ 1 ม.ค. – ผู้นำฝ่ายค้าน ขอรอดูผลงานรัฐบาลก่อน หากผิดพลาดยื่นซักฟอกทันที รับเสียงอาจไม่พอสั่นคลอนแต่สังคมจะเป็นผู้พิพากษา หากแจงไม่ชัด ยังไม่กังวลหลังมีกระแส ปชป.ย้ายขั้ว ลั่นเดินหน้าทำงานเต็มสูบ ถ่วงดุลตรวจสอบไม่ค้านดะ หวังเห็นผลงานร่วมกันโดยไม่แบ่งฝ่าย


นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง การทำงานของฝ่ายค้านในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ว่าพรรคฝ่ายค้านแต่ละพรรค เน้นที่ตนเองให้ความสำคัญที่แตกต่างกันไปซึ่งพรรคก้าวไกลเรื่องกระบวนการยุติธรรมก็สำคัญ เรื่องการจัดการความขัดแย้งทางการเมือง รวมถึงข้อเสนอเรื่องนิรโทษกรรม ทางการเมืองและการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นนโยบายทางการเมืองที่เราจะต้องติดตามและผลักดันอย่างต่อเนื่องแน่นอน

“ส่วนเรื่องอื่นๆ พรรคก้าวไกลก็มีการเสนอในหลายเรื่องครอบคลุมทุกมิติเพราะเป็นการทำงานของกลุ่มนโยบายต่างๆ ในพรรคที่มีความรอบด้านในเรื่องเศรษฐกิจเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตก็ติดตาม เรื่องนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ก็เป็นเรื่องใหญ่ของรัฐบาลก็ต้องติดตามซึ่งเท่าที่เห็น บอกว่าจะได้รับงบประมาณ 5,000 ล้านบาท แต่งบประมาณส่วนใหญ่ยังเห็นไปใช้กับงบประมาณในการจัดอีเวนท์รวมถึงงบอบรมสัมมนา ซึ่งเท่าที่มีข้อมูลเบื้องต้นกลายเป็นการเอางบอบรมสัมมนา ที่มีอยู่ตามแผนเดิมอยู่แล้วมาเปลี่ยนปัดฝุ่นใหม่เปลี่ยนปก ซึ่งอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ในสิ่งที่คาดหวังว่าจะอัพสกิวหรือรีสกิวประชาชนเพื่อให้มีทักษะในการที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์”นายชัยธวัชกล่าว


นอกจากนี้ ยังมีการติดตามเรื่องค่าไฟ ซึ่งคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะมีการทบทวนพูดคุยกับเอกชนที่เป็นคู่สัญญารวมถึงการทำสัญญาใหม่ๆเกี่ยวกับพลังงานพลังงานสะอาด 5000 เมกะวัตต์ที่ได้มีการทยอยเซ็นไปแล้วด้วย

นายชัยธวัช ยังกล่าวอีกว่า เปิดปีใหม่ขึ้นมาการทำงานร่วมกันของฝ่ายค้านจะเต็มตัวและเป็นทางการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางเป้าหมาย แผนงานในการผลักดันร่วมกัน

ขณะที่ความเป็นเอกภาพของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่หลายคนมองว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจมีความเป็นไปได้ที่จะพลิกขั้วไปเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหากมีการปรับ ครม.ทำให้ฝ่ายค้านเหลือคนไม่มากในการทำงานนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่าอย่าเพิ่งไปกังวลล่วงหน้า เอาปัจจุบันให้ดีที่สุดก่อน อนาคตทางการเมืองจะเกิดอะไรขึ้นก็ปรับตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าวันนี้ยังคงเป็นพรรคฝ่ายค้านร่วมกัน พรรคก้าวไกลในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ก็ต้องทำงานโดยเคารพและให้เกียรติกับทุกพรรค


“ยังไงก็ต้องเคารพกัน มันไม่มีปัญหาหรอก ผมยกตัวอย่างถ้าเราจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ ข้อมูลของแต่ละพรรคเป็นความลับอยู่แล้ว ดังนั้นไม่กระทบอะไร เป็นเรื่องของแต่ละพรรค เพียงแต่ต้องตัดสินใจร่วมกันว่าต้องอภิปรายหรือไม่ เมื่อไหร่ ผมคิดว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือแม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่เป็นเอกภาพ 100% หมายความว่าอาจจะไม่ได้เห็นร่วมกันทุกเรื่อง แต่มีเรื่องที่เห็นร่วมกัน แล้วสามารถเป็นเนื้อหา เป็นเงื่อนไขที่เราวางแผนทำงานร่วมกันได้ ส่วนที่เห็นต่างกัน ก็แยกทำคนละบทบาทได้” นายชัยธวัช กล่าว

ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้นไม่ได้อยู่ที่การให้เวลารัฐบาลทำงาน แต่อยู่ที่ข้อมูลข้อเท็จจริง ถ้าตรวจพบว่ามีการใช้อำนาจโดยมิชอบ หาผลประโยชน์หรือคอรัปชั่น หรือใช้อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินเกิดความเสียหายรุนแรง เราก็พร้อมที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกเมื่อ ซึ่งเรื่องนี้พรรคก้าวไกลยังไม่ได้พูดคุยอย่างเป็นทางการกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น ก็ยังมีเวลาที่จะพูดคุยกัน ซึ่งข้อมูลของแต่ละพรรคจะไม่มีการให้กันอยู่แล้ว ตนไม่แน่ใจข้อมูลพรรคอื่นเป็นอย่างไร แต่ของพรรคก้าวไกล สส.ที่ไม่ได้เป็นคนรับผิดชอบเรื่องนั้นๆก็จะไม่ทราบ ถือว่าเป็นข้อมูลชั้นความลับ เป็นมาตรฐานการทำงานของเรา

“สำหรับพรรคก้าวไกลนโยบายเราเป็นแบบนี้ เอาข้อเท็จจริงเป็นตัวตั้ง เพราะเราไม่ได้อยากอภิปรายแบบใช้โวหาร หรือเป็นการอาศัยการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อต่อรองผลประโยชน์กัน เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับเนื้อหาเป็นหลัก และขึ้นอยู่กับการไปคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นเช่นเดียวกับการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ด้วย หากในช่วงต้นปีหน้าไตรมาสแรก การบริหารรัฐบาลมีปัญหามากจริงๆ ก็อาจจะมีการเสนอให้เปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติเพื่อที่จะสะท้อนการทำงานของรัฐบาล ” นายชัยธวัช กล่าว

สำหรับเรื่องของข้อมูลที่จะใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เพียงพอ แต่ถ้าไตรมาสแรกรัฐบาลทำงานมีปัญหาจริงๆ พรรคร่วมฝ่ายค้านอาจเสนอเปิดอภิปราย อย่างไรก็ตามก็ยังต้องหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นด้วย หากการบริหารแย่จริงๆ ก็คงเลี่ยงไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดก็คงอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ

“เป็นเรื่องปกติที่เสียงฝ่ายค้านไม่สามารถที่จะชนะในสภาได้อยู่แล้ว แต่ในทางการเมืองในการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่จบแค่เสียงโหวตในสภาเท่านั้น แต่จะถูกพิพากษาโดยสังคม ซึ่งจะส่งผลต่อรัฐบาลอย่างแท้จริงว่าถ้ารัฐบาลถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วไม่สามารถตอบคำถามใดๆได้จนกระทบกับความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างรุนแรง แม้จะชนะเสียงโหวตในสภาแต่สุดท้ายก็จะจบด้วยการยุบสภา หรืออย่างน้อยก็ปรับ ครม.ฉะนั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพในการอภิปราย ในการเก็บข้อมูลเป็นหลัก จึงไม่ได้กังวลเรื่องเสียงเพราะอยู่ที่คุณภาพ” นายชัยธวัชกล่าว

เมื่อถามว่าจะให้คะแนนการทำงานพรรคฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคก้าวไกล ตลอดปีที่ผ่านมาอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่าช่วงสมัยที่ผ่านมาต้องบอกว่ายังไม่เห็นบทบาทของฝ่ายค้านชัดเจนนัก เพราะช่วงแรกเสียเวลาไปเยอะกับการเลือกนายกรัฐมนตรีกว่าจะมีรัฐบาล และมีวาระสำคัญแค่เรื่องการแถลงนโยบายในสมัยประชุมที่แล้ว เรื่องอื่นไม่มีเลยเนื่องจากรัฐบาลไม่ได้เตรียมร่างกฎหมายไว้ พรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ค่อยมีการผลักดันร่างกฎหมาย ฝ่ายค้านจึงยังไม่มีโอกาสทำงานมากนัก ส่วนคณะกรรมาธิการชุดต่างๆกว่าจะตั้งได้ก็ล่าช้า ฉะนั้นเรื่องการให้คะแนนคงต้องให้ประชาชนเป็นคนให้คะแนน แต่บทบาทไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านจะมีความเข้มข้นชัดเจนมากยิ่งขึ้นคือในสมัยประชุมนี้

ส่วนที่หลายคนมองว่าเป็นฝ่ายค้านแต่ค้านไม่สุดเพราะอาจจะมีความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทยอยู่นั้น นายชัยธวัช ชี้แจงว่า ขอให้รอพิสูจน์จากการปฏิบัติ ยืนยันว่าเราไม่มีลับลมคมใน ไม่มีวาระซ่อนเร้น พรรคก้าวไกลยังคงทำงานอย่างตรงไปตรงมาว่ากันด้วยเหตุผล

“เพียงแต่วันนี้ในฐานะเป็นพรรคฝ่ายค้านไม่ได้มองว่าพรรคฝ่ายค้านจะต้องค้านทุกเรื่อง อะไรที่รัฐบาลพูด รัฐบาลเสนอ เราจะต้องแสดงความคิดเห็นตรงกันข้าม ถ้าเรื่องไหนเป็นประโยชน์เราก็พร้อมสนับสนุน ผลักดันหรือเห็นว่าเป็นประโยชน์หรือเห็นว่าเป็นประโยชน์แต่คิดว่าดีกว่านี้ได้ ก็จะเสนอแนะ ฉะนั้นการทำงานของพรรคฝ่ายค้านเองเราอยากจะมีทั้งสองด้านคือตรวจสอบสมดุลที่ต้องทำงานอย่างเต็มที่ ว่ากันไปตามเนื้อหา ไม่ต้องเกรงใจใคร แต่อีกด้านหนึ่งอยากจะเห็นบรรยากาศการทำงานในสภาที่สามารถร่วมไม้ร่วมมือโดยไม่แบ่งปักแบ่งฝ่ายทางการเมือง อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ก็น่าจะให้การสนับสนุนซึ่งกันและกันได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ในอนาคต หวังว่าจะมีผลงานการทำงานร่วมกันของสภา โดยไม่แบ่งฝั่งแบ่งฝ่าย ” นายชัยธวัช กล่าว .-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]