ทำเนียบรัฐบาล 13 ธ.ค.-“จักรพล” เผยนายกฯ สั่งแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 แบบควิกวิน เร่งประสานทุกหฟน่วยงานที้เกี่ยวข้องแก้ปัญหาให้กับประชาชน
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า การทำงานของรัฐบาลนายเศรษฐาทวีสิน กว่า 3เดือน ได้พยายามวางแผนรับมือสถานการณ์ฝุ่น ในระยะสั้น กลาง ยาว ให้ครบถ้วนที่สุด ทั้งเพิ่มมาตรการทางภาษีสำหรับผู้ที่ก่อมลพิษ การเชิญชวนให้เปลี่ยนมาใช้รถพลังงานไฟฟ้า และรถที่ใช้เครื่องยนต์มาตรฐานยูโร 5 โดยสิ่งเหล่านี้จะสร้างความตระหนักให้กับภาคสังคม ภาคเกษตรกร เอกชน ร่วมกันแก้ปัญหาให้ยั่งยืน
“นายกฯ มีความร้อนใจเรื่องนี้ เพราะรู้ว่าภาวะฝุ่น PM2.5 จะรุนแรงขึ้นในช่วงปลายปีจนถึงช่วงต้นปี 2567 รัฐบาลจะทำทุกทางเพื่อให้ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่จะมีค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) สูง และเป็นปีสุดท้ายที่ประชาชนจะเจอปัญหาฝุ่น ก่อนหน้านี้นายกฯลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และได้ประชุมร่วมกับผู้ว่าฯ 17 จังหวัดภาคเหนือตอนบนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเรื่องนี้ และหารือกับภาคประชาสังคม รวมทั้งขอความร่วมมืองดการเผาพืชผลการเกษตร และเน้นย้ำ เรื่องการลงโทษสำหรับการสร้างมลพิษ” นายจักรพล กล่าว
นายจักรพล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้คุยกับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถึงค่าฝุ่นPM 2.5 ที่สูงขึ้น เกิดจากสาเหตุการเผาอ้อยในพื้นที่ปริมณฑล และกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปแก้ปัญหา ขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติโดยพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดจะพยายามขับเคลื่อนการออกกฏหมายการออกกฏหมายร่างพ.ร.บ.กฎหมายสะอาด เข้าสภาฯ ทั้งนี้ วันพรุ่งนี้(14 ธ.ค.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ผลักดันต้นแบบจากการเผา เป็นนวัตกรรมการเกษตรอย่างอื่นแทน โดยรัฐบาลมีมาตรการที่จะให้เงินทุนอุดหนุนกับเกษตรกรที่เป็นสมาชิกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ที่ใช้วิธีการอื่นแทนการเผา
เมื่อถามย้ำว่า ปัญหาค่าฝุ่นที่สูงในกรุงเทพฯเกิดจากการเผาในจ.ปทุมธานี ใช่หรือไม่ นายจักรพล กล่าวว่า เกิดจากการเผาไร่อ้อยเพื่อเตรียมหน้าดิน ส่วนมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อบรรเทาสถานการณ์ในกรุงเทพฯ รัฐบาลเพิ่งทำงานมา3 เดือนกว่า แต่ได้เริ่มดำเนินมาตรการ เช่น จับกุมผู้เผา ที่เกษตรจังหวัดจะทำงานร่วมกับนายอำเภอในต่างจังหวัด โดยกำชับว่าจะต้องเข้าไปดูแลเฝ้าระวังไม่ให้เผาอย่างเข้มข้น
ส่วนจะประสานยังไซต์งานก่อสร้างหยุดการก่อสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นการชั่วคราวหรือไม่ นายจักรพล กล่าวว่า จะหารือกับผู้ว่าฯกทม.
เมื่อถามว่าทำเนียบรัฐบาลจะเป็นจุดเริ่มต้นนำร่องแก้ปัญหาเหมือนที่ผ่านมา เช่น การปล่อยละอองน้ำลดฝุ่น หรือติดเครื่องยนต์เมื่อจอด นายจักรพล กล่าวว่า ในฐานะที่ดูแลเรื่องนี้จะหารือผอ.กองอาคารสถานที่และรักษาความปลอดภัย พิจารณาดำเนินการ มาตรการรักษ์โลกต่อไป รวมถึงให้เน้นการเดินในทำเนียบรัฐบาล กทม. ส่วนข้อเสนอที่จะให้มีการขอความร่วมมือให้พนักงานเวิร์ค ฟรอม โฮมในภาคเอกชน นั้นไม่ว่ามาตรการใดที่ใช้แล้วประสบผลสำเร็จ จะนำมาถอดบทเรียน
เมื่อถามย้ำว่าปัญหาฝุ่นมีมานาน แต่ที่ผ่านมาเหมือนจะหย่อนยานเรื่องการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการต่าง ๆ นายจักรพล กล่าวว่า นับจากนี้ ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติจะร่วมกันผลักดันการแก้ปัญหาแก้ปัญหาด้วยความเข้าใจที่ตรงกัน ทำให้เป็นวาระแห่งชาติอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาแม้จะประกาศเป็นวาระแห่งชาติแต่ไม่ถูกนำไปปฏิบัติ อย่างยั่งยืน.-314.-สำนักข่าวไทย