เปิดบัญชีทรัพย์สิน 3 รมต. “เศรษฐา 1”

สำนักงาน ป.ป.ช. 4 ธ.ค.-ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน 3 รมต. “พวงเพ็ชร” รวย 871 ล้านบาท บ้าน 9 หลัง ที่ดินเพียบ ด้าน ” ภูมิธรรม” มีทรัพย์สิน 49.7 ล้านบาท ส่วน “จักรพงษ์” รมช.กต. โสด-รวย 56.5 ล้านบาท สะสมพระสมเด็จ นาฬิกาหรู ขณะที่ ”เศรษฐา” ยื่นบัญชีทรัพย์สินแล้ว อยู่ระหว่างตรวจก่อนเปิดสาธารณะ


สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป .ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน 3 รัฐมนตรีใหม่ กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 ก.ย.66 ในรัฐบาลเศรษฐา 1 โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนางอภิญญา ข้าราชการบำนาญมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คู่สมรส  แจ้งมีทรัพย์สินรวม 49,714,848บาท มีหนี้สิน145,504 บาท โดยเป็นทรัพย์สินของนายภูมิธรรม10,175,194 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 6 บัญชี 2,315,194 บาท ที่ดิน 2 แปลงใน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่และเขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ รวม3 ล้านบาทโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1.5 ล้านบาท ยานพาหนะ  2 คันเป็นรถยนต์ BMW และ TOYOTA รวม3.36 ล้านบาท สิทธิและสัมปทานระบุได้จากกองมรดก ทรัพย์สินอื่นไม่มี มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 145,504 บาท แจ้งมีรายได้ต่อปีรวม 1,548,203 บาทเป็นเงินเดือนโบนัสและบำนาญ 1,541,400 บาท ดอกเบี้ยธนาคารและสถาบันการเงิน 6,803 บาท มีรายจ่ายต่อปีเป็นค่าอุปโภคบริโภค ประกันภัยบ้าน ประกันชีวิตและอื่นๆรวม 681,123 บาท

ส่วนนางอภิญญา มีทรัพย์สินรวม 39, 539,654 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 8 บัญชี9, 029,624 บาท เงินลงทุนในสหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์4,192,000 บาท ที่ดิน3 แปลง ในเขตบางซื่อกรุงเทพฯ และอ.ปากช่องจ.นครราชสีมา 13 ,595,400 บาทโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านเดี่ยว 2 หลัง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯที่ได้รับมรดกรวม 10 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 2,722,630 บาท และแจ้งมีรายได้ต่อปีประมาณ 1,537,622 บาทแบ่งเป็นจากเงินเดือน โบนัสและบำนาญ 274,675 บาท ดอกเบี้ยธนาคาร 61,503 บาท เงินปันผลจากหุ้นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 181,443 บาท เงินคืนประกันชีวิต 20,000 บาท รายได้จากงานวิจัยและงานวิทยากร 1 ล้านบาท และแจ้งมีรายจ่ายต่อปี เป็นค่าอุปโภคบริโภค ประกันภัยบ้าน ประกันชีวิตและอื่นๆรวม1,039,120 บาท


นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งสถานะโสดมีทรัพย์สินรวม 56,588,980 บาท ไม่มีหนี้สิน ทรัพย์สินแบ่งเป็นเงินสด 1.5 ล้านบาทเงินฝาก4 บัญชี 1,777,516 บาทเงินลงทุนใน Equity-lHFG 3,818,600 หน่วยรวมมูลค่า3,775,464 บาทเงินให้กู้ยืม 20 ล้าน  แก่บริษัทยนตรทรัพย์ โดยนายสุรินทร์ แสงมณี ประธานบริษัทซึ่งเป็นบิดานายจักรพงษ์เอง เมื่อ 30 มี.ค 65 และยังมียอดหนี้คงเหลือเต็มจำนวน ยานพาหนะ 2.2 ล้านบาททรัพย์สินอื่น 27,336,000 บาท อาทิ พระสมเด็จ 1 องค์มูลค่า 7 ล้านบาท Diamond7.06 ct,T-VS มูลค่า 7.8 ล้านบาท ทองคำ รวม 41บาท นาฬิกา Rolex, Patek Philippe,Breitling1884  ,Leica ,Panerai 111 ,Santos De Cartier รวม10เรือน ปืน Glock 17 จำนวน 1 กระบอก ชุดเหรียญทองคำ 12 บาท 2 ชุด  เหรียญทองคำ 2.2 บาท 10 เหรียญชุดเหรียญทองคำ 24 บาท 1 ชุด ชุดเหรียญทองคำ 18 บาท 1 ชุด และแจ้งมีรายได้ต่อปีจากเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งรวม 1,362,720 บาท มีรายจ่ายต่อปีเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 600,000 บาท

ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่การเมือง นายจักรพงษ์ เป็นเป็นนักธุรกิจด้านโลจิสติกส์ตั้งแต่ปี2547 เป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ปี 53-56และปี61-ปัจจุบัน โดยในการเลือกตั้งเมื่อ14 พ.ค.66 นอกจากเป็นผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 92 แล้วยังทำหน้าหน้าที่เลขานุการศูนย์ปฏิบัติการการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ได้รับมอบหมายให้ติดตามดูแลนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเนตนายกรัฐมนตรีของพรรคอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ช่วงลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง

นางพวงเพ็ชร  ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่าคู่สมรสเสียชีวิตเมื่อ 1 ม.ค 39 มีทรัพย์สินรวม 871,071,133 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้จากธนาคารสถาบันการเงินอื่นรวม 17,597,018 บาท ทรัพย์สินแบ่งเป็นเงินสด 500,000 บาทเงินฝาก 30 บัญชี45, 529,534 บาทเงินลงทุนในกองทุนต่างๆ 70,710,636 บาท ที่ดิน 51แปลง ทั้งโฉนดและน.ส. 3 ก. ในกรุงเทพฯ ,ปทุมธานี ,ระยอง ,เลย,ประจวบ,กำแพงเพชร ,หนองคาย รวม 213,030,000บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างจำนวน 9 หลัง รวม333,550,000บาท แบ่งเป็นบ้านพักอาศัย 7 หลังในเขตหลักสี่กรุงเทพฯ มูลค่า 70 ล้านบาท เขตพญาไท 75 ล้าน  ในอ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 88 ล้านในอ.แกลง จ.ระยองมูลค่า 50 ล้าน อาคารสำนักงานในเขตจตุจักร กรุงเทพฯมูลค่า 45 ล้านห้องชุดเตาปูนแมนชั่น 550,000 บาท ยานพาหนะ 22,121,963บาท โดยเป็นรถยนต์ 9 คันทั้ง Toyota Isuzu Benz และ Volkswagen ป้ายแดง จักรยานยนต์ Honda เรือยอร์ช1ลำ ซึ่งแจ้งหายไว้ที่สภ.พัทยา สาขาโค้งดงตาลเมื่อ 7 ก.ค. 58 และเรือยนต์ 1ลำจอดซ่อม


สิทธิและสัมปทาน 6 ล้านบาทเป็นสัญญาเช่าที่ดินรัชดา 76 ตั้งแต่ 1 เม.ย. 65 ถึง 31 ต.ค. 67 ทรัพย์สินอื่น 179,629,000 บาท อาทิ งาช้าง 4 กิ่ง มูลค่า 1 ล้านบาท ทองคำแท่ง 3 กิโลกรัม 60 บาท จำนวน 9 แท่งมูลค่า 8,415,000 บาท สร้อยคอทองคำน้ำหนักรวม 10 บาท 5 เส้นมูลค่า 1.6 ล้านบาท สร้อยคอ ข้อมือเพชร 6 ชิ้นมูลค่า 4.8 ล้านบาท เข็มกลัด ต่างหูแหวน จี้มุก 30 ชิ้นมู ลค่า 2,387,000 บาท สร้อยคอมุก 9 ชิ้นมูลค่า 2.8 ล้านบาท แหวนเพชร ต่างหู จี้เพชร 19 ชิ้นมูลค่า 37.8 ล้านบาท ชุดจี้เพชรรูปหัวใจ 6 ชิ้นมูลค่า 27,870,000 บาทแหวนทองคำ แหวนมรกต ไพลินล้อมเพชร 13 ชิ้นมูลค่า 2,975,000 บาทชุดไทยอุบะ เข็มขัดเพชร 5 ชิ้น 9 แสนบาท ชุดมรกต 13 ชิ้น 2,450,000 บาท ชุดPink Tourmaline 20 ชิ้น 2,030,000 บาท ชุดอัญมณีไพลิน 16 ชิ้น ชุดบุษราคัม 11 ชิ้น 2 ล้านบาทชุดเบญจภาคี 1 ชุด 40 ล้านบาท นาฬิกา 22 เรือน 11,050,000 บาทชุดพระเครื่อง 154 ชิ้น 18,852,000 บาทกระเป๋าถือ Hermes ,Chanel ,Prada YSL ,LV,Gucci 22 ใบ 3,150,000 บาท เป็นต้น  แจ้งมีรายได้ต่อปีประมาณ 2.4 ล้านบาทจากค่าเช่าที่ดินและมีรายจ่ายต่อปีประมาณ 2,663,675 บาทเป็นค่าอุปโภคบริโภค 1.2 ล้านบาท ค่าผ่อนรถ 1,343,675 บาท ค่าอุปการะมารดา 120,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีข้อมูลจากสำนักงาน  ป.ป.ช.ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินมาแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยยังอยู่ภายในกรอบที่ต้องยื่นก่อนวันที่ 4 ธันวาคม ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบการมีอยู่จริงของทรัพย์สินโดยสำนักงาน ป.ป.ช. ก่อนแจ้งกำหนดวันแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายกรัฐมนตรีต่อไป.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย