โรงละครอักษราฯ 25 ต.ค.- “เศรษฐา” ย้ำพร้อมปรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ตามที่มีการแนะนำเข้ามา เล็งหาคำนิยาม “คนรวย” ให้เหมาะสม ยันจ่ายงวดเดียวไม่แบ่ง 3 รอบ มั่นใจพรรคร่วมรัฐบาลหนุน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ในครั้งต่อไป ว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบ ต้องถามนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ส่วนการกำหนดไทม์ไลน์นั้น วานนี้ (24 ต.ค.66) ได้คุยเบื้องต้นแล้ว ซึ่งทีมงานได้คุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อหาวิธีการปรับแต่งเติม ตามที่ทุกภาคส่วนเสนอแนะเข้ามา ซึ่งขอพบกันก่อน
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีพูดบนเวทีปาฐกถาว่าจะต้องปรับเงื่อนไขในส่วนของคนรวยนั้นเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ใครจะบอกว่าคนรวยคือคนรวยใช่หรือไม่ ซึ่งตนรับฟังอยู่แล้วว่าต้องปรับตรงนี้ โดยกำลังหาคำจำกัดความที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายว่าคนรวยคืออะไร พร้อมน้อมรับคำแนะนำจากผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่แล้วว่าควรที่จะเจาะจงมากขึ้น บางภาคส่วนที่ไม่เดือดร้อนอาจไม่ต้องรับ ซึ่งรับฟังอยู่
เมื่อถามว่า แอปพลิเคชันเป๋าตังเดิม หรือแอปพลิเคชันอื่น สามารถพอใช้ได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใช้ได้
ส่วนขณะนี้ยังยืนยันว่าให้กู้เงินมาใช้ในโครงการอยู่หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ก็ตามที่บอกไป
เมื่อถามถึงข้อเสนอที่ขอให้รัฐบาลทบทวนการจ่ายเงินเป็น 3 งวด แทนงวดเดียว จะนำมาพิจารณาหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า พิจารณาแล้ว คิดว่าไม่เอา คงจ่ายรวดเดียว เพราะอยากให้กระตุ้นเศรษฐกิจทีเดียว และเม็ดเงินมันใหญ่ จะได้ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน
ส่วนที่มีดราม่าประเด็นพรรคร่วมรัฐบาลไม่ออกตัวในโครงการดังกล่าว ในที่ประชุมมีความเห็นอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีใครมีปัญหา และยืนยันว่าสนับสนุน
เมื่อถามถึงกรณี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตถึงทางตันแล้ว เพราะอาจจะขัดต่อกฎหมาย ซึ่งนายกรัฐมนตรีฟังคำถาม แต่ไม่ตอบ
เมื่อถามย้ำว่า นายกรัฐมนตรีไม่กังวลในประเด็นดังกล่าวใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า “ไม่ครับ”
ส่วนที่มีหลายฝ่ายเดินหน้าร้องเรียนโครงการดังกล่าวกับองค์กรอิสระ จะเป็นอุปสรรคหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องชี้แจง เพราะองค์กรอิสระก็มีหน้าที่ของเขา ตนก็มีหน้าที่ชี้แจง
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะทำอย่างไรเพื่อให้ประชาชนและมุมดีๆ ของโครงการดังกล่าวดังกว่าเสียงท้วงติง นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มันไม่เกี่ยวว่าดังหรือค่อยกว่า แต่อยู่ที่ว่าความจริงคืออะไร ความจริงคือ 10 ปีที่ผ่านมา จีดีพีของประเทศไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.8% หนี้ครัวเรือนขึ้นจาก 76% เป็น 90% ซึ่งสูงสุดติดท็อปเท็นของโลก เพราะฉะนั้นประเทศไทยจึงต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตนก็ต้องเดินสายชี้แจงและรับฟังข้อท้วงติง และเมื่อมีคนไปร้อง ตนต้องชี้แจง
เมื่อถามย้ำว่า นายกรัฐมนตรีมีแผนสองในการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบทันทีว่า ไม่มีแผนสอง มีเป็นสิบแผนตามที่เคยกล่าวไปแล้ว เช่น การยกระดับเศรษฐกิจไทย การบริหารจัดการน้ำ และหลายๆ แผน
ส่วนกระแสข่าวอาจจะเลื่อนการแจกเงินจาก 1 ก.พ.67 ออกไป นายกรัฐมนตรี ระบุว่า กำลังดูอยู่ ส่วนจะทันไตรมาสแรกของปี 67 หรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า พยายามทำให้เร็วที่สุด ส่วนเม็ดเงินดังกล่าวขอให้มีการประชุมก่อน เพราะคำถามดังกล่าวมีเข้ามาเยอะเหลือเกิน หากพูดไปก็จะเกิดความสับสน
เมื่อถามกรณีที่เรียกรัฐมนตรีสัดส่วนพรรคเพื่อไทยไปประชุมบนตึกไทยคู่ฟ้า และกำชับให้ทำงานควิกวิน-ส่งการบ้านภายใน 2 สัปดาห์นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่เน้นไปในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย และมีการเน้นกับ ครม.เพื่อไทยอีกครั้ง เพราะเราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และอย่างที่บอกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเรามีเยอะ หลายนโยบาย แต่ละกระทรวงก็สามารถส่งผลงานกันได้
เมื่อถามว่า รัฐมนตรีแต่ละคนพยายามที่จะเดินหน้าแต่ละงานแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นเรื่องภายใน ขอเก็บไว้ก่อน แต่หวังว่าเขาจะเดินหน้าเต็มที่ หากไม่เดินหน้าเต็มที่ก็คงเป็นหน้าที่ตนในการบริหารจัดการให้เขาเดินหน้าอย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย