รัฐสภา 20 ต.ค. – สภาฯ ถกปัญหาหนี้ครัวเรือน สส.เพื่อไทย ระบุเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไข หนุนดิจิทัล วอลเล็ต เชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ขณะ สส.ปชป. ชี้เป็นระเบิดเวลาทางเศรษฐกิจ พร้อมเสนอ 3 แนวทางแก้
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดพิเศษวันนี้ (20 ต.ค.) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเริ่มการประชุมได้ให้สมาชิกปรึกษาหารือประเด็นความเดือดร้อนของประชาชน จากนั้นสมาชิกอภิปรายญัตติการตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือน ที่เสนอโดยนายอนุชา บูรพชัยศรี พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยนายกิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายสนับสนุนญัตติ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่และสำคัญกับระบบเศรษฐกิจของไทย
“ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนขยายตัว 11.5% คิดเป็นมูลค่าหนี้ต่อครอบครัว 559,000 บาทต่อครัวเรือน 80% เป็นหนี้ในระบบ และ 20% เป็นหนี้นอกระบบ โดยหนี้ครัวเรือนมียอด 16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 90% ของจีดีพีในประเทศไทย อยู่ที่ 17.4 ล้านล้านบาท ถือเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ และไม่ใช่เพียงหนี้ครัวเรือน แต่ยังพบว่าหนี้ภาครัฐก็สูงเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ผมเห็นใจรัฐบาลชุดปัจจุบันที่เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศครบ 1 เดือน เพราะต้องเข้ามารับโจทย์ใหญ่ แต่มั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาได้” นายกิตติศักดิ์ กล่าว
นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือน สิ่งสำคัญคือการลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน ปัจจุบันรัฐบาลลดราคาพลังงาน ทั้งค่าไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง และยังมีโครงการพักชำระหนี้เกษตรกร นอกจากนี้ต้องเร่งแก้ไขปัญหากลไกทางการเงิน ซึ่งสถาบันการเงิน ต้องช่วยเหลือประชาชนที่มีปัญหาหนี้สิน รัฐบาลต้องดูแลนายทุนเงินกู้ไม่ให้ซ้ำเติมประชาชน และต้องเพิ่มรายได้ เช่น การยกราคาสินค้าทางการเกษตร ทำให้พ่อค้าในตลาดสามารถขายของได้เกิดการจ้างงาน โรงงานผลิตของเพิ่ม ส่งผลให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น ทำให้รัฐบาลมีเงินงบประมาณมาทำโครงการที่เป็นประโยชน์กับประชาชน รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งรัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ทั้งระบบ ขอให้กำลังใจรัฐบาลที่ต้องแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างเป็นระบบ สร้างงาน สร้างอาชีพ ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้แล้วเศรษฐกิจจะดี และหวังว่าประเทศไทยจะหลุดพ้นจากประเทศที่มีรายได้น้อย ไปสู่รายได้ปานกลาง หรือรายได้มากและให้ประชาชนหมดหนี้สินและตั้งตัวได้
ด้านนายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่าหนี้สินครัวเรือนที่เกิดจากประชาชนกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินต่าง ๆ มาใช้จ่าย ขณะนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศและเป็นสิ่งที่กังวลมากยิ่งขึ้น มีปัจจัยมาจากรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย สภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ราคาสินค้าแพง การขาดความรู้และวินัยทางการเงิน รวมถึงมีความต้องการความจำเป็นในการใช้จ่ายทำให้ประชาชนต้องกู้หนี้ยืมสินมากขึ้นแต่ชำระหนี้น้อยลงจนเป็นหนี้เสีย เป็นหนี้ที่ไม่อาจสร้างรายได้ ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงถึง 37% คิดเป็น 25 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของประชากรไทย และในปี 2566 ไทยมีหนี้สินครัวเรือน 16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 90% ของจีดีพี ซึ่งอยู่ในขั้นอันตรายและติดอันดับต้นต้นของโลกประกอบกับมีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก
“เมื่อมีปัญหาหนี้สินตามมา ทำให้เกิดปัญหาสังคมและยังฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ หลายคนเปรียบเทียบว่า หนี้ครัวเรือนคือระเบิดเวลาของเศรษฐกิจไทย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งป้องกัน โดยใช้กลไกของสภาในการศึกษา ซึ่งผมมี 3 ข้อเสนอแนะ คือ 1. สร้างภูมิคุ้มกันตระหนักรู้ทางการเงินให้ประชาชนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดระเบิดหนี้สินครัวเรือน โดยการส่งเสริมการเพิ่มพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการประกอบการสร้างรายได้หลักรายได้เสริมและการสร้างอาชีพที่มั่นคง 2. หามาตรการที่ช่วยควบคุมการก่อหนี้ ลดหนี้และปลดหนี้ 3. การเพิ่มการกระจายรายได้ ลดรายของครัวเรือน เพื่อกอบกู้และทำลายระเบิดหนี้สิน” นายร่มธรรม กล่าว.-สำนักข่าวไทย