ทำเนียบฯ 16 ต.ค.- “พีระพันธุ์” แจง ครม.ตีตกมาตรการลดราคาเบนซิน ไม่ตอบโจทย์ ชี้ต้องปรับลดแบบภาพรวม ตั้งเป้าลดอีก 2.50 บาท ให้เวลา 2 สัปดาห์ ทันเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เผยความคืบหน้าการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เรื่องการปรับลดราคาน้ำมันเบนซิน เพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เสนอมาตรการ 2 แนวทาง ได้แก่ การช่วยเหลือกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งต้องใช้งบประมาณอุดหนุนจากภาครัฐ ประมาณ 95 ล้านบาท และอีกแนวทางคือ ขยายจากกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้างไปยังกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และมีค่าใช้จ่ายสนับสนุนกว่า 4,000 ล้านบาท
นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวนั้นไม่เห็นด้วยกับ 2 นโยบายนี้ เนื่องจากนโยบายของทางรัฐบาลเห็นพ้องว่า ต้องลดราคาน้ำมันลงแบบภาพรวม ไม่ใช่การช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม จึงได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางการช่วยเหลืออีกหนึ่งแนวทาง คือ การลดราคาน้ำมันแบบภาพรวมแบบน้ำมันดีเซล เพื่อที่จะเสนอต่อที่ประชุม ครม.ต่อไป
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้ให้แนวทางว่า ได้นำราคาน้ำมันดีเซลที่มีราคาต่ำสุดในตลาดมาปรับลดลง ดังนั้นควรนำน้ำมันเบนซินมาปรับลดลงเช่นกัน ส่วนภาระค่าใช้จ่ายในการปรับลดจะได้มากน้อยแค่ไหน รัฐบาลจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง หน่วยงานอื่นมีหน้าที่เพียงนำเสนอแนวทางเท่านั้น โดยเป้าหมายจะปรับลดราคาน้ำมันเบนซินลงอีก 2.50 บาท อย่างไรก็ตาม ต้องมีการหารือกับกระทรวงการคลังก่อน ว่าจะสามารถรับภาระได้มากน้อยแค่ไหน คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณา 2 สัปดาห์ และคาดว่าจะสามารถปรับลดราคาน้ำมันเบนซิน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน
นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตนได้ศึกษาเรื่องของโครงสร้างน้ำมันและราคาน้ำมัน เพื่อดำเนินการปรับลดราคาน้ำมันเบนซินให้ได้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม ซึ่งตนเองก็ยังไม่เข้าใจ เพราะทำงานได้เพียงเดือนกว่า แต่คนที่ทำงานเป็นปีๆ ยังไม่สามารถให้คำตอบตนเองได้ ถือเป็นเรื่องแปลกประหลาด ซึ่งหากสามารถปรับลดได้ในภาพรวม จะดำเนินการทันที โดยตนยืนยันว่า แนวทางการปรับลดราคาน้ำมันดีเซลในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา จนถึงการหาแนวทางการปรับลดราคาน้ำมันเบนซินในเดือนนี้ อยู่บนพื้นฐานโครงสร้างราคาน้ำมันที่ทำมาเป็น 10 ปี โดยตนจะคิดหาวิธีการในการปรับลดราคาน้ำมันลงได้มากกว่านี้และยั่งยืน ซึ่งจำเป็นต้องแก้กฎหมาย และไม่ใช่เรื่องยาก
ทั้งนี้ ตนเองกำลังตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อตรวจสอบค่าการตลาดน้ำมันแต่ละค่ายอย่างเป็นทางการแล้ว ส่วนการพูดคุยกับบริษัทน้ำมันต่างๆ ก็ไม่เป็นประโยชน์ เพราะพูดคุยมาก็ถือเป็นความลับ ข้อมูลทางการค้า ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้จึงต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อหาคำตอบ และต้องยึดถือข้อมูลอย่างเป็นทางการ เมื่อไม่ให้ข้อมูลก็ต้องเอาจากข้าราชการเป็นหลัก เมื่อให้โอกาสชี้แจงแล้วก็ไม่มา เมื่อไม่มาก็ช่วยไม่ได้ ซึ่งโครงสร้างราคาน้ำมัน มีตั้งแต่หน้าโรงกลั่น ซึ่งราคาหน้าโรงกลั่นที่บวกราคาค่าการกลั่น ซึ่งตนเองไม่อยากใช้คำพูดนี้ เมื่อพูดถึงค่าการกลั่น เหมือนมีค่าใช้จ่ายในการกลั่น แต่จริงๆ ไม่ใช่ ค่าการกลั่นหมายถึงกำไรเบื้องต้นแล้ว
ส่วนค่าใช้จ่ายในการกลั่นอยู่ในงบดำเนินงาน เรื่องนี้เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ตนเองได้บอกกับเจ้าหน้าที่กระทรวงว่า สามารถเปลี่ยนคำได้หรือไม่ เพราะไปใช้คำว่า ค่าการกลั่น คนทั่วไปก็คิดว่าเป็นค่าใช้จ่าย แต่ความจริงไม่ใช่ เพราะคือกำไรอยู่แล้ว
ส่วนโครงสร้างพลังงานจะแล้วเสร็จเมื่อไร นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนเองทำคนเดียวไม่ได้ ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำแล้ว และเริ่มประชุม 18 ต.ค.นี้ ส่วนกรอบเวลาตนให้ไปภายใน 30-60 วัน ซึ่งตนเองได้ตั้งคณะกรรมการอีกหลายคณะ เพื่อมาดูเรื่องนี้ ไม่รอให้เสียเวลา เมื่อภารกิจแต่ละหน่วยงานมาก แต่มีเป้าหมายของเราที่ต้องทำ จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำงานเอง เพื่อจะได้คำตอบเร็วขึ้น.-สำนักข่าวไทย