เที่ยวไทยคนละครึ่ง เปิดให้ประชาชนจอง 5 แสนสิทธิ์ เริ่ม 1 ก.ค.นี้

เที่ยวไทยคนละครึ่ง

27 มิ.ย. – ททท. ประกาศ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เปิดให้ประชาชนเตรียมพร้อมจอง 5 แสนสิทธิ์ เริ่ม 1 กรกฎาคม 2568 ก่อนเดินทางจริง 4 กรกฎาคม เป็นต้นไป


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดฉากโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เชิญชวนประชาชนเตรียมตัวจองใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พักในเมืองท่องเที่ยวหลัก วันธรรมดาในอัตรา 50% ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืน และในวันหยุด สนับสนุน 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืนเช่นกัน กรณีใช้สิทธิ์ในเมืองน่าเที่ยว รัฐบาลสนับสนุน 50% ทั้งวันธรรมดาและวันหยุด โดยต้องทำการจองและชำระเงินล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันก่อนการเดินทางใช้สิทธิ์ และสามารถเริ่มเดินทางใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม ถึง 31 ตุลาคม 2568 นอกจากนี้ เมื่อเช็กอินเข้าที่พัก ผู้ใช้สิทธิ์จะได้รับ e-Coupon มูลค่า 500 บาทต่อสิทธิ์ สำหรับเป็นส่วนลดค่าอาหารและกิจกรรมท่องเที่ยว

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 มีมติอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ประจำปี 2568 ภายใต้งบประมาณ 1,760 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคประชาชนผ่านการท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วง Green Season เพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการชะลอการเดินทางจากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติจากปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบ ทั้งกรณีพิพาทระหว่างประเทศและความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจโลก ตลอดจนส่งเสริมการเดินทางทั้งในเมืองหลักและกระจายนักท่องเที่ยวไทยไปยังเมืองน่าเที่ยวเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยวอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ททท. คาดว่าโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” จะช่วยสร้างรายได้หมุนเวียนทางการท่องเที่ยวประมาณ 35,033 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ประกอบการสมัครเข้าร่วมโครงการฯ แล้วกว่า 34,000 ราย


นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” จะมอบสิทธิประโยชน์จำนวน 500,000 สิทธิ์ สำหรับใช้บริการที่พัก สินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย ประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน Amazing Thailand ด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรืออุปกรณ์ Tablet และจองที่พักได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เวลา 08.00 น. จนถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2568 หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด โดยกำหนดให้ผู้รับสิทธิ์จะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันลงทะเบียน มีบัตรประจำตัวประชาชน และลงทะเบียนผ่าน ThaID Application เพื่อยืนยันตัวตน

ผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” จะมีโอกาสได้รับสิทธิ์ค่าที่พักจำนวนสูงสุด 5 สิทธิ์ ต่อ 1 คน โดยผู้ที่ลงทะเบียนและทำการจองที่พักรวมถึงชำระเงินก่อนจะได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) แบ่งเป็นสิทธิ์สำหรับค่าที่พักในเมืองหลักจำนวน 3 สิทธิ์ และเมืองน่าเที่ยวจำนวน 2 สิทธิ์ สำหรับพื้นที่เมืองหลัก ในวันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์) รัฐบาลจะสนับสนุน 50% ของค่าที่พัก สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืน และวันหยุดและวันหยุดนักขัตฤกษ์ รัฐบาลจะสนับสนุน 40% ของค่าที่พัก สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืน กรณีใช้สิทธิ์ในพื้นที่เมืองน่าเที่ยว 55 จังหวัด รัฐบาลจะสนับสนุน 50% ของค่าที่พักสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืน ทั้งในวันธรรมดาและวันหยุด โดยสามารถค้นหาที่พักที่เข้าร่วมโครงการได้ผ่านแอปพลิเคชัน Amazing Thailand และทำการติดต่อจองที่พักโดยตรงกับผู้ประกอบการ พร้อมชำระเงินค่าที่พักภายใน 23.00 น. ของวันที่ทำการจองและแนบหลักฐานการชำระเงินบนระบบแอปพลิเคชัน Amazing Thailand เมื่อที่พักรับชำระเงินและแจ้งยืนยันการรับชำระในระบบแอปพลิเคชัน Amazing Thailand แล้วจึงถือว่าได้รับสิทธิ์ในการสนับสนุนค่าที่พัก โดยประชาชนสามารถใช้สิทธิ์และจองที่พักได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้นจังหวัดตามบัตรประชาชนของตนเอง และสามารถเดินทางใช้สิทธิ์ได้หลังจากการจองและชำระเงินอย่างน้อย 3 วัน โดยสามารถเริ่มออกเดินทางใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม -31 ตุลาคม 2568 (เข้าพัก 30 ตุลาคม 2568 เป็นคืนสุดท้าย) กรณีที่ผู้ใช้สิทธิ์ไม่ชำระเงินภายในเวลา 23.00 น.ของวันที่ทำการจองที่พัก ระบบจะยกเลิกการจองโดยอัตโนมัติ และนำสิทธิ์นั้นกลับเข้าสู่ระบบต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อมีการเดินทางใช้สิทธิ์ ผู้ใช้สิทธิ์จะได้รับ e-Coupon มูลค่า 500 บาทต่อ 1 สิทธิ์ในระบบแอปพลิเคชัน Amazing Thailand ทันที เมื่อเช็กอินเข้าพักผ่านทางแอปพลิเคชัน Amazing Thailand และยืนยันตัวตนผ่านระบบ ThaID ณ โรงแรมที่พัก โดยสามารถใช้เป็นส่วนลด 50% สำหรับทุกการใช้จ่ายกับร้านค้าและสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ


ทั้งนี้ ส่วนต่างของการใช้จ่าย ผู้ใช้สิทธิ์จะต้องเป็นผู้ชำระเงินเอง ซึ่ง e-Coupon มูลค่า 500 บาท สามารถใช้ได้จนถึงเวลา 23.00 น. ของวันถัดไป ทั้งนี้ หากมีการใช้สิทธิ์ในการจองที่พักมากกว่า 1 คืน ผู้ใช้สิทธิ์จะต้องทำการเช็กอินผ่านระบบแอปพลิเคชัน Amazing Thailand และยืนยันตัวตนผ่านระบบ ThaID ณ โรงแรมที่พัก ระหว่างวันที่เข้าพักทุกวัน ก่อนเวลา 16.00 น. เพื่อรับ e-Coupon มูลค่า 500 บาทในระบบ เวลา 17.00 น. และสามารถใช้ได้จนถึงเวลา 23.00 น. ของวันถัดไป

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งธุรกิจโรงแรม/ที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านค้า OTOP แหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมท่องเที่ยว สปา นวดเพื่อสุขภาพ รวมถึงบริการรถเช่าและเรือเช่า สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2568 ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com หลังจากสมัครและกดยินยอมรับยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขเข้าร่วมโครงการฯ แล้ว ธนาคารกรุงไทยจะดำเนินการตรวจสอบข้อมูลบัญชีของผู้ประกอบการ โดยใช้เวลา 5 วันทำการ และจะแจ้งผลการพิจารณาผ่านระบบ หลังจากนั้นทางคณะกรรมการจะดำเนินการนำรายชื่อสถานประกอบการแสดงบนหน้าเว็บไซต์ต่อไป ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2568 เวลา 16.00 น. มีผู้ประกอบการลงทะเบียนทั้งสิ้น จำนวน 34,005 ราย โดยมีผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนพร้อมกรอกเอกสารสำเร็จ จำนวน 6,439 รายและผู้ประกอบการที่รอยื่นเอกสารเพิ่มเติม จำนวน 27,566 ราย

ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการลงทะเบียน ประชาชนสามารถศึกษารายละเอียดการเข้าร่วมโครงการและขั้นตอนการใช้สิทธิ์ได้ที่ https://เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com พร้อมดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Amazing Thailand และลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชั่น ThaID ไว้ล่วงหน้าก่อนการเปิดลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร. 02-483-0963 ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. หรือสอบถามผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน Line Official Account: @ThaiTravelCopay ได้ในช่วงเวลาเดียวกัน.- 116 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]