ปชป.แนะ “เศรษฐา” ฟังเสียงเตือนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต

กรุงเทพฯ 7 ต.ค. – “ราเมศ” ย้ำคำพูด “เศรษฐา” รับฟังเสียงสวรรค์ เตือนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ระวังลงเหว

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีมีข้อท้วงติงนโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่จะมีการแจกเงิน 10,000 บาท ว่า ตนเคยท้วงติง ตั้งคำถามตั้งแต่ช่วงแรกที่มีการแถลงนโยบายว่า รัฐบาลยังแจงรายละเอียดต่อประชาชนไม่ได้ว่าจะมีหลักการใช้จ่ายงบประมาณอย่างไร งบประมาณจะใช้จากส่วนไหน วิธีการดำเนินการยังกลับไปกลับมา และขณะนี้มีแถลงการณ์ของอาจารย์เศรษฐศาสตร์ได้ออกมาให้ความเห็น ด้วยเหตุด้วยผล ซึ่งรัฐบาลต้องรับฟังความเห็นด้วยความจริงใจ แต่ดูเหมือนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่ได้ให้ความสนใจ ทั้งที่เป็นประเด็นเกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ เพราะงบประมาณที่จะต้องนำไปใช้กับโครงการดังกล่าวมีจำนวนมากถึง 560,000 ล้านบาท คำท้วงติงที่บอกว่าจะได้ไม่คุ้มเสียนั้น นายกรัฐมนตรีต้องละเอียดในการตรึกตรอง การใช้เงินมากมายมหาศาล หากนำมาสร้างงานเพื่อให้ประชาชนเกิดรายได้ที่ยั่งยืนได้

ดังนั้น นายกรัฐมนตรีต้องคิดให้ดี เพราะหากจะเดินหน้าโดยไม่สนใจไยดี ท้ายที่สุดประชาชนก็ต้องรับผลกระทบ ต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นหรือไม่ ราคาสินค้าจะแพงขึ้นหรือไม่ จะมีผลต่อหนี้สาธารณะหรือไม่ รัฐบาลต้องคิด อย่าเอาชีวิตประชาชนและประเทศมาเป็นตัวประกัน เพราะหากเกิดความเสียหาย รัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร

นายราเมศ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีต้องไม่ลืมคำพูดของตนเองที่พูดว่า “บางทีเสียงที่เราไม่อยากได้ยินกลับเป็นเสียงสวรรค์” ดังนั้นก็ควรระลึกถึงคำพูดและปฏิบัติให้เห็นด้วย เพราะคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีได้ควรรักษาคำพูด รับฟังความเห็นอย่างจริงใจ สำคัญที่สุด อย่าลืมว่า นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ประธานบริษัท จะกระทำสิ่งใดต้องยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศ มีคำเตือนอยู่ว่าข้างหน้านายกรัฐมนตรีกำลังจะพาประชาชน พาประเทศไปลงเหว ก็ควรหยุดคิดพิจารณาคำท้วงติง คำเตือน เพื่อไปปรับปรุงแก้ไข การบริหารประเทศไม่อยากให้ทำการเมืองด้วยนโยบายที่ไม่รับผิดชอบ แล้วทิ้งภาระไว้ให้ประชาชนในอนาคต

นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า ขอนายกรัฐมนตรีเตือนคนของพรรคเพื่อไทยที่ออกมาแถลงข่าวโต้ตอบด้วยว่า อย่าทำตัวเหมือนโดนน้ำร้อนลวก ควรออกมาชี้แจงด้วยเหตุด้วยผล แต่ที่ออกมาส่วนมากจะเอาประเด็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ไปเลือกหัวหน้าพรรคให้ได้ก่อนถึงจะวิจารณ์คนอื่นได้นั้น แต่ในทางการเมือง พวกที่พูดเช่นนี้มีปัญหาทางสภาพจิตใจ ควรมีวุฒิภาวะในทางการเมืองให้มากกว่านี้ เรื่องเลือกหัวหน้าพรรคเป็นเรื่องภายใน เรื่องประชาธิปไตยภายในพรรค ไม่มีใครมาชี้นิ้วสั่งได้ คนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ ก็ต้องมีการคัดสรร กลั่นกรองจากสมาชิกพรรค และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยมีใครกระทำการทุจริตแล้วติดคุกหรือต้องถูกยึดทรัพย์ เพราะฉะนั้น ถ้าจะมาโต้ตอบในทางการเมือง ควรออกมาอย่างมีวุฒิภาวะ อย่างผู้มีปัญญาด้วย. – สำนักข่าวไทย