ก.มหาดไทย 2 ต.ค.- มท.1 สุดปลื้ม ปิดงาน OTOP Midyear 2023 รวม 9 วัน สร้างรายได้ผู้ประกอบการ 447 ล้านบาท ทะลุเป้าที่กำหนด ขณะที่ผู้เที่ยวชมงาน 1.6 แสนคน พร้อมขอบคุณประชาชนร่วมจับจ่ายใช้สอยอุดหนุนผลิตภัณฑ์มาตรฐานฝีมือคนไทย ชี้เงินทองหมุนเวียนในประเทศ เดินหน้ายกระดับสินค้าสู่ตลาดสากล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน จัดงาน OTOP Midyear 2023 ระหว่างวันที่ 23 กันยายน 2566 ถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี เพื่อส่งเสริมการตลาด สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ OTOP ตามนโยบายของคณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ ซึ่งตลอด 9 วัน ได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และจังหวัดใกล้เคียง เดินทางมาจับจ่ายใช้สอยและร่วมให้กำลังใจพี่น้องชาวบ้านผู้ประกอบการกว่า 1,670 คนจากทั่วทุกภาคของประเทศไทย
“ขณะนี้การจัดงาน OTOP Midyear 2023 ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว มียอดการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ทั้งงานรวมจำนวนเงินทั้งสิ้น 447,009,957 บาท มีผู้เที่ยวชม ให้กำลังใจผู้ประกอบการ และอุดหนุนสินค้า จำนวน 166,143 คน โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมเลือกซื้อ 5 อันดับแรก คือ 1.กลุ่มผ้าและเครื่องแต่งกาย มียอดจำหน่าย 136,425,482 บาท 2. โซนศิลปิน OTOP มียอดจำหน่าย 62,679,372 บาท 3. OTOP ชวนชิม ผักและผลไม้ มียอดจำหน่าย 44,851,189 บาท 4.ของใช้ ของตกแต่ง 41,754,483 บาท และ 5.โซน OTOP ขึ้นเครื่อง 35,388,990 บาท” นายอนุทิน กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่าต้องขอขอบคุณประชาชนที่ได้ร่วมกันจับจ่ายใช้สอยและเลือกซื้อเลือกหาอุดหนุนสินค้าชุมชนของผู้ประกอบการในการจัดงาน OTOP Midyear 2023 ในครั้งนี้ อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าศักยภาพของพวกเราคนไทยสามารถผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ คุณค่า และคุณประโยชน์ ทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้พวกเราคนไทยเชื่อมั่นในสินค้าที่เป็นภูมิปัญญาคนไทย โดยหลังจากนี้ กระทรวงมหาดไทยจะได้ถอดบทเรียนโดยให้กรมการพัฒนาชุมชนได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาควิชาการ ภาคเอกชน และภาคส่วนอื่น ๆ ในการหาแนวทางส่งเสริมองค์ความรู้และทักษะให้กับผู้ประกอบการ OTOP ประเภทต่าง ๆ เพื่อทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาสินค้า OTOP ให้เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ สอดคล้องความต้องการของผู้บริโภค และได้รับความนิยมชมชอบของตลาดระดับสากลต่อไป.สำนักข่าวไทย