“ศิธา” มอง “ก้าวไกล” ต้องรักษาทั้ง “รอง ปธ.สภา-ผู้นำฝ่ายค้าน” ถ่วงดุลอำนาจ

กทม. 19 ก.ย. – “ศิธา” โผล่โซลบาร์ มอง “ก้าวไกล” ต้องรักษาทั้ง “รอง ปธ.สภา-ผู้นำฝ่ายค้าน” ถ่วงดุลอำนาจ ย้อนกลับ “เพื่อไทย” มองขับ “หมออ๋อง” เป็นการละคร สุดท้ายใครได้ประโยชน์ ยกคำ “วิโรจน์” ต้องแรงสู้คนหน้าด้าน บอกเป็นสิ่งที่เขาโดนกระทำ อาจจะฮึบขึ้นสู้สักที ยันไม่ใช่ “นายแบกก้าวไกล” เพราะไม่ได้ผิดหลักการ ลูก 4 แล้ว แบกไม่ได้


น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย เดินทางไปที่โซลบาร์ ซึ่งเป็นบาร์เครื่องดื่มประจำพรรคก้าวไกล โดยเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งใจมาดื่มเครื่องดื่มอยู่แล้ว ซึ่งปกติก็มาเป็นประจำ พร้อมให้สัมภาษณ์ประเด็นการเมือง ถึงการหาบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า ให้เขาเลือกกันในพรรค เพื่อที่จะได้ตัวแทนที่เหมาะสมที่สุด แต่สิ่งที่ตนอยากจะพูด สิ่งที่พรรคก้าวไกลมีอยู่ตอนนี้คือ เป็นพรรคที่ไม่ร่วมรัฐบาลมีจำนวน สส. มากที่สุด สามารถเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้

ตำแหน่งดังกล่าวควรที่จะเป็นคนที่ประชาชนสามารถให้ความคาดหวังและเป็นที่พึ่งได้ เพราะระบบรัฐบาลสภาไม่ได้เป็นระบบที่ต้องเอื้อไปกับรัฐบาลอย่างเดียว ต้องมีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลด้วย ควรจะมีคนที่น่าเชื่อถือได้ และพรรคก้าวไกลก็มีบุคลากรที่เหมาะสมกับประกอบกับตัวพรรคของเขาด้วยอยู่ แล้วก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรจะดำรงไว้


ส่วนตำแหน่งรองประธานสภา ในภาวะการเมืองปัจจุบัน ยืนยันว่ารองประธานสภามีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ประธาน 1 คน กับรอง 2 คน ก็จะสลับกันทำหน้าที่กันเป็นประธานในที่ประชุม คิดง่ายๆ ว่า 1 ใน 3 หรือประมาณ 33% ของการประชุมสภาทั้งหมด จะต้องมาลงที่รองประธานสภาคนที่ 1 อยู่แล้ว ที่ตอนนี้คือนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่ผ่านมาเราเคยได้ยินเผด็จการรัฐสภา พวกมากลากไป ประธานปิดประชุม หรืออะไรต่างๆ พอถึงเวลามีนโยบายเขาต้องทำแบบนั้น ทุกๆ 1 ใน 3 เราจะสามารถ counter การกระทำแบบนั้นได้ ซึ่งตนคิดว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสม ใจก็อยากให้เขารักษาไว้ทั้งสองอย่าง หากคืนไปรองประธานสภาก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว ในภาวะปัจจุบันตนคิดว่ารองประธานที่อยู่ในฝ่ายค้านสัก 1 คน ก็น่าจะทำให้การตรวจสอบถ่วงดุลบาลานซ์ ไม่เป็นเผด็จการรัฐสภามากเกินไป ไม่เป็นเสียงข้างมากไป

น.ต.ศิธา ยอมรับว่า สิ่งที่ตนพูดกลไกการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ดูงงทั้งเรื่องการวางตัวบุคคลกับงานต่างๆ มองไม่เห็นเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนตรงไหน แต่พอเอาไปดูสมการการเมืองเพราะเอาคนนี้ไปนั่งตรงนี้แล้วจบเรื่องเงียบสามารถเคลียร์กันได้ มันเป็นการแก้ปัญหาให้กับการเมืองมากกว่า

เมื่อถามว่าถ้าพรรคก้าวไกลขับนายปดิพัทธ์ออกถึงเป็นการกระทำโดยชอบธรรมหรือไม่ น.ต.ศิธา กล่าวว่า ถ้าเราเห็นจะมีการขับออก-รับเข้าของพรรคอื่น มีอยู่เยอะ และคนพยายามเปรียบเทียบว่า นี่หรือตรงไปตรงมา แต่ถ้าเราดูการเมืองปัจจุบัน อย่างที่นายวิโรจน์ เคยพูดว่า “แรงสู้กับคนหน้าด้าน” จริงๆ คือไม่ใช่การหน้าด้านไม่หน้าด้าน แต่เป็นสิ่งที่เขาโดนกระทำ อาจจะร้อยนึง อาจจะฮึบขึ้นสู้สักที ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ถ้าถามว่าทำเพื่อตัวเองหรือไม่ ก็เพื่อเป็นการตรวจสอบ และประชาชนก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้น แต่สิ่งที่พรรคก้าวไกลควรจะได้ไปไกลอีกเยอะ ตอนนี้ถอยมา คือ รองประธานสภาและผู้นำฝ่ายค้าน น้อยกว่าไม่รู้ตั้งเท่าไหร่


เมื่อถามว่าสุดท้ายจะได้ตำแหน่งรองประธานสภาหรือไม่ น.ต.ศิธา บอกว่า แล้วแต่พรรคเขา แต่ถ้าบอกว่า ขับออก แล้วมีคนมาบอกว่า เกิดรู้สึกไม่ดี แล้วไม่เอา ถ้าตามความรู้สึกของเราก็เสียดาย กลายเป็นว่า 100% ของรองประธานสภา ก็จะไปเป็นฟากฝั่งของรัฐบาลก็จะไปจับมือกับคณะรัฐบาลเดิม ขอสัก 1 ใน 3 เพื่อถ่วงดุลจะดี

หากบอกนายปดิพัทธ์ ว่า พรรคก้าวไกลอยากได้ผู้นำฝ่ายค้าน แต่มีรองประธานสภา จึงขอให้ออก ก็เป็นเอกสิทธิ์ของเขา เพราะสภาก็เลือกเขามา และมีการโปรดเกล้าฯ ด้วย ถ้าเขาบอกไม่ลาออก แล้วขัดมติพรรคก็ขับออก

เมื่อถามว่าฝั่งพรรคเพื่อไทยมองเป็นการละคร น.ต.ศิธา กล่าวว่า สุดท้ายแล้วจะพูดยังไงก็แล้วแต่ กลับมาก็รองประธานคืนไปคนนึง แล้วเขาจะให้พรรคฝ่ายค้านเป็นหรือไม่ หรือพรรคอื่น คนที่จะได้ก็คือเพื่อไทย ซึ่งให้ดูที่คำพูดว่าใครจะมีผลได้

ตนมองว่า ผู้นำฝ่ายค้านก็เป็นสิทธิ์ของพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดของพรรคที่ไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาลและในส่วนของรองประธานสภา ซึ่งก็อยู่ในที่ของฝ่ายค้านอยู่แล้ว ถ้าเกิดยังยึดไม่ได้ ก็จะมี 1 ใน 3 ของการประชุมสภาที่สามารถเป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน เพราะรัฐบาลนี้ตั้งแต่ตอนจัดตั้งรัฐบาล ยังไม่ทันเข้าไปทำงานแม้แต่วันเดียว ก็มีประเด็นที่ขัดต่อความรู้สึกของประชาชน ฉะนั้นขอ 1 ใน 3 ที่จะดึงให้เกิดความเป็นธรรมไม่สามารถไปครอบคลุม อะไรก็ได้แค่เกิดให้ความเป็นธรรมเฉยๆ

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยบอกไม่สง่างาม คนหนึ่งนั่งรองประธานสภา คนหนึ่งนั่งผู้นำฝ่ายค้าน น.ต.ศิธา มองว่า “ไอ้ที่ไม่สง่างาม เป็นตำแหน่งใหญ่กว่านี้ตั้งเยอะ และเป็นตำแหน่งที่สำคัญกว่านี้ตั้งเยอะ ยิ่งโคตรไม่สง่างาม”

ช่วงท้ายผู้สื่อข่าว สอบถามว่า น.ต.ศิธา เป็นนายแบกเพื่อไทยหรือไม่ น.ต.ศิธา กล่าวว่า ตนพูดไปตามหลักการ ถ้าผิดหลักการแล้วตอบโต้แทนเรียกว่าแบก ตนลูก 4 คนแล้ว ไม่ได้แบกแล้ว . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

พล.อ.ณัฐพล เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล รมช.กห. เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session of Thailand […]

“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด จับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาส

กทม. 7 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด บุกจับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก๊วนกิ๊กเก่า “สีกากอล์ฟ” หลังพบทุจริตยักยอกเงินวัด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาตแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “กอล์ฟทีม EP.1” บุกค้นเป้าหมาย 3 จุด ใน จ.สุราษฎร์ธานี จ.พิจิตร และ จ.สมุทรสงคราม เพื่อจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ และ คนใกล้ชิด ที่เคยพัวพันสัมพันธ์ฉาวสีกากอล์ฟ หลังพบกระทำผิดทุจริตยักยอกเงินวัดมาใช้ดูแลสีกา เป้าหมายจุดแรกที่เข้าตรวจค้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรือ […]

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]