“ศิธา” มอง “ก้าวไกล” ต้องรักษาทั้ง “รอง ปธ.สภา-ผู้นำฝ่ายค้าน” ถ่วงดุลอำนาจ

กทม. 19 ก.ย. – “ศิธา” โผล่โซลบาร์ มอง “ก้าวไกล” ต้องรักษาทั้ง “รอง ปธ.สภา-ผู้นำฝ่ายค้าน” ถ่วงดุลอำนาจ ย้อนกลับ “เพื่อไทย” มองขับ “หมออ๋อง” เป็นการละคร สุดท้ายใครได้ประโยชน์ ยกคำ “วิโรจน์” ต้องแรงสู้คนหน้าด้าน บอกเป็นสิ่งที่เขาโดนกระทำ อาจจะฮึบขึ้นสู้สักที ยันไม่ใช่ “นายแบกก้าวไกล” เพราะไม่ได้ผิดหลักการ ลูก 4 แล้ว แบกไม่ได้


น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย เดินทางไปที่โซลบาร์ ซึ่งเป็นบาร์เครื่องดื่มประจำพรรคก้าวไกล โดยเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งใจมาดื่มเครื่องดื่มอยู่แล้ว ซึ่งปกติก็มาเป็นประจำ พร้อมให้สัมภาษณ์ประเด็นการเมือง ถึงการหาบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า ให้เขาเลือกกันในพรรค เพื่อที่จะได้ตัวแทนที่เหมาะสมที่สุด แต่สิ่งที่ตนอยากจะพูด สิ่งที่พรรคก้าวไกลมีอยู่ตอนนี้คือ เป็นพรรคที่ไม่ร่วมรัฐบาลมีจำนวน สส. มากที่สุด สามารถเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้

ตำแหน่งดังกล่าวควรที่จะเป็นคนที่ประชาชนสามารถให้ความคาดหวังและเป็นที่พึ่งได้ เพราะระบบรัฐบาลสภาไม่ได้เป็นระบบที่ต้องเอื้อไปกับรัฐบาลอย่างเดียว ต้องมีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลด้วย ควรจะมีคนที่น่าเชื่อถือได้ และพรรคก้าวไกลก็มีบุคลากรที่เหมาะสมกับประกอบกับตัวพรรคของเขาด้วยอยู่ แล้วก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรจะดำรงไว้


ส่วนตำแหน่งรองประธานสภา ในภาวะการเมืองปัจจุบัน ยืนยันว่ารองประธานสภามีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ประธาน 1 คน กับรอง 2 คน ก็จะสลับกันทำหน้าที่กันเป็นประธานในที่ประชุม คิดง่ายๆ ว่า 1 ใน 3 หรือประมาณ 33% ของการประชุมสภาทั้งหมด จะต้องมาลงที่รองประธานสภาคนที่ 1 อยู่แล้ว ที่ตอนนี้คือนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่ผ่านมาเราเคยได้ยินเผด็จการรัฐสภา พวกมากลากไป ประธานปิดประชุม หรืออะไรต่างๆ พอถึงเวลามีนโยบายเขาต้องทำแบบนั้น ทุกๆ 1 ใน 3 เราจะสามารถ counter การกระทำแบบนั้นได้ ซึ่งตนคิดว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสม ใจก็อยากให้เขารักษาไว้ทั้งสองอย่าง หากคืนไปรองประธานสภาก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว ในภาวะปัจจุบันตนคิดว่ารองประธานที่อยู่ในฝ่ายค้านสัก 1 คน ก็น่าจะทำให้การตรวจสอบถ่วงดุลบาลานซ์ ไม่เป็นเผด็จการรัฐสภามากเกินไป ไม่เป็นเสียงข้างมากไป

น.ต.ศิธา ยอมรับว่า สิ่งที่ตนพูดกลไกการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ดูงงทั้งเรื่องการวางตัวบุคคลกับงานต่างๆ มองไม่เห็นเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนตรงไหน แต่พอเอาไปดูสมการการเมืองเพราะเอาคนนี้ไปนั่งตรงนี้แล้วจบเรื่องเงียบสามารถเคลียร์กันได้ มันเป็นการแก้ปัญหาให้กับการเมืองมากกว่า

เมื่อถามว่าถ้าพรรคก้าวไกลขับนายปดิพัทธ์ออกถึงเป็นการกระทำโดยชอบธรรมหรือไม่ น.ต.ศิธา กล่าวว่า ถ้าเราเห็นจะมีการขับออก-รับเข้าของพรรคอื่น มีอยู่เยอะ และคนพยายามเปรียบเทียบว่า นี่หรือตรงไปตรงมา แต่ถ้าเราดูการเมืองปัจจุบัน อย่างที่นายวิโรจน์ เคยพูดว่า “แรงสู้กับคนหน้าด้าน” จริงๆ คือไม่ใช่การหน้าด้านไม่หน้าด้าน แต่เป็นสิ่งที่เขาโดนกระทำ อาจจะร้อยนึง อาจจะฮึบขึ้นสู้สักที ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ถ้าถามว่าทำเพื่อตัวเองหรือไม่ ก็เพื่อเป็นการตรวจสอบ และประชาชนก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้น แต่สิ่งที่พรรคก้าวไกลควรจะได้ไปไกลอีกเยอะ ตอนนี้ถอยมา คือ รองประธานสภาและผู้นำฝ่ายค้าน น้อยกว่าไม่รู้ตั้งเท่าไหร่


เมื่อถามว่าสุดท้ายจะได้ตำแหน่งรองประธานสภาหรือไม่ น.ต.ศิธา บอกว่า แล้วแต่พรรคเขา แต่ถ้าบอกว่า ขับออก แล้วมีคนมาบอกว่า เกิดรู้สึกไม่ดี แล้วไม่เอา ถ้าตามความรู้สึกของเราก็เสียดาย กลายเป็นว่า 100% ของรองประธานสภา ก็จะไปเป็นฟากฝั่งของรัฐบาลก็จะไปจับมือกับคณะรัฐบาลเดิม ขอสัก 1 ใน 3 เพื่อถ่วงดุลจะดี

หากบอกนายปดิพัทธ์ ว่า พรรคก้าวไกลอยากได้ผู้นำฝ่ายค้าน แต่มีรองประธานสภา จึงขอให้ออก ก็เป็นเอกสิทธิ์ของเขา เพราะสภาก็เลือกเขามา และมีการโปรดเกล้าฯ ด้วย ถ้าเขาบอกไม่ลาออก แล้วขัดมติพรรคก็ขับออก

เมื่อถามว่าฝั่งพรรคเพื่อไทยมองเป็นการละคร น.ต.ศิธา กล่าวว่า สุดท้ายแล้วจะพูดยังไงก็แล้วแต่ กลับมาก็รองประธานคืนไปคนนึง แล้วเขาจะให้พรรคฝ่ายค้านเป็นหรือไม่ หรือพรรคอื่น คนที่จะได้ก็คือเพื่อไทย ซึ่งให้ดูที่คำพูดว่าใครจะมีผลได้

ตนมองว่า ผู้นำฝ่ายค้านก็เป็นสิทธิ์ของพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดของพรรคที่ไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาลและในส่วนของรองประธานสภา ซึ่งก็อยู่ในที่ของฝ่ายค้านอยู่แล้ว ถ้าเกิดยังยึดไม่ได้ ก็จะมี 1 ใน 3 ของการประชุมสภาที่สามารถเป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน เพราะรัฐบาลนี้ตั้งแต่ตอนจัดตั้งรัฐบาล ยังไม่ทันเข้าไปทำงานแม้แต่วันเดียว ก็มีประเด็นที่ขัดต่อความรู้สึกของประชาชน ฉะนั้นขอ 1 ใน 3 ที่จะดึงให้เกิดความเป็นธรรมไม่สามารถไปครอบคลุม อะไรก็ได้แค่เกิดให้ความเป็นธรรมเฉยๆ

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยบอกไม่สง่างาม คนหนึ่งนั่งรองประธานสภา คนหนึ่งนั่งผู้นำฝ่ายค้าน น.ต.ศิธา มองว่า “ไอ้ที่ไม่สง่างาม เป็นตำแหน่งใหญ่กว่านี้ตั้งเยอะ และเป็นตำแหน่งที่สำคัญกว่านี้ตั้งเยอะ ยิ่งโคตรไม่สง่างาม”

ช่วงท้ายผู้สื่อข่าว สอบถามว่า น.ต.ศิธา เป็นนายแบกเพื่อไทยหรือไม่ น.ต.ศิธา กล่าวว่า ตนพูดไปตามหลักการ ถ้าผิดหลักการแล้วตอบโต้แทนเรียกว่าแบก ตนลูก 4 คนแล้ว ไม่ได้แบกแล้ว . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“โรม” ตั้งกระทู้ถามปมคุณสมบัติ ปธ.กสทช.

“โรม” ตั้งกระทู้ถาม ปม คุณสมบัติ ปธ.กสทช. ปูดคนรัฐบาลมีความสัมพันธ์กับ กสทช. เรื่องจึงไม่ขยับ ด้าน “ประเสริฐ” ปัดดองเรื่อง ขณะนี้ยื่นศาลรธน.ตีความแล้ว รอคำวินิจฉัย ยืนยันรัฐบาลแยกแยะเรื่องส่วนตัวจากการทำงาน ยึดประโยชน์ประชาชน

“อนุทิน” สั่งยกระดับเข้มงวดเข้าออกจุดผ่านแดนไทย

“อนุทิน” สั่งยกระดับความเข้มงวดในการเข้าออกจุดผ่านแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ป้องกัน ปราบปราม ยาเสพติด อาชญากรรมทุกประเภท ภายใต้ปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี

จับเว็บพนัน

ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง มีนักแสดงตัวประกอบเอี่ยวด้วย

ตำรวจไซเบอร์ ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง พบเงินหมุนเวียนเดือนละ 100 ล้าน มีนักแสดงตัวประกอบร่วมขบวนการ

เปิดใจผู้รอดชีวิตจากรถบัสมรณะ 18 ศพ

โศกนาฏกรรมรถบัสมรณะ 18 ศพ สร้างความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ให้กับชาว อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ วันนี้ทีมข่าวสำนักข่าวได้สัมภาษณ์เปิดใจผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ราวกับปาฏิหาริย์

ข่าวแนะนำ

เร่งคลี่คลายคดีฆ่ายัดกระสอบหมกป่าหญ้าข้างทาง

ตำรวจเรียกสอบ 6 บุคคลต้องสงสัย เร่งคลี่คลายคดีฆ่ายัดกระสอบหมกป่าหญ้าข้างทาง อ.แม่สอด จ.ตาก ด้านลูกชาย ยืนยันศพที่พบเป็นแม่ ใส่ชุดกีฬาของน้องสาว หายออกจากบ้านนานกว่า 1 เดือน

น้ำตาท่วมวัด ฌาปนกิจเหยื่อรถบัสมรณะ

จังหวัดบึงกาฬ จัดพิธีฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถบัสพลิกคว่ำที่จังหวัดปราจีนบุรี ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความอาลัยของญาติและประชาชนในพื้นที่

จเรตำรวจนำทีม ตม.รับตัว 119 คนไทยจากปอยเปต

จเรตำรวจแห่งชาติ นำทีม ตม. รับตัว 119 คนไทยร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากปอยเปต เตรียมคัดแยกเหยื่อและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทุกราย พบมีหมายจับบัญชีม้า 7 ราย