“จุลพันธ์” ยังไม่แจงแหล่งเงิน 1 หมื่นบาท ยันลุยแน่-ไม่กู้เพิ่ม

รัฐสภา 11 ก.ย. – รมช.คลัง ยังไม่แจงแหล่งเงิน 10,000 บาท ย้ำเดินหน้าแน่นอน ยืนยันไม่มีกู้เพิ่ม-ไม่แตะสมบัติชาติ-ไม่ห้ามช้อปร้านสะดวกซื้อ พร้อมรับฟังข้อจำกัดเงื่อนไข 4 กม.


ที่รัฐสภา วันนี้ (11 ก.ย.66) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงถึงการดำเนินนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ยืนยันว่า เป็นนโยบายธงหลักของรัฐบาล และนโยบายดังกล่าวไม่ใช่นโยบายเพื่อเรียกคะแนนเสียงการเลือกตั้ง แต่พรรคเพื่อไทยเห็นว่า สภาวะเศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานรากทั่วทุกชุมชน ทุกภูมิภาค ด้วยกลไกบล็อกเชน กำหนดกรอบการใช้จ่ายเงินได้ และสร้างโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลพื้นฐานให้ประเทศ เพื่อในอนาคตประชาชนจะสามารถมีกระเป๋าเงินสด และกระเป๋าเงินดิจิทัล เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับในกรณีที่ประเทศไทยสามารถเป็นผู้นำเศรษฐกิจดิจิทัลของโลกได้ ซึ่งเป็นโอกาสที่กำลังจะมาถึง และประเทศไทยจำเป็นจะต้องคว้าโอกาสดังกล่าวไว้

พร้อมชี้แจงแหล่งที่มาของงบประมาณดังกล่าวว่า กระบวนการที่รัฐบาลจะดำเนินการจะมีความชัดเจน โดยขอเวลาตรวจสอบรายละเอียดและเดินหน้าโครงการ ให้คำมั่นว่า สุดท้ายแล้วจะต้องมีความชัดเจน ทั้งกรอบงบประมาณ และระยะเวลาดำเนินการ รวมถึงกระบวนการนำงบประมาณมาใช้คืนให้หมดในระยะเวลาที่กำหนด โดยจะไม่กระทบต่อหนี้สาธารณะแน่นอน ไม่เป็นการกู้เงินเพิ่ม และย้ำว่า รัฐบาลยึดมั่นในกรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด โดยรัฐบาลไม่ได้คิดแตะต้องทรัพย์สมบัติของชาติ ทั้งกองทุนวายุภักษ์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ และกองทุนผู้ประกันตน เพราะรัฐบาลรับทราบถึงวัตถุประสงค์กองทุนต่างๆ จึงเรียกร้องให้ สส. และ สว. ระมัดระวังการอภิปรายและการเสนอความคิดเห็น เพื่อไม่ให้เป็นการชี้นำสังคมจนเกิดความเข้าใจผิด และกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศในกรอบวินัยการเงินการคลัง


นายจุลพันธ์ ยังชี้แจงถึงเงื่อนไขการใช้เงินดิจิทัลในรัศมี 4 กิโลเมตร ว่า ขณะนี้นโยบายดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น ซึ่งมีข้อเสนอจากภาคประชาชน และ สส. สว. มาอย่างมากมาย รัฐบาลจึงจะนำข้อเสนอต่างๆ มาพิจารณาดำเนินการ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ แต่ยืนยันว่า เม็ดเงินจะถึงมือประชาชน และเกิดประโยชน์สูงสุดในการกระตุ้นเศรษฐกิจแน่นอน

ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเงินดิจิทัล จะเป็นการเอื้อประโยชน์นายทุนใหญ่ หรือราคาสินค้าบริการจะไม่เป็นธรรมนั้น นายจุลพันธ์ มั่นใจว่า ประชาชนส่วนมาก เมื่อได้รับเงินไปแล้วจะสามารถบริหารจัดการการใช้เงินได้อย่างเป็นประโยชน์ และสามารถหมุนเวียนอยู่ในชุมชนของตนเองได้ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน และนโยบายดังกล่าวจะไม่มีการเลือกปฏิบัติว่า สุดท้ายแล้ว ร้านสะดวกซื้อ หรือทุนใหญ่ จะไม่สามารถเข้าถึงโครงการได้ ดังนั้น จึงต้องให้สิทธิประชาชน และให้ความมั่นใจกับประชาชนในการเลือกซื้อ เลือกบริโภค แต่รัฐบาลก็จะมีนโยบายใหม่ๆ เพื่อจูงใจให้ประชาชนใช้เงินดังกล่าวให้เป็นประโยชน์ เช่น การรวมกลุ่มประชาชนเพื่อนำเงินดังกล่าวไปประกอบอาชีพ หรือสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน ประชาชนสามารถต่อยอดความคิด เพื่อเกิดประโยชน์ได้ สามารถรวมกลุ่ม เพื่อซื้อปัจจัยการผลิต เพื่อสนับสนุนการสร้างอาชีพในชุมชน เกิดการแบ่งปันการใช้ประโยชน์สินทรัพย์ เช่น เครื่องจักรกลการเกษตรขนาดใหญ่ ดังนั้น รัฐบาลจึงเชื่อมั่นว่า ประชาชนจะสามารถตัดสินใจนำเงินดังกล่าวไปสร้างประโยชน์ให้กับตนเองและชุมชนได้

นายจุลพันธ์ ยืนยันด้วยว่า การนำบล็อกเชนมาใช้จะทำให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ และย้ำว่า นโยบายดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ และตรวจสอบได้อย่างสมบูรณ์. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตั้ง กก.สอบ 7 ตำรวจ บก.จร.ทำร้ายลูกชายอดีต ตร. พ่อยันเอาเรื่องถึงที่สุด

กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง 7 ตำรวจ บก.จร. รุมทำร้ายลูกชายอดีตตำรวจ พ่อและน้องสาวยืนยันไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย

ครอบครัวผู้เสียหายที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เผยอาการยังสาหัส ยันไม่ยอมความ แม้มีกระเช้าปริศนามาให้แล้ว 3 กระเช้า พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผยพฤติกรรมตัวเอง ด้าน รอง ผบช.น. ยันตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป

ครอบครัวของผู้บาดเจ็บที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของ สน.บางเขน ก่อนเดินไปชี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และเป็นจุดเดียวกับที่ตำรวจพาผู้บาดเจ็บเข้ามาจอดรถไว้หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ารถของผู้บาดเจ็บเป็นรถคันเดียวกับที่ได้ขับแหกด่านหรือไม่ โดยก่อนการชี้จุด พ่อและน้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าของพื้นที่ เพื่อชี้จุดและให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม ระหว่างรอตัวผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวจนสามารถเข้าให้การกับตำรวจได้

นางสาวธนัชตา น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณศีรษะทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาขวามีเลือดออก การมองเห็นยังไม่ปกติ ส่วนตามร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนใดต้องผ่าตัด

เหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกรับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนพร้อมจะต่อสู้ มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะพี่ชายของตนไปคนเดียวและไม่มีอาวุธ แต่คู่กรณีเป็นถึงตำรวจ และมีด้วยกันถึง 7 นาย ทันทีที่รู้เรื่องตนเองรีบเดินทางมาที่ด่านทันที พยายามสอบถามว่าตำรวจนายไหนเป็นคนทำพี่ชายของตนเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งพี่ชายพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่คนขับรถหนีด่าน

นางสาวธนัชตา ยังฝากถึงตำรวจตั้งด่านทุกนายว่าทุกคนมีกล้องติดหน้าอก ตนเองพยายามขอดูแต่มีการอ้างว่ากล้องเสียบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จึงอยากฝากไปถึงตำรวจตั้งด่านในวันนั้นทุกนายให้เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นตนเองก็มีหลักฐาน รวมถึงพยานคือคนที่เข้าด่านตรวจก็เห็นทุกคนว่าเหตุการณ์ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ตำรวจจะกล้าหรือไม่กล้า

น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่าเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) มีกระเช้าผลไม้-ดอกไม้ปริศนา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใคร หรือของตำรวจสังกัดใดบ้างนำมาเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่ขอรับกระเช้า เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านำเอามาให้ด้วยเหตุผลอะไรแอบแฝง

ด้าน พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรมาก่อนไปอยู่ บก.ปทส. ตามปกติแล้วตำรวจมีขั้นตอนในการใช้ยุทธวิธีเพื่อจับผู้ต้องหาด้วยเครื่องพัฒนาการอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุแบบนี้ กรณีหากผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือขัดขวาง ตำรวจไม่มีสิทธิที่จะไปรุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจะพยายามเลี่ยงการใช้กำลังให้น้อยที่สุด การจับกุมตำรวจต้องมีการแสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าทำอะไรผิด จากนั้นจะเชิญตัวมาที่ด่านหรือโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ เพราะมีโซเชียลเป็นหูเป็นตา ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แม้ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาพูดคุยก็ตาม เมื่อวานนี้ทางพยาบาลแจ้งว่ามีตำรวจนำกระเช้ามามอบให้แล้ว 3 กระเช้า แต่ตนไม่รับ เพราะไม่รู้ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และไม่รู้ว่าเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากพยาบาลแจ้งแค่ว่าเป็นตำรวจเท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าคดี พันตำรวจเอก อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำน้องสาวและแม่ของผู้บาดเจ็บในฐานะพยาน ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ เนื่องจากยังอยู่ในอาการสาหัส

ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจ ตอนนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอยากทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากผู้เสียหายก่อน ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือแม้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจก็ตาม

ด้าน พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานจราจร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นผู้บังคับการตำรวจจราจรกลาง รายงานมาเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 7 นาย บอกว่ามีการเข้าใจผิด คิดว่าจะขับรถแหกด่านจึงมีการตามไป ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการขัดขืน ทำให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องใช้กำลังในการระงับเหตุ ยอมรับว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ตอนนี้ทราบว่ากองบังคับการตำรวจจราจรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนทางคดีอาญาอยู่ที่ สน.บางเขน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องชี้แจงและยอมรับกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป รวมทั้งอาจจะต้องทบทวนเรื่องยุทธวิธีที่่ใช้ในการระงับเหตุ แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่เคยมีวิธีระงับเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด.-414-สำนักข่าวไทย

สุดจึ้ง! ซาลาเปาแฟนซีแฮนด์เมด รายได้ครึ่งล้านต่อเดือน

“คุณจารุวรรณ” วัย 78 ปี พร้อมครอบครัว ช่วยกันคิดค้นสูตรซาลาเปาแฟนซีเป็นเจ้าแรกใน จ.ตรัง ส่งขายทั่วทุกภาคของประเทศ สร้างรายได้เดือนละ 450,000-500,000 บาท และมีแผนส่งออกไปขายยังต่างประเทศในต้นปีหน้า

เจ้าของคลินิกซิ่งชนไรเดอร์ตกสะพานเสียชีวิต

เจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดัง ซิ่งเบนซ์ชนไรเดอร์หญิง ตกสะพานต่างระดับย่านพระรามสี่ เสียชีวิต วัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ก่อเหตุ สูงเกินกฎหมายกำหนด

เปิดให้สักการะ “พระเขี้ยวแก้ว” วันแรก

ริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้ว ถึงยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวงแล้ว พร้อมเชิญชวนประชาชนสักการะ วันนี้ (5 ธ.ค.) วันแรก ตั้งแต่ 07.00 น.เป็นต้นไป

ข่าวแนะนำ

แข่งเรือใบ ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า

ทะเลภูเก็ตคึกคัก เรือใบร่วม 200 ลำ จากทั่วโลก ร่วมแข่งขันรายการ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” และร่วมสร้างสีสันการท่องเที่ยว ที่สำคัญปีนี้ยังเป็นปีที่ 2 ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ มาร่วมแข่งขันด้วย

ยังไร้วี่แววส่ง 4 ลูกเรือประมงกลับไทย

เมียนมาเงียบกริบ! ยังไร้วี่แววส่งตัว 4 ลูกเรือประมงกลับไทย จนท.ในพื้นที่เผยจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานใดๆ ที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากทางเมียนมา มีเพียงการประสานจากเนปิดอว์มายังเกาะสองด้วยวาจาเท่านั้น

นายกฯ ยันไม่ปรับ VAT เป็น 15% ย้ำรับฟังทุกภาคส่วน

“นายกฯ แพทองธาร” ยืนยัน ไม่ปรับ VAT เป็น 15% ชี้ ก.คลัง กำลังศึกษาปรับโครงสร้างภาษี ต้องมองทั้งระบบลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ขอให้มั่นใจการทำงานของรัฐบาลรัดกุม