มูลนิธิป่ารอยต่อฯ 28 ส.ค.-“พล.อ.ประวิตร” ประชุมกบฉ. ลดระดับใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงแทนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่อ.กะพ้อ ปัตตานี้ แต่ขยายต่อ 3 เดือนพื้นที่จชต. เว้นบางอำเภอ เดินหน้าสร้างสันติสุข กำชับเข้มตรวจโรงงานสารประกอบระเบิด
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ครั้งที่ 3/2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด และประชุมผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอร์เรนท์ โดยที่ประชุมรับทราบผลการปฎิบัติงานตามพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ห้วง 20 มิ.ย.66 ถึง 20 ส.ค.66 ซึ่งมีแนวโน้มของสถานการณ์มีความสงบเรียบร้อยมากขึ้นตามลำดับ และมีสถิติการก่อเหตุความรุนแรงลดลง สามารถพัฒนาไปสู่การปรับลดพื้นที่ออกจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้มากขึ้น โดยพล.อ.ประวิตร ได้กำชับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ ให้เข้มงวดตรวจสอบโรงงานที่เกี่ยวข้องกับสารประกอบระเบิด พร้อมเร่งรัดการช่วยเหลือฟื้นฟูประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โรงงานพลุดอกไม้เพลิงระเบิด ที่ผ่านมาโดยเร็วด้วย
จากนั้น ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ปรับลดพื้นที่ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ออกจากพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพื่อนำพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ มาใช้แทน และขอขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.ศรีสาคร ,อ.สุไหงโก-ลก ,อ.แว้งและ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส อ.ยะหริ่ง ,อ.มายอ ,อ.ไม้แก่น และ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี อ.เบตง และ อ.กาบัง จ.ยะลา ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 3 เดือน ทั้งนี้ ตั้งแต่ 20 ก.ย.66 ถึง 19 ธ.ค.66 โดยเป็นการขยายระยะเวลา ครั้งที่ 73 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน ป้องกัน ระงับ ยับยั้งเหตุการณ์ในพื้นที่ให้ได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลรักษาความสงบ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ด้วย โดยให้สมช.เสนอเรื่องไปยังครม.เพื่อพิจารณาเห็นชอบต่อไป
พล.อ.ประวิตร กล่าวขอบคุณคณะกรรมการฯ หน่วยงานความมั่นคง ฝ่ายปกครอง และกำลังพลทุกนายที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ ทุ่มเท และกล้าหาญอย่างน่าภาคภูมิใจ แก้ปัญหาให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีสถิติการก่อเหตุลดลงตามลำดับ พร้อมทั้งได้ขอบคุณประชาชนในพื้นที่ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี รวมทั้งได้กำชับสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ซึ่งถือเป็นกลไกหลักในการเตรียมความพร้อมแก้ปัญหา จังหวัดชายแดนภาคใต้ในระดับนโยบาย ที่ต้องขับเคลื่อนให้ต่อเนื่อง มีความเป็นมืออาชีพ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเตรียมรับนโยบายจากคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ที่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ในระยะเวลาอันใกล้นี้ด้วย.-สำนักข่าวไทย