กทม. 12 ส.ค.-“กรุณพล” รองโฆษกฯ ก้าวไกล แจงเหตุทะเลาะในร้านอาหาร สส.ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ทีมงานพรรคถูกคุกคามจึงปกป้อง ยันไม่ได้ให้ร้านเปิดเกินเวลา เตรียมเรียกคนในเหตุการณ์ชี้แจงกรรมการวินัยของพรรค
นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล ชี้แจงกรณีเหตุทะเลาะวิวาทที่มี สส.พรรคก้าวไกล เข้าไปเกี่ยวข้อง โดยระบุว่า นายจรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล ได้ไปเที่ยวสถานบันเทิงกับทีมงานพรรคและทีมงานตัวเองเช่นเดียวกับลูกค้าทั่วไป ซึ่งในโต๊ะดังกล่าวมีนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้าร่วมโต๊ะอยู่ด้วย
นายกรุณพล ยืนยันไม่ได้มีการข่มขู่ให้ร้านเปิดเกินเวลา และระหว่างรอพนักงานเข้ามาเก็บโต๊ะ มีชายคู่กรณี เดินเข้ามาในกลุ่มเพื่อขอถ่ายรูปกับกลุ่มของ สส. ด้วย เช่นเดียวกับแฟนคลับปกติ แต่เมื่อเดินออกไปได้ถีบเก้าอี้จนล้มคว่ำ เหมือนคนเมาขาดสติ นายจรยุทธ เดินมาเห็นเหตุการจึงจับเก้าอี้ตั้งขึ้น และได้เข้ามานั่งข้าง น้องรุ้ง ทีมงานของพรรค จากนั้นบุคคลดังกล่าวได้เดินกลับมา ยืนด้านหลังน้องรุ้ง และตั้งใจเอาเข่ากระแทกด้านหลังน้องรุ้งอย่างแรงจนเกือบตกเก้าอี้ จากนั้นเอามือมาบีบคอน้องรุ้งจากด้านหลัง จนนายจรยุทธ ต้องหันไปถามน้องรุ้งว่ารู้จักกันหรือไม่ แต่น้องรุ้งปฏิเสธ นายจรยุทธ จึงเอามือไปจับที่แขนของชายคนดังกล่าวขอให้ปล่อยมือจากคอของน้องรุ้ง แต่ชายคนดังกล่าวกลับหันมาตบหน้า นายจรยุทธ ทำให้นายจรยุทธ ลุกขึ้นยืนมองหน้า แต่มีคนเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกันในจังหวะนั้น ชายคนดังกล่าวอาศัยกลับเดินเข้ามาต่อยที่หน้าของ นายจรยุทธแบบไม่มีสาเหตุ และลื่นล้มลงไปเอง ทำให้ นายจรยุทธ และคนที่มาด้วยกัน ใช้เท้าถีบเพื่อตอบโต้จากการที่ถูกทำร้ายร่างกาย
จากนั้นการ์ดของทางร้ายก็ได้มาแยกทั้งคู่ออกจากกัน และได้มีการนำทั้งคู่ออกมาพูดคุยกันนอกร้าน แต่ด้วยอารมณ์ที่ผ่านการถูกทำร้ายร่างกายมาทั้ง 2 ฝ่าย จึงได้มีการใช้กำลังกันด้านนอกร้านอีกครั้ง การ์ดของร้านจึงได้แยก ทั้ง 2 ฝ่าย และทำการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมาระงับเหตุและไกล่เกลี่ย ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ติดใจเอาความกันและกัน
ส่วนสาเหตุของการก่อความวุ่นวายดังกล่าวนั้นยังไม่แน่ชัด แต่มีข้อมูลว่าคู่กรณีอาจไม่ชอบพรรคก้าวไกล แต่ข้อมูลส่วนนี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน
ทั้งนี้พรรคก้าวไกลตระหนักถึงการเป็นตัวแทนและแบบอย่างของประชาชนทุกคน ทางพรรคและนายจรยุทธ รู้สึกเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าทางนายจรยุทธจะถูกทำร้ายร่างกายด้วยการถูกตบหน้าและต่อยหน้าก่อน ก็ไม่ควรใช้กำลังตอบโต้กลับ การมีสติและควบคุมอารมณ์ในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนที่เป็นผู้แทนของประชาชน ทางพรรคและนายจรยุทธ ขอน้อมรับคำตำหนิจากสังคมและพร้อมที่เข้าสู่การตรวจสอบ แม้จะไม่มีการแจ้วดำเนินคดีต่อกัน แต่ตามระเบียบของพรรค ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์จะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการวินัยตามขั้นตอน.-สำนักข่าวไทย