ภูมิใจไทยเชื่อใจเพื่อไทย

ทำเนียบรัฐบาล 10 ส.ค. – “อนุทิน” เชื่อใจ “เพื่อไทย” หลังกลับไปคุย ”ก้าวไกล” แต่ถ้าจับมือกันแล้วไม่ทำตามตกลงไม่ได้ ชี้ไม่กดดันตั้งรัฐบาล สถานการณ์การเมืองตอนนี้ “อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้”


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่แถลงไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย นำทีมไปเจรจาพูดคุยกับพรรคก้าวไกล ไม่ทราบว่าพรรคเพื่อไทยไปพูดคุยอะไรกับพรรคก้าวไกลบ้าง เพราะไม่สามารถไปก้าวล่วงได้ พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล การดำเนินการเพื่อให้มีเสียงมากพอในการเสนอนายกรัฐมนตรี ต้องทำตามที่ผู้บริหารพรรคเห็นว่าเหมาะสม

ส่วนจำเป็นหรือไม่ที่พรรคเพื่อไทยจะต้องแจ้งให้พรรคภูมิใจไทยทราบ นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยได้บรรลุข้อตกลงกับพรรคเพื่อไทยแล้ว ซึ่งมีกรอบและเงื่อนไขอยู่ ถ้าทุกอย่างอยู่ในกรอบดังกล่าว ไม่สามารถให้ความเห็นได้ ส่วนข่าวที่ออกมาว่าพรรคเพื่อไทยไปขอให้พรรคก้าวไกลโหวตเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ผู้สื่อข่าวได้ยินที่เขาคุยกันหรือไม่ ซึ่งตนไม่ได้ยิน และเมื่อวานไม่เห็นมีข่าวว่าการสนทนาเป็นอย่างไร และเป็นเรื่องของ 2 พรรค ขออย่าคาดเดากันไป และใช้คำว่า “ถ้า” ไม่ได้ 


ส่วนพรรคภูมิใจไทยไม่สงสัยในสิ่งที่พรรคเพื่อไทยไปพูดคุยกับก้าวไกลเลยหรือ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนผ่านประสบการณ์ชีวิตมาเยอะแล้ว รู้ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ไม่ต้อง “เอ๊ะ” แต่เราแค่ “อืม” ไว้ก่อน เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทย แต่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็ต้องให้พรรคเพื่อไทยดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลให้เกิดผลสำเร็จภายใต้เงื่อนไขที่มีต่อกันอยู่ ถ้าพรรคเพื่อไทยเห็นว่าช่วงไหนที่ให้พรรคภูมิใจไทย ลองช่วยประสานงานหรือลองช่วยเจรจากับใครหรือติดต่อใคร คงจะต้องแจ้งมา แต่ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้ง

ส่วนในอนาคตจะมีพรรคการเมืองใดร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยอีก นอกเหนือจากพรรคที่แถลงข่าวไป เช่น พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อมาเติมเสียงและปิดสวิตช์ สว. เรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่ได้ถาม เพราะเป็นเรื่องที่แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลต้องไปบริหารจัดการ และจะไม่ไปเพิ่มเงื่อนไขอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเรา

ส่วนที่สังคมมองว่าแม้พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ถ้าไม่มีพรรคของลุงคนใดคนหนึ่ง หรือทั้ง 2 ลุง เข้าร่วมจะไม่สามารถสำเร็จได้นั้น นายอนุทิน เชื่อว่าตอนนี้พรรคเพื่อไทยต้องไปตกลงกับแต่ละพรรคที่คิดว่าน่าจะมาทำงานร่วมกับรัฐบาลได้ เมื่อทำความตกลงได้เรียบร้อย ก็คงจะมีการเชิญทุกพรรคมาแถลงข่าวร่วมกัน ก่อนที่จะเลือกนายกรัฐมนตรี


นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ทราบความหมายของรัฐบาลพิเศษที่พรรคเพื่อไทยกล่าวถึง  เพราะในส่วนที่ตนพูดคุยเจรจากับพรรคเพื่อไทยไม่มีคำนี้ และสมมติถ้าพรรคเพื่อไทยโทรมาบอกว่ามีบางอย่างต้องเปลี่ยนแล้วก็ต้องคุยกันใหม่ว่ารับได้แค่ไหน แต่ตอนนี้ยังไม่มี ซึ่งตอนนี้คิดว่าพรรคเพื่อไทยต้องใช้เวลาในการจัดตั้งรัฐบาลเยอะ เราอย่าไปเพิ่มปัญหาอะไรให้กับเขา ถ้าช่วยกันและเจตนาดีต่อกัน ต้องการให้บ้านเมืองก้าวหน้าไปได้ ก็ต้องช่วยกันทำให้สำเร็จ ย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยจะไม่กดดัน เพราะต้องการทำให้สำเร็จและให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด

นายอนุทิน กล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ฝากฝังอะไรหรือไม่ ภายหลังภูมิใจไทยร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยว่า ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ตนรายงานในส่วนงานที่รับผิดชอบให้นายกฯ รับทราบ บางครั้งจะโทรศัพท์และส่งข้อความผ่านไลน์ไปรายงานท่าน ซึ่งนายกฯ มีคำถามกลับมาว่าเป็นอย่างไร คิดเห็นอย่างไร ซึ่งตนได้รายงานตามสถานการณ์และข้อเท็จจริง เพราะเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังกัน ซึ่งนายกฯ ย้ำเสมอว่าไม่ได้ข้องเกี่ยวทางการเมืองแล้วและจะทำสิ่งไหนก็ต้องคิดถึงบ้านเมือง คิดถึงสถาบัน และประชาชน โดยนายกฯ จะพูดในลักษณะนี้กับตนเสมอ

ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะเชื่อใจพรรคเพื่อไทยได้มากน้อยแค่ไหนว่าจะไม่มีพรรคก้าวไกล ไม่เป็นการเหยียบเรือสองแคม นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้คือการบริหารประเทศ ต้องเชื่อใจ ถ้าไม่เป็นไปตามนั้นก็ต้องยอมรับทุกอย่าง เพราะถ้าไม่เชื่อใจกันแล้วมาตกลงจับมือกัน แต่ไม่ได้ทำตามในสิ่งที่ตกลงกันไว้ ทำแบบนี้ไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องการกู้หรือยืมเงินระหว่างกัน แต่นี่คือการบริหารประเทศที่มีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ต้องคำนึงถึง ทั้งประชาชนประเทศ เศรษฐกิจ สังคม ความสงบ ความสามัคคี ดังนั้น ต้องเชื่อใจและต้องยอมรับผลที่จะออกมาไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหน ซึ่งจะต้องมีเจตนารมณ์ที่ดี 

ขณะที่วันนี้สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่ แต่สิ่งที่ใช่อาจไม่เห็นหรือไม่ นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่ใช่ ไม่มีอะไร ทุกอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรที่จะต้องไปคิดให้สลับซับซ้อน

ส่วนไทม์ไลน์การได้นายกฯ และรัฐบาล ทางพรรคเพื่อไทยได้มีการแจ้งพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ต้องวางไทม์ไลน์ เนื่องจากถึงเวลาจะเป็นไปตามไทม์ไลน์ธรรมชาติ ถ้าทุกอย่างเสียงครบ มั่นใจแล้ว เมื่อเรียกประชุมสภาฯ ก็มั่นใจว่าจะได้เลือกนายกฯ จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีถือเป็นขั้นตอนต่อไป แต่ตอนนี้ยังคงรอคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญอยู่ ส่วนในเดือนสิงหาคมนี้ คาดว่าจะได้ตัวนายกรัฐมนตรีเลยหรือไม่นั้น ถ้าได้เสียงสนับสนุนเกิน 376 เสียง ก็จะได้ ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกัน

เมื่อถามว่ามั่นใจจะได้รับการสนับสนุนเสียง สว. หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสว. ซึ่งในส่วนของพรรคภูมิใจไทยทำตามหน้าที่ ตามข้อตกลงที่มีเสียง 71 เสียง และจะโหวตให้ ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะไปช่วยขอเสียงจาก สว. ให้พรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่นั้น ถ้าทำได้ก็ทำ แต่ขณะนี้ต้องรอดูก่อน เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น ยังไม่ทราบว่าเพื่อไทยจะเสนอใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพราะยังไม่มีการแจ้งมายังพรรคภูมิใจไทย ที่ขณะนี้แคนดิเดตของเพื่อไทยมีอยู่ 3 คน และการพูดคุยในวันนั้นเป็นการแจ้งข้อตกลงในเรื่องการร่วมจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น หากพรรคเพื่อไทยเสนอใครก็จะได้รับเสียงสนับสนุนจากภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทยยังไม่ระบุว่าจะเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกฯ ทั้งนี้ หากเสนอใคร 1 ใน 3 ชื่อนั้นและไม่มีเงื่อนไขนอกเหนือข้อตกลงระหว่าง 2 พรรคก็จะเป็นคนนั้น

ส่วนการร่วมจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ของเพื่อไทยจะมีพรรคลุงร่วมด้วยหรือไม่ เพื่อให้เป็นรัฐบาลพิเศษ นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยขออยู่ในกรอบของตนเองที่ได้ทำข้อตกลงกับพรรคเพื่อไทยก็จะได้เสียง 212 เสียงแล้ว ก็สร้างความมั่นใจในความแข็งแกร่งของฐานการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาในอีกระดับหนึ่ง แต่ผู้ที่จะดำเนินการจะเป็นพรรคเพื่อไทยจนกว่าจะมีการแจ้งจากพรรคเพื่อไทยว่าให้ภูมิใจไทยช่วยเหลือก็ต้องช่วยเหลือสนับสนุนพรรคเพื่อไทย 

นายอนุทิน เปรียบสถานการณ์การตั้งรัฐบาลในขณะนี้ว่า “อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้” ส่วนจะเป็นหนูช่วยราชสีห์อีกรอบ แต่เปลี่ยนตัวราชสีห์หรือไม่นั้น นายอนุทิน ระบุว่า “หนูต้องช่วยบ้านเมือง จำได้หรือไม่ที่ตนเคยบอกประชาชนคือราชสีห์ของผม ไม่ใช่ตัวบุคคล”

ส่วนช็อกโกแลตมิ้นต์ที่พรรคเพื่อไทยยังอร่อยอยู่หรือไม่ นายอนุทิน พูดติดตลกว่า เดี๋ยวจะเชิญเพื่อไทยมากินหล่อฮั้งก๊วยบ้าง.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย