หน้าที่แกนนำหาพรรคเติมร่วมตั้งรัฐบาล

ทำเนียบรัฐบาล 8 ส.ค. – “อนุทิน” ยันไม่ได้ทิ้ง “2 ลุง” ไปจับมือเพื่อไทย แต่ได้รับเชิญให้ไปร่วมรัฐบาล ส่วนจะมีพรรคไหนมาเติมให้เป็นหน้าที่แกนนำ เตือนม็อบทะลุวัง คุยด้วยเหตุผล เคารพผู้หญ่ เป็น “ซอฟต์พาวเวอร์” คนไทย ฝาก ผบ.ตร. บอกลูกน้องอย่ายืนดูเฉย


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวภายหลังการประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย จะมีพรรคการเมืองใดเข้าร่วมอีกบ้างนั้น ต้องให้พรรคเพื่อไทยเป็นผู้แถลง เพราะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราถูกเชิญให้มาร่วมรัฐบาล ต้องให้เกียรติแกนนำ และมั่นใจว่าขณะนี้ได้เสียง สส.เกินกึ่งหนึ่งแล้ว ซึ่งไม่ต้องกังวล ถ้ารัฐบาลเสียงข้างน้อยเกิดขึ้นไม่ได้อยู่แล้ว เพราะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรกับการทำงาน

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยได้บอกแผนหรือไม่ จะทำอย่างไรให้ได้เสียงเกิน 375 เสียง ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หรือจะต้องหาเสียงจากไหนเพิ่มเติม นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำความมั่นใจให้กับ สส. และ สว. รวมถึงทำให้ข้อกังวลต่างๆ ค่อยๆ หายไป ครั้งที่แล้วกังวลเรื่องมาตรา 112 ตอนนี้ไม่มีแล้ว เราแถลงชัดเจนว่าไม่มีและเป็นส่วนหนึ่งในการหารือกันว่าทุกฝ่ายต้องช่วยกันสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี


เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยประสานให้ช่วยดึงเสียงจากพรรค 2 ลุงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เขาก็บอกแล้วว่า สส.-สว. ต้องช่วยกันหาวิธี หาหนทาง ให้ผ่านไปสู่ความมั่นคง เพราะตอนนี้เกือบ 3 เดือนแล้ว

เมื่อถามว่าการออกมาจับมือกับพรรคเพื่อไทยไม่น่าจะมีปัญหากับ 2 ลุงใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้ออกมาจับมือกับเพื่อไทย แต่พรรคเพื่อไทยเชิญพรรคภูมิใจไทยไปหารือ และรับได้ตามแนวทางในแถลงการณ์ 3 ข้อ ซึ่งพร้อมทำงานให้บ้านเมือง จากนี้ไปต้องหาวิธีการทำงานร่วมกันให้มีรัฐบาลที่มั่นคง และบริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้

เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยชวนพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่ได้เป็นแกนนำและเป็นหนึ่งพรรคร่วมรัฐบาล เป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำ ต้องไปบริหารจัดการ ไม่สมควรถ้าเราก้าวล่วงหรือทำอะไรเกินบทบาท


ส่วนเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทยให้สิทธิพรรคเพื่อไทยก่อนใช่หรือไม่ และกระแสข่าวว่านายอนุทิน จะเป็นนายกรัฐมนตรีเอง มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายอนุทินได้ร้อง “โอ้ว” พร้อมกล่าวว่า พรรคแกนนำต้องเป็นผู้เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เราก็ต้องเห็นชอบที่พรรคแกนนำเสนอมา

เมื่อถามย้ำว่าหากนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ไม่ผ่าน เพราะติดเงื่อนไข นายอนุทิน กล่าวว่า ยังมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีก 2 คน

เมื่อถามถึงการแสดงออกของกลุ่มทะลุวัง วานนี้ (7 ส.ค.) นายอนุทินหัวเราะก่อนตอบว่า ไม่ควร ประเทศไทยเราต้องรักษาวัฒนธรรม หากไม่พอใจอะไรกัน ต้องพูดด้วยเหตุด้วยผล แต่การใช้ถ้อยคำหยาบคาย และเป็นถ้อยคำที่ไม่เคารพผู้ที่มีอาวุโสสูงกว่าไม่ใช่ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีของคนไทย ต้องรักษไว้ เมืองไทยมีความเข้มแข็ง ความมั่นคงอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะวินัยดีและเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นเอกลักษณ์ของเราอย่างหนึ่ง เป็นซอฟต์พาวเวอร์ อยากให้รักษาไว้ การพูดคุยหรืออะไรก็ตาม ที่เขามีสุภาษิตว่าน้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ คุยก็ต้องคุยกันดีๆ ถ้าคุยกันแบบเป็นอารมณ์ ทุกคนมีอารมณ์หมด เพียงแต่ใครจะควบคุมได้มากกว่า แต่ไม่ก่อให้เกิดความก้าวหน้า เพราะทุกคนจะต้องตั้งการ์ด ยกการ์ดกันอย่างสูง

ส่วนจะดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่ เพราะมีการปาพลุสีและพฤติกรรมเชิงคุกคามไล่ล่า นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย อย่าทำให้เกินกฎหมาย ประเทศเรามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

“ฝากไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วยว่า เมื่อวานตำรวจยืนเฉยเลย เวลามีการคุกคามอะไรแบบนี้ คงไม่ต้องรอให้ไปแจ้งความ และที่บอกว่าไม่มีใครไปแจ้งความ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะมันออกไปไม่ได้ จะแจ้งความได้อย่างไร และเราไม่ได้ต้องการแจ้งความ ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความสงบ ไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่าต้องฝากกำชับทางพรรคก้าวไกลหรือไม่ เพราะคนมองว่าเป็นแนวร่วมของพรรค นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคการเมืองคงไม่ต้องการให้ภาพเหล่านี้เกิดขึ้น ยิ่งถ้าบอกว่าเป็นแนวร่วมกันด้วยจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้ง่าย ไม่อยากคิดไปถึงตรงนั้น คิดว่าทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงออกในสิ่งที่ตัวเองต้องการให้เป็น และต้องการให้เกิด แต่อยู่ที่เหตุและผล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย