8 พรรคร่วม มีมติให้เพื่อไทยส่งชื่อชิงนายกฯ 27 ก.ค.นี้

พรรคเพื่อไทย 21 ก.ค.-8 พรรคร่วม ให้สิทธิ์ “เพื่อไทย” รวมคะแนนเสียง สว.-สส. หนุนโหวตนายกฯ พร้อมเป็นตัวแทนไปเจรจาเงื่อนไขลดเพดานมาตรา 112 ก่อนคุย “ก้าวไกล” ยอมรับหากรวมเสียงไม่สำเร็จ อาจมีทางเลือกอื่นที่ไม่มีบางพรรคอยู่ร่วมสมการ

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยหัวหน้าพรรค และตัวแทนพรรค 8 ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ว่า ที่ประชุมมีมติให้พรรคเพื่อไทย ส่งผู้ซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ โดยพรรคก้าวไกลจะเป็นผู้เสนอชื่อต่อที่ประชุมรัฐสภา


ขณะที่การไปเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมนั้น ที่ประชุม มี 3 แนวทาง คือ ขั้นตอนแรกจะไปหาเสียงจาก สว. อีก 63 เสียง เพื่อให้ได้ครบ 375 เสียง ที่ สว. อาจจะมีเงื่อนไขกรณีมาตรา 112 ก็เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะต้องไปพูดคุย และรับข้อเสนอแนะมาหารือกันกับพรรคก้าวไกล และ 8 พรรคร่วมต่อไป แต่หากยังได้เสียงไม่ครบ ขั้นตอนที่ 2 ก็จะไปหาเสียง สส. จากพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลเดิม ส่วนแนวทางที่ 3 ที่ประชุมให้สิทธิ์พรรคแกนนำไปพิจารณาดำเนินการหาเสียงในแบบอื่น

ส่วนจะให้ก้าวไกลลดเพดาน ม.112 อย่างไรนั้น ที่ประชุมได้ยกเรื่องนี้มาหารือกัน และพรรคก้าวไกลอยากได้รายละเอียด ว่า เงื่อนไขให้ลดเพดานนั้นคืออะไร โดยให้พรรคเพื่อไทยไปประสานขอรายละเอียดจาก สว. และจะนำไปปรึกษากันในพรรคเพื่อไทยก่อนที่จะไปพูดคุยกับพรรคก้าวไกล และ 8 พรรคร่วมต่อไป


นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวเสริมว่า คงต้องรอดูรายละเอียดจากพรรคเพื่อไทย ที่ได้ให้เวลาไปพูดคุยกัน สว. ถึงรูปแบบการปลดล็อกความไม่สบายใจของทุกฝ่าย รวมถึงแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาลได้นั้นเป็นอย่างไร จากนั้นพรรคก้าวไกลจะนำไปพิจารณากันในพรรคอีกครั้ง พร้อมเห็นว่า เรื่องนี้เป็นแค่ข้ออ้าง แต่เป้าหมายสูงสุดตามเจตนารมณ์ของประชาชน คือ ต้องการเห็นการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ส่วนเรื่องรายละเอียดนั้น โดยมารยาทต้องมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ในการบริหารจัดการเรื่องนี้ ที่ต้องไปพูดคุยกันสมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะ สว.

ขณะที่การไปหาเสียงเพิ่มจากพรรคการเมืองอื่น ที่ล่าสุดขณะนี้พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคชาติไทยพัฒนา มีท่าที จะไม่ร่วมรัฐบาล หากยังมีพรรคก้าวไกล นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ประเด็นนี้ 8 พรรคร่วม ได้พูดคุยกันเป็นมุมแนวทางอื่น ซึ่งหากนอกเหนือจากจากแนวทางที่ 8 พรรคร่วมได้คุยกัน ที่ประชุมให้สิทธิ์พรรคเพื่อไทยไปพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร

นายแพทย์ชลน่าน ยังกล่าวถึงเงื่อนไขที่ระบุชัดห้ามแตะมาตรา 112 จะทำอย่างไรนั้น ต้องไปฟังให้ชัดเจน เพราะหน้าที่คือต้องไปพูดคุยหาข้อเท็จจริงให้รอบด้าน และแจ้งต่อพรรคก้าวไกล และที่ประชุม 8 พรรคร่วม เพื่อพิจารณาร่วมกัน


ส่วนจะยังคงมีแค่ 8 พรรคร่วม ไม่มีพรรคที่ 9 พรรคที่ 10 ใช่หรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ประเด็นนี้เป็นทางเลือกที่ 1

สำหรับการหาเสียงสนับสนุนจาก สส. จะต้องเข้าร่วมเป็นรัฐบาลหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า เป็นรายละเอียดที่ต้องไปพูดคุยกัน แต่ถ้ามีพรรคการเมืองใดพร้อมยกคะแนนให้ โดยไม่ร่วมรัฐบาลก็เป็นมิติทางการเมืองใหม่ในประเทศไทย แต่ก็ขึ้นอยู่กับการพูดคุย

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวอีกว่า ในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ จะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 1 ชื่อ และเป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทยจะพูดคุยกัน โดยจะประกาศอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ แต่ก่อนจะเสนอชื่อ ต้องทำให้มั่นใจว่าจะได้นับเสียงสนับสนุนเกิน 375 คนขึ้นไปก่อน และขณะนี้ไม่ได้ติดต่อไปพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งหลักการของพรรคเพื่อไทยนั้น จะไปเจรจาอยากเป็นทางการ

ส่วนทุกทางเลือก จะมีพรรคก้าวไกลอยู่ร่วมกันใช่หรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ทางเลือกนั้นอยู่ในแนวทางที่ 1 และ 2 ส่วนทางเลือกอื่น เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยที่ได้รับมอบหมายว่าจะไปดำเนินการอย่างไร โดยพยายามจะทำแนวทางที่ 1 และ 2 ให้สำเร็จให้ได้ก่อน โดยกรอบเวลาช้าสุด คือ วันที่ 25 กรกฎาคม

พรรคเพื่อไทยสามารถการันตีได้หรือไม่ว่าจะไม่ไปจับมือกับขั้วรัฐบาลเดิม นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า สิ่งที่ได้แถลงไปในวันนี้ คือ คำมั่นสัญญาที่จะทำให้ดีที่สุดใน 8 พรรคร่วม นั่นคือเบื้องต้นในสิ่งที่พยายามทำ และจะสังเกตได้ว่า สิ่งที่แถลงในวันนี้ พรรคเพื่อไทยได้สิทธิ์จาก 8 พรรคร่วมในการไปดำเนินการ ส่วนมาตรการอื่นๆ นอกเหนือนอกจากที่จะจับมือกับ 8 พรรคร่วม เพียงแต่ได้สิทธิ์ให้พรรคเพื่อไทยไปดำเนินการ หลังจากกระบวนการทั้งหมดไม่เกิดขึ้น หากการดำเนินการของ 8 พรรคร่วมไม่สำเร็จ พรรคเพื่อไทยก็มีสิทธิ์ไปดำเนินการ

นายแพทย์ชลน่าน ยังกล่างถึงทางเลือกที่ 3 คือ ทางเลือกอื่นๆ ก็คือ ไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นการร่วมกันของ 8 พรรคร่วม ซึ่งอาจจะไม่มีพรรคใดพรรคหนึ่งอยู่ในสมการนี้ หรือการจับมือนี้ ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่พรรคเพื่อไทยได้รับจาก 8 พรรคร่วมไปดำเนินการ ก่อนนำมาหารือกันอีกครั้ง

ส่วนเงื่อนไข “มีเราไม่มีลุง” ของบางพรรคการเมืองนั้น นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ เพราะเป็นทางเลือกที่ต้องไปแสวงหาให้ได้

สำหรับกรณีการยื่นผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้พิจารณาเรื่องที่ประชุมรัฐสภาในการวินิจฉัยข้อบังคับที่ 41 ซึ่งอาจทำให้เสนอชื่อ นายพิธา รอบ 2 ได้นั้น นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า คงต้องไปดูรายละเอียด เพราะอยู่คนละจังหวะเวลากัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย

ปปง. ร่วมสอบกรณีพบเงินต้องสงสัยถูกทิ้ง 12 ล้าน

7 มิ.ย.- ปปง. ร่วมตรวจสอบกรณีพบเงินสด 12 ล้าน วางทิ้งในกล่องข้างถังขยะคอนโดเมืองทองฯ ชี้ผู้อ้างเป็นเจ้าของเงินต้องชี้แจงรายละเอียดที่มาให้ได้ จากกรณีที่พลเมืองดี พบธนบัตรเงินสด 12 ล้านบาท ในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อในเอกสารดังกล่าว คือ นายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วระบุเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านดังกล่าว นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ขั้นตอนตามปกติหากพบเหตุสงสัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดย ปปง. ได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องสอบสวนคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งธนาคาร และส่วนงานที่ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินระบุถึง สุดท้ายเจ้าของต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมว่า เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในข้อใด หรือทรัพย์ดังกล่าวอาจเกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่ปัจจุบันมี 28 มูลฐานความผิด การจะมีการประสานส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ปปง. […]

“อนุทิน” ย้ำไม่ย้ายกระทรวง ยึดข้อตกลงเดิม​ นายกฯ ให้ความมั่นใจแล้ว

สุวรรณภูมิ​ 7 มิ.ย.-“อนุทิน” ลั่นไม่มีอะไรต้องตกลงแล้ว ทุกอย่างจบตั้งแต่กินช็อกมินต์ หลังกระพือยึดเก้าอี้ มท.1 ชี้ “ภูมิใจไทย” ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล ย้ำชัดไม่ย้ายกระทรวงยึดข้อตกลงเดิม ระบุนายกฯ ก็ให้ความมั่นใจแล้ว ยอมรับกินข้าว รวมไทยสร้างชาติ แล้ว แต่คุยปมพลังงาน ยันไม่ต้องจับมือต่อรอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยใดๆ ซึ่งเรื่องการปรับ ครม. หากมีการถามมายังพรรคภูมิใจไทย พรรคก็ยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะได้คุยในเบื้องต้นภายในพรรคแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้อย่างเต็มที่ กระทรวงที่กำกับดูแลในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อถามว่า กระแสข่าวการเขย่าเก้าอี้แบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มองว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร มันเขย่าไม่ได้ นี่เป็นรัฐบาลผสม และเป็นข้อตกลงที่เราหารือกันตั้งแต่เราตั้งรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน 2 ปีแล้ว และมายังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รูปแบบนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ตรงนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของใคร แต่เป็นข้อตกลงและเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ ที่มีข่าวบอกว่าคนนี้ทำงานดีหรือไม่ดี […]