“อ.ยุทธพร” มอง “พิธา” ส่งไม้ต่อให้ “เพื่อไทย” เป็นทางออกดีที่สุด

อสมท 15 ก.ค. – “อ.ยุทธพร” ประเมินโหวตเลือกนายกฯ 19 ก.ค. คะแนนไม่ต่างรอบแรก มอง “พิธา” ประกาศส่งไม้ต่อให้ “เพื่อไทย” หากก้าวไกลทำไม่สำเร็จ เป็นทางออกที่ดีที่สุด วิเคราะห์ “ก้าวไกล” ยื่นแก้ ม.272 ปิดสวิตช์ ส.ว. เป็นเกมสกัดกั้นเพื่อไทย-เชิงสัญลักษณ์


รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มองกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุว่า หากการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ผ่าน เพราะ ส.ส.บางส่วน และ ส.ว. ติดเงื่อนไขไม่เอาก้าวไกล ต้องให้พรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล โดยพรรคก้าวไกลต้องเสียสละออกไปเป็นฝ่ายค้าน ว่า พรรคก้าวไกลต้องเผชิญกับโมเมนตัมทางการเมืองไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องการโหวตนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีในรอบที่ 1 ไม่ผ่าน แล้วจะต้องมีการโหวตรอบที่ 2 รอบที่ 3 หรือไม่ ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ โมเมนตัมทางการเมืองก็จะเหวี่ยงกลับมาที่พรรคก้าวไกลและนายพิธา เพราะการที่นายพิธาได้รับการเสนอชื่อหลายครั้ง ก็อาจเกิดคำถามว่า ระหว่างผลประโยชน์ทางการเมืองของนายพิธา ของพรรคก้าวไกล และผลประโยชน์ของประเทศที่ไม่สามารถหานายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลได้ อะไรคือหมุดหมายที่สำคัญกว่ากัน นี่คือโมเมนตัมที่รออยู่ข้างหน้า อีกทั้งยังมีเรื่องการเมืองของ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล ซึ่งมีเสียงสะท้อนออกมาบ้างแล้ว สำหรับความต้องการปรับสมการทางการเมือง เช่น ให้พรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนหลักในการจัดตั้งรัฐบาล หรือแม้แต่ความเห็นที่ไม่ตรงกันและนำไปสู่การข้ามขั้วทางการเมือง

ส่วนมองเกมการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 19 ก.ค.นี้ อย่างไรนั้น รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวว่า เกรงคะแนนวันที่ 19 ก.ค. จะคล้ายกับวันที่ 13 ก.ค. เพราะในระยะเวลาไม่กี่วัน การจะไปเปลี่ยนความคิดทัศนคติของผู้คนไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าพรรคก้าวไกลจะมีกลไกต่างๆ ก่อนหน้านี้ โดยการมีคณะทำงานและการไปพูดคุยกับ ส.ว. แต่ก็ไม่เห็นความชัดเจนรายชื่อของ ส.ว. ที่จะสนับสนุนออกมาให้เห็น แม้จะมีคำยืนยันจากพรรคก้าวไกล สุดท้าย ส.ว.หลายคนที่เคยมีชื่อว่าจะสนับสนุนนายพิธา กลับไม่เข้าร่วมประชุม หรืองดออกเสียง หรือบางคนโหวตไม่เห็นชอบ ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีความแน่นอนในวันที่ 19 ก.ค. อย่างไรก็ตาม ประเมินคะแนนที่ออกมาน่าจะไม่ต่างกับวันที่ 13 ก.ค. หรืออาจจะน้อยกว่าเดิม เนื่องจากมีการยื่นแก้ไขกฎหมายมาตรา 272 ที่เป็นการตัดอำนาจ ส.ว.


เมื่อถามว่า อุปสรรคที่เกิดขึ้นเป็นที่มาทำให้นายพิธา โพสต์คลิปวิดีโอประกาศจะสู้ต่อ แต่ถ้าไม่สามารถเดินต่อไปได้ จะส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทยขึ้นเป็นแกนนำในการตั้งรัฐบาล รศ.ดร.ยุทธพร มองว่า เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับพรรคก้าวไกล ในชั่วโมงที่พรรคก้าวไกลอาจจะไม่มีความเป็นไปได้ในการเป็นแกนนำ และนายพิธา อาจจะไม่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งการจับมือกันของ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล ที่เป็นเอกภาพ เป็นภาพที่ดูดีและสวยงามในการสะท้อนเจตจำนงของประชาชน เพราะที่ผ่านมาการลงคะแนนเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คะแนนเป็นเอกภาพมาโดยตลอด ดังนั้น ถ้าวันใดวันหนึ่งพรรคก้าวไกลไม่สามารถเดินต่อได้ นายพิธาไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้การเปิดโอกาสให้พรรคอันดับ 2 คือ พรรคเพื่อไทย น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับพรรคก้าวไกล และ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล

ส่วนในสมการที่ยังมีก้าวไกล จะยังเป็นไปได้หรือไม่ รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวว่า ยังพอเป็นไปได้ แม้ ส.ว.บางส่วนระบุว่า ไม่มีพรรคก้าวไกลถึงจะโหวตให้ แต่ถ้ายังมีพรรคก้าวไกล แม้จะเป็นพรรคเพื่อไทยก็จะไม่โหวตให้ พร้อมมองว่า ส.ว.หลายคนก็ยังพอมีเหตุผล แม้จะมีก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ตาม

เมื่อถามถึงสมการที่พรรคก้าวไกลยื่นขอแก้ไขมาตรา 272 ในชั่วโมงที่ต้องพึ่งเสียง ส.ว. อย่างไรบ้างนั้น รศ.ดร.ยุทธพร ระบุว่า สมการในการแก้มาตรา 272 เป็นสิ่งที่น่าสนใจ มีประเด็นสำคัญอยู่ 2 เรื่อง คือ 1. เป็นการแก้ในเชิงสัญลักษณ์ เพื่อให้สังคมและสมาชิกรัฐสภาได้เห็นว่า มาตรา 272 มีปัญหาจริงๆ ในการทำให้โครงสร้างรัฐสภาบิดเบี้ยว จึงเป็นเชิงสัญลักษณ์ที่ทำโดยไม่ได้หวังผล ตามที่พรรคก้าวไกลได้วางแผนว่า ภายใน 3-4 สัปดาห์ จะสามารถแก้ไขกฎหมายได้เรียบร้อย คิดว่าคงไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะกลไกในการแก้รัฐธรรมนูญ ต้องอาศัยเสียง ส.ว. ในวาระแรกไม่น้อยกว่า 84 เสียง และยังต้องมีเสียงของพรรคที่ไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรีอีกร้อยละ 20 ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้เป็นไปได้ยาก แต่จุดสำคัญอยู่ในประการที่ 2 คือ การยื่นขอแก้ไขมาตรา 272 คือเกมสกัดพรรคเพื่อไทย โดยการพยายามตีให้พรรคเพื่อไทยหงายไพ่ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทย และ ส.ว. ในกรณีที่พรรคเพื่อไทยไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 272 จนอาจจะมีการพูดถึงดีลลับ ระหว่างเพื่อไทย กับ ส.ว. หรือไม่ อีกประการหนึ่ง หากพรรคเพื่อไทยสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 272 เท่ากับว่า พรรคเพื่อไทยจะก้าวเข้ามาเป็นคู่ขัดแย้งร่วมกับพรรคก้าวไกล ในการยืนฝั่งตรงข้ามกับ ส.ว. เพราะวันนี้ชัดเจนว่า ฝ่ายที่เป็นคู่ขัดแย้งกับ ส.ว. คือ พรรคก้าวไกล นั่นหมายถึงว่า การจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยก็จะได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ยากขึ้น


เมื่อถามถึงความเคลื่อนไหวของด้อมส้ม ที่มีปฏิกิริยาถึง ส.ว. สะท้อนอะไรบ้าง รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของมวลชนเป็นปัจจัยของการเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะประชาชนต้องการเข้ามาเป็นผู้เล่นทางการเมือง ซึ่งทุกวันนี้มีโซเชียลมีเดียที่ทำให้คนเข้ามารับรู้ข้อมูลข่าวสาร และเป็นเครื่องมือในการสื่อสารไปยังผู้คนในสังคมและผู้มีอำนาจทางการเมือง นอกจากเรื่องการเคลื่อนไหวของผู้คน ก็ยังมีปัจจัยอื่นด้วย เช่น การประกาศวางมือทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องมีนายกฯ ในดวงใจแล้ว จึงประกาศวางมือทางการเมือง ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีคำถามเรื่องการดำรงตำแหน่งวาระ 8 ปี แต่ก็ยังไม่เคยประกาศวางมือทางการเมือง รวมถึงต้องเช็กเสียงแล้วว่า นายกฯ ในดวงใจมีเสียงที่ไปได้และทุกฝ่ายให้การยอมรับ อีกประการหนึ่งคือ การกลับไทยของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งถ้าจะกลับประเทศไทย ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ พรรคเพื่อไทยต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะฉะนั้น ทางการเมืองแบบมวลชนและการวางมือของ พล.อ.ประยุทธ์ หรือประเด็นนายทักษิณกลับบ้าน ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล และการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]