ก้าวไกล ยื่นปิดสวิตช์ ส.ว. เปิดทางออกให้ประเทศ

รัฐสภา 14 ก.ค.-“ก้าวไกล” ยื่นปิดสวิตช์ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ เปิดทางออกให้ประเทศ หลัง ส.ว. งดออกเสียง-โดดประชุม เท่ากับไม่อยากใช้อำนาจ ขณะที่ “วันนอร์” นัดสมาชิกรัฐสภาโหวตนายกฯ รอบสอง 19 ก.ค.นี้


สมาชิกพรรคก้าวไกล นำโดยนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประเด็นการแก้ไขกฎหมาย โดยยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญยกเลิกมาตรา 272 ในบทเฉพาะกาลที่ให้อำนาจวุฒิสมาชิก มีส่วนร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว หรือเรียกว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อคืนอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีให้กับประชาชน หรือ ปิดสวิตช์ ส.ว.

ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า จะให้เจ้าหน้าที่สภาฯ ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของรายชื่อและเอกสารนี้ เพื่อบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระต่อไป ส่วนวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งถัดไป ได้ออกหนังสือเชิญสมาชิกรัฐสภามาประชุมในวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.30 น.


นายชัยธวัช กล่าวถึงการยื่นแก้กฎหมาย ว่า เนื่องจากการประชุมรัฐสภาเมื่อ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏชัดว่ามี ส.ว.จำนวนมากได้งดออกเสียง 159 คน และไม่มาประชุมอีก 43 คน หลายคนได้แสดงออกชัดเจนว่าตนเองไม่ประสงค์ที่จะใช้สิทธิ ใช้อำนาจทำหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรี และเป็นเรื่องของ ส.ส. ดังนั้นเมื่อ ส.ว.จำนวนมากประสงค์เช่นนั้น ไม่ใช้สิทธิของตนเองโดยการงดออกเสียง ก็จะนำไปสู่ทางตันทางการเมือง พรรคก้าวไกลจึงเสนอทางออกให้กับสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเชื่อว่าทางนี้จะเป็นทางออกที่ตอบโจทย์ของทั้งสมาชิกวุฒิสภาเอง และตอบโจทย์ในระบบรัฐสภาของไทย และเพื่อทำให้การเมืองไทยเดินหน้าไปได้ และจะได้มีรัฐบาลชุดใหม่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ทั้งนี้ เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นคนละส่วนกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งสองส่วนสามารถดำเนินการคู่ขนานไปได้ แต่ก็ไม่ทราบว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีจะดำเนินการไปอีกกี่ครั้ง ดังนั้นก็พยายามหาทุกช่องทางที่จะทำให้สามารถมีข้อยุติเรื่องการเลือกนายกรัฐมนตรีได้ และพรรคก้าวไกล รวมถึงอีก 7 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลก็คงจะพยายามที่จะขอเสียงจาก ส.ว. เพิ่มมากขึ้นด้วย

ส่วนการยื่นร่างแก้ไขมาตรา 272 ในวันนี้ ได้แจ้งไปยังพรรคเพื่อไทยให้ทราบแล้ว และพรรคเพื่อไทยไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด เพราะพรรคก้าวไกลได้เตรียมร่างฯ นี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว เพื่อนสมาชิกได้เซ็นเสนอร่างไว้แล้ว และมีการตัดสินใจเมื่อคืนที่ผ่านมา ที่จะยื่นต่อสภาฯ ในทันที เพื่อที่จะใช้เวลาให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเข้าใจดีว่าเมื่อเร่งรีบและต้องการให้ระยะเวลาสั้นที่สุดก็ไม่สามารถที่จะมีเวลารอให้สมาชิกจากพรรคอื่นมาร่วมเซ็นด้วย ไม่ได้หมายความว่าพรรคเพื่อไทยหรือพรรคอื่นจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้


ส่วนการยื่นแก้กฎหมายมาตรา 272 ในครั้งนี้ จะส่งผลต่อการตัดสินใจของ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายพิธา หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า แล้วแต่มุมมอง แต่เชื่อว่าไม่ได้กระทบอะไร เพราะเนื่องจาก ส.ว. ก็ไม่ประสงค์ที่จะออกเสียงอยู่แล้ว จึงมองหาทางออกให้กับทุกฝ่าย ในเมื่อลงคะแนนงดออกเสียง 159 คน และไม่มาประชุมเลย 43 คน ดังนั้น ส.ว.จำนวนมากก็ควรที่จะยินดี หากไม่ต้องใช้สิทธิอย่างเป็นทางการ  

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลจะเห็นด้วยกับการยื่นครั้งนี้หรือไม่นั้น คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะร่างนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีการเสนอไปหลายครั้ง ในสภาฯ สมัยที่แล้ว แต่ครั้งนั้นพรรคที่เป็นฝั่งรัฐบาล เช่น พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกเสียงให้ ในครั้งนี้ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และ ส.ว.จำนวนมากก็เห็นด้วยกับร่างดังกล่าว และ ส.ว.หลายคนมีความประสงค์ที่ไม่เห็นด้วยกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นี่คือทางออกที่ดีที่สุด

ส่วนถ้า ส.ว. จะเอาเรื่องการแก้ไข ม.112 มาเป็นเงื่อนไขในการไม่ร่วมแก้ไขมาตรา 272 นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ไกลเกินกว่าที่จะโยง เพราะเรื่องนี้เป็นการหาทางออกให้ทุกฝ่ายสบายใจ ในเมื่อมีมโนธรรมสำนึกในใจว่าไม่สามารถโหวตนายกรัฐมนตรีได้ ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป ดังนั้นเพื่อไม่ให้กระทำการอะไรที่ไม่ขัดกับมโนธรรมสำนึก ก็ยกเลิกมาตรานี้ และคืนอำนาจการเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นของประชาชน เมื่อประชาชนตัดสินใจไปแล้ว จะถูกจะผิด ก็ไม่เกี่ยวกับ ส.ว. พร้อมย้ำว่า นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด

นายชัยธวัช ยังกล่าวว่า ไม่กังวลว่าการยื่นแก้ไขมาตรา 272 จะพาพรรคก้าวไกลไปสู่ฝ่ายค้าน เพราะเราต้องการทำตามความประสงค์ของ ส.ว.จำนวนมาก และไม่เกี่ยวกับการโหวตนายกรัฐมนตรี และต้องไปถาม ส.ว. ว่าในเมื่อไม่ประสงค์ที่จะโหวตนายกรัฐมนตรี จะเห็นด้วยหรือไม่กับร่างดังกล่าว

ส่วนข้อกังวลที่ว่า ระยะเวลาในการแก้กฎหมายอาจจะยาวนาน และไม่ทันกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายชัยธวัช กล่าวว่า การแก้กฎหมายไม่ยาวนานขนาดนั้น เพราะเนื้อหาสาระไม่ได้มีอะไรมาก นอกจากการยกเลิกมาตรา 272 ซึ่งสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ก็ไม่สามารถบอกได้ว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะใช้เวลาอีกกี่ครั้ง ดังนั้นเราจะพยายามที่สุดที่จะหาทางเลือกใหม่ๆ ให้กับสังคมไทย และคาดหวังว่าสมัยประชุมนี้ ฝ่ายรัฐบาลเดิมจะมีจุดยืนเช่นเดิม แม้ในขณะนี้จะไม่มีฝ่ายค้านก็ตาม ซึ่งเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหา

สำหรับ ส.ว.ที่งดออกเสียง อาจเป็นเพราะอคติต่อพรรค หรือต่อนายพิธา ไม่ใช่อยากปิดสวิตช์ตัวเองนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนทราบว่า ส.ว.ที่งดออกเสียง ไม่ได้หมายความว่าต้องการจะปิดสวิตช์ตัวเองทั้งหมด แต่น่าจะมี 1 ใน 3 ที่มีความประสงค์ที่จะไม่ใช้เสียงในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจริงๆ

พร้อมกันนี้ นายชัยธวัช กล่าวถึงการที่ ส.ว. ยกข้อบังคับที่ 41 ที่ว่าไม่ให้มีการเสนอญัตติซ้ำ ซึ่งการเสนอนายพิธาอีกครั้งในการโหวตครั้งต่อไปจะขัดต่อข้อบังคับ ว่าเป็นการตีความที่ผิด   

สำหรับที่มีแกนนำหลายจังหวัดให้พรรคก้าวไกลถอยเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เพื่อรักษานโยบายอื่นๆ นายชัยธวัช กล่าวว่า ถ้าเป็นความเห็นจากแกนนำในพรรคในแต่ละจังหวัด หรือ ส.ส.พรรค คงมีกระบวนการหารือกัน แต่เบื้องต้นพยายามทำความเข้าใจก่อนว่า เรื่องนี้เป็นข้ออ้างบังหน้าเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ได้เห็นข้อความที่ส่งกันในแอปพลิเคชันไลน์ของ ส.ว.ที่อ้างว่า “ให้ระวังไว้ว่า นายพิธาจะประกาศในรัฐสภาว่าจะไม่แก้ ม.112 แล้ว แต่ขออย่าให้เชื่อ อย่าให้ถูกหลอก เพราะพวกเขามีวัตถุประสงค์ในทางไม่ดี…”  และในการประชุมรัฐสภาก็มี ส.ว.บางคนที่เป็นผู้นำจิตวิญญาณที่ระบุว่า “ต่อให้นายพิธาประกาศว่าไม่แก้ ม.112 ก็ไม่เชื่อ เพราะมีความเลวร้ายอื่นอีก” ดังนั้น ไม่มีเรื่องนี้ก็มีเรื่องอื่นอีก

“ไม่สามารถเอาวาระการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดไว้แยกเป็นการเฉพาะอยู่ในรัฐธรรมนูญ ไปตีความรวมเป็นญัตติทั่วๆ ไป เหมือนญัตติอื่นๆ ในสภาได้ ดังนั้นต้องแยกออกจากกัน ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้กันแล้ว และเห็นตรงกันว่าไม่สามารถตีความข้อบังคับแบบนั้นได้ และไม่กังวลว่า ส.ว. จะนำข้อบังคับ 41 นี้เข้ามาตีรวนในสภาฯ จนไม่สามารถเสนอนายพิธาในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไปได้ ส่วนถ้าเพื่อไทยจะเสนอแคนดิเดตของตนเองนั้น ตนคิดว่าก้าวไกลยังมีสิทธิที่จะเสนออยู่” นายชัยธวัช กล่าว

“สำหรับ ส.ว.จำนวนหนึ่ง ต้องทำความเข้าใจว่า เหตุผลที่แท้จริง คือ มีกลุ่มขั้วอำนาจเดิมยังพยายามที่จะพลิกขั้วในการจัดตั้งรัฐบาล โดยร่วมมือกับกลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มทุนที่ไม่ต้องการเห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เพราะไม่ต้องการเสียผลประโยชน์จากนโยบายของเรา ดังนั้นจึงพยายามทุกวิถีทาง ทั้งผ่านรัฐสภา หรือผ่านกระบวนการอื่นๆ รวมถึงข้อสงสัยเรื่องการทำงานขององค์กรอิสระบางองค์กรด้วยเพื่อเป้าหมายเดียว” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวถึงอาจมีการเสนอชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล ตนยังเชื่อว่า ยังมีอีกหลายพรรคการเมืองที่ก่อนหน้านี้ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย หวังว่าพรรคการเมืองเหล่านั้นจะยังรักษาหลักการและจุดยืนไม่โหวตให้ พล.อ.ประวิตร เพราะรัฐบาลเสียงข้างน้อยบริหารไม่ได้

“สำหรับ ส.ว. คงไม่มีข้ออ้างใดในการฝืนมติมหาชน แต่ในสัปดาห์ต่อมาเปลี่ยนมาเลือกแคนดิเดตนายกฯ จากฝ่ายเสียงข้างน้อย อันนี้ยิ่งไปกันใหญ่ ผมคิดว่าควรโหวตคืนอำนาจ ตามการเสนอยกเลิกมาตรา 272 ที่พรรคก้าวไกลเสนอ จะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เราอาจมีรัฐบาลหรือมีนายกฯ เร็วขึ้นจากเสียงข้างน้อย แต่เป็นความเร็วขึ้นที่ไม่เห็นอนาคตเลยว่ารัฐบาลชุดนี้จะมีอายุเท่าไหร่” นายชัยธวัช กล่าว

ส่วนที่กังวลว่าจะมีเกมการเมืองที่ทำให้พรรคก้าวไกลพลิกขั้วไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายชัยธวัช ระบุว่า อย่าเปิดประเด็นใหม่ พร้อมไม่ขอบอกรายละเอียดการประชุมร่วมกับพรรคเพื่อไทย ในเย็นวันนี้ (14 ก.ค.)

ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษ ถึงระยะเวลาในการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ประเด็นสำคัญคือพรรคก้าวไกลยังไม่ยอมแพ้ เราต้องการเพียงคืนความปกติให้ระบอบประชาธิปไตยของไทย เพื่อให้อำนาจอธิปไตยยังเป็นของประชาชน และหวังว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทั่วโลกในความพยายามครั้งนี้ และพรรคก้าวไกลได้ตกลงกับอีก 7 พรรคแล้วว่าจะพยายามเสนอชื่อนายพิธาต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับหาวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆ รวมถึงการยกเลิกมาตรา 272 ในครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย

ปปง. ร่วมสอบกรณีพบเงินต้องสงสัยถูกทิ้ง 12 ล้าน

7 มิ.ย.- ปปง. ร่วมตรวจสอบกรณีพบเงินสด 12 ล้าน วางทิ้งในกล่องข้างถังขยะคอนโดเมืองทองฯ ชี้ผู้อ้างเป็นเจ้าของเงินต้องชี้แจงรายละเอียดที่มาให้ได้ จากกรณีที่พลเมืองดี พบธนบัตรเงินสด 12 ล้านบาท ในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อในเอกสารดังกล่าว คือ นายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วระบุเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านดังกล่าว นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ขั้นตอนตามปกติหากพบเหตุสงสัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดย ปปง. ได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องสอบสวนคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งธนาคาร และส่วนงานที่ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินระบุถึง สุดท้ายเจ้าของต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมว่า เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในข้อใด หรือทรัพย์ดังกล่าวอาจเกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่ปัจจุบันมี 28 มูลฐานความผิด การจะมีการประสานส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ปปง. […]

“อนุทิน” ย้ำไม่ย้ายกระทรวง ยึดข้อตกลงเดิม​ นายกฯ ให้ความมั่นใจแล้ว

สุวรรณภูมิ​ 7 มิ.ย.-“อนุทิน” ลั่นไม่มีอะไรต้องตกลงแล้ว ทุกอย่างจบตั้งแต่กินช็อกมินต์ หลังกระพือยึดเก้าอี้ มท.1 ชี้ “ภูมิใจไทย” ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล ย้ำชัดไม่ย้ายกระทรวงยึดข้อตกลงเดิม ระบุนายกฯ ก็ให้ความมั่นใจแล้ว ยอมรับกินข้าว รวมไทยสร้างชาติ แล้ว แต่คุยปมพลังงาน ยันไม่ต้องจับมือต่อรอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยใดๆ ซึ่งเรื่องการปรับ ครม. หากมีการถามมายังพรรคภูมิใจไทย พรรคก็ยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะได้คุยในเบื้องต้นภายในพรรคแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้อย่างเต็มที่ กระทรวงที่กำกับดูแลในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อถามว่า กระแสข่าวการเขย่าเก้าอี้แบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มองว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร มันเขย่าไม่ได้ นี่เป็นรัฐบาลผสม และเป็นข้อตกลงที่เราหารือกันตั้งแต่เราตั้งรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน 2 ปีแล้ว และมายังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รูปแบบนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ตรงนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของใคร แต่เป็นข้อตกลงและเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ ที่มีข่าวบอกว่าคนนี้ทำงานดีหรือไม่ดี […]