มั่นใจปม “พิธา” ถือหุ้นสื่อไม่กระทบวันโหวตนายกฯ

พรรคเพื่อไทย 10 ก.ค.-“ประเสริฐ” เชื่อกกต.ให้ความเป็นธรรม “พิธา” ปมถือหุ้นสื่อไอทีวี หลังเจ้าตัวยื่นคำร้องให้กกต.ไต่สวนก่อนส่งเรื่องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มั่นใจไม่กระทบวันโหวตนายกฯ 13 ก.ค.นี้ ส่วนการคุยส.ว. เชื่อรวมเสียงได้ทัน ย้ำเพื่อไทยไม่มีแผนสำรอง หากโหวตนายกฯรอบแรกไม่ผ่าน


นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประชุม 8 พรรคร่วมก่อนวันที่ 13 ก.ค.ประชุมสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า ในวันพรุ่งนี้ 09.30 น.จะนัดแกนนำ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลประชุมกันที่รัฐสภาโดยจะพูดคุยเกี่ยวกับการเตรียมความพน้อมการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นหลัก รวมถึงประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ เรื่องคณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน หลังจากนั้นเวลา 11.00 น. จะนัดประชุม 3 ฝ่าย ประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภา 8 พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลเดิม โดยประธานรัฐสภาจะเป็นผู้นัดหมาย ซึ่งเนื้อหาหลักจะเป็นแนวทางการประชุมในวันที่ 13 ก.ค.นี้ในเรื่องของการโหวตนายกรัฐมนตรีจะต้องมีข้อบังคับหรือข้อกำหนดใดบ้าง ซึ่งก่อนการโหวตจะต้องมีการแสดงวิสัยทัศน์ หรือควรมีการแสดงความคิดเห็นใด ๆ ในที่ประชุมด้วยหรือไม่

ยืนยันว่า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลยังชัดเจนและมีแนวทางเดียวกันคือโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นเอกภาพ และ 8 พรรคยืนยันว่าข้อตกลงเป็นไปตาม MOU ที่จะสนับสนุนนายพิธาอย่างเต็มที่” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว


ส่วนประเด็นเสียงของส.ว. นายประเสริฐ กล่าวว่า เท่าที่สอบถามแกนนำพรรคก้าวไกลยังยืนยันว่าสามารถรวบรวมเสียงส.ว.ได้เพียงพอ เรื่องนี้เข้าใจพรรคก้าวไกลดีที่ไม่อยากเปิดเผยรายละเอียด เรื่องเสียงการโหวตของส.ว.มากเท่าใดนัก การโหวตครั้งนี้มีความสำคัญมาก

เมื่อถามย้ำว่าต้องสอบถามทางพรรคก้าวไกลหรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะเข้าไปช่วยพูดคุยกับส.ว.บางคนที่รู้จัก เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สอบถามไปบ้าง แต่การพูดคุยหลัก ๆ เป็นของพรรคก้าวไกล ซึ่งที่กล่าวไปข้างต้นพรรคก้าวไกลยังไม่เปิดเผยรายละเอียดมากนักเพราะอาจส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียง พรรคเพื่อไทยเข้าใจดีว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนหากจะต้องมาเปิดเผยชื่อ “พรรคเพื่อไทยจะถามเท่าที่ถามได้”

ส่วน 8 พรรคที่พูดคุยกันจะต้องยืนยันเสียงว่าพอหรือไม่พอเพื่อเป็นการวางแผนสำรองหากขั้วรัฐบาลเดิมจะส่งชื่อชิงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตามที่วิเคราะห์กัน นายประเสริฐ กล่าวว่า  วันพรุ่งนี้อาจจะนำเรื่องนี้เข้ามาพูดคุยกัน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะได้รายละเอียดมากน้อยเพียงใด เพราะพรรคก้าวไกลยืนยันว่าได้เสียงครบมาโดยตลอด หากจะนำเรื่องนี้ไปสอบถามบ่อยๆก็จะดูไม่เหมาะสม ต้องให้เกียรติในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและยังเป็นพรรคหลักรวบรวมเสียงส.ว.


เมื่อถามว่า หากพิจารณาตามเสียงวิเคราะห์อาจได้คะแนนไม่พอในการโหวตครั้งแรก พรรคเพื่อไทยมองว่าจะต้องโหวตกี่ครั้ง นายประเสริฐ กล่าวว่า นายวันมูหัมมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาจะต้องนำเรื่องนี้มาหารือกับแกนนำจัดตั้งรัฐบาลทั้ง 8 พรรค หากครั้งแรกไม่ผ่านจะมีแนวทางอย่างไรในครั้งต่อไป ส่วนพรรคเพื่อไทยยังไม่มองไกลและไม่มีแผนสำรอง เพราะต้องให้เกียรติพรรคก้าวไกลก่อน พรรคเพื่อไทยจึงยังไม่สมควรพูดเรื่องนี้ ให้ดูกันวันที่ 13 ก.ค.ก่อนค่อยมาคุยกันอีกครั้ง

ส่วนประเด็นและเงื่อนไขหลักที่ส.ว.จะไม่ยกมือให้นายพิธาคือเรื่องการแก้ไขม.112 จุดยืนของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลแถลงข่าวในวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา เราได้พูดคุยเรื่องข้อตกลง MOU กันแล้วว่าพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข และพรรคเพื่อไทยขอสงวนความเห็นหากจะหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณา จุดยืนของพรรคเพื่อไทยมีความชัดเจนอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงกรณีส.ว.เตือนหาก 8 พรรคร่วมฯ หากโหวตบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติจะเข้าข่ายผิดกฎหมายได้ พรรคเพื่อไทยกังวลหรือไม่ นายประเสริฐ  กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นดุลยพินิจของส.ว.แต่ละคน ส่วนตัวมองว่าเป็นเพียงการส่งสัญญาณออกมาแต่ท้ายที่สุดแล้ว เชื่อไม่ว่าส.ส.หรือส.ว.ทุกคนมีวุฒิภาวะ ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจที่จะตัดสินใจ

ส่วนกังวลหรือไม่หากมีความวุ่นวายเกิดขึ้นในวันโหวตนายกรัฐมนตรีหากไม่ผ่านในวันแรกเพราะจะมีมวลชนมาให้กำลังใจ นายประเสริฐ กล่าวว่า ไม่กังวล ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย สามารถชี้แจงกับทุกฝ่ายได้ถึงที่มาที่ไป มั่นใจว่าสภาฯ ให้เหตุผลกับประชาชนได้ และมั่นใจว่าประชาชนจะเข้าใจด้วยเช่นกัน ส่วนที่กกต.เตรียมประชุมส่งเรื่องหุ้นไอทีวีของนายพิธาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 13 ก.ค. 8 พรรคร่วมจะนำเรื่องนี้มาพูดคุยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้อยู่ในหัวข้อการพูดคุยในวันพรุ่งนี้ แต่หากดูจากข่าว คำร้องที่กกต.จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ และคำร้องที่นายพิธายื่นไปยังกกต.ขอให้มีการไต่สวนข้อเท็จจริงก่อน ส่วนตัวเชื่อว่า ในเรื่องนี้กกต.จะให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกร้อง เชื่อว่าหากมีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมานายพิธาและพรรคก้าวไกลจะสามารถตอบคำถามและชี้แจงเรื่องนี้ได้ ส่วนตัวจึงมั่นใจว่า ไม่กระทบกับวันที่ 13 ก.ค.การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะยังคงดำเนินต่อไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย