“ชัยธวัช” ยันประธานสภาฯ ต้องเป็นของพรรคอันดับ 1   

พรรคก้าวไกล 26 มิ.ย. – “ชัยธวัช” เผยตำแหน่งประธานสภาฯ ชัด 28 มิ.ย. ยืนยันหลักการพรรคอันดับ 1 ต้องได้ตำแหน่งนี้ ย้ำยังเชื่อใจพรรคเพื่อไทย จริงใจโหวตนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาล ยันเตรียมข้อมูลเข้าชี้แจงหุ้นไอทีวีต่อ กกต. แนะเรียกไอทีวีแจงด้วย


นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าพรรคก้าวไกลจะพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย วันที่ 28 มิ.ย.นี้ โดยพรรคเพื่อไทยจะมีการประชุม ส.ส.ของพรรค ในวันที่ 27 มิ.ย. หลังจากนั้นในวันที่ 28 มิ.ย. น่าจะได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการ และจะนำไปเสนอในที่ประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในวันที่ 29 มิ.ย. และยังยืนยันในหลักการว่าประธานสภาฯ ควรจะเป็นของพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 แต่ต้องให้เวลากับทางพรรคเพื่อไทยในการพูดคุย และได้ข้อสรุปภายในพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ มองว่าคงไม่มีเงื่อนไขสำคัญที่ทางพรรคเพื่อไทยต้องยกตำแหน่งประธานสภาฯ ให้กับพรรคก้าวไกล แต่เป็นหลักการทั่วไปในระบบรัฐสภา ซึ่งทุกคนควรช่วยกันฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยให้กลับสู่ปกติ

ส่วนที่ยังมี ส.ส.เพื่อไทยบางคนยังคงยืนยันว่าเก้าอี้ประธานสภาฯ ต้องเป็นของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น จะมีผลต่อการเจรจาหรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้ผ่านกระบวนการที่พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ก่อน แต่ตนยังคิดว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่ข้อสรุปที่ดี นำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันและประสบความสำเร็จ และยังเชื่อว่าพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ยังคงมุ่งมั่นทำตามเจตนารมณ์ของประชาชนที่อยากเห็นพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมมาบริหารประเทศแทนรัฐบาลชุดปัจจุบัน


ส่วนความคืบหน้าการเจรจาพูดคุยกับทางสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. นายชัยธวัช มองว่า ส.ว.ส่วนใหญ่รอดูการเลือกประธานสภาฯ และ ส.ว.ส่วนใหญ่ยังมีมาตรฐานเหมือนกับการเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2562 ว่าถ้าพรรคการเมืองใดสามารถรวมเสียงส่วนใหญ่ในสภาได้ก็ควรได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

“การเลือกประธานสภาฯ จะเป็นตัวสะท้อนว่าการจับมือร่วมกันระหว่าง 8 พันธมิตรจากพรรคการเมืองที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ ยังคงมีความเหนียวแน่นเหมือนเดิม เมื่อผ่านเรื่องนี้ไปแล้วก็จะทำให้ ส.ว.จำนวนมากมีความเชื่อมั่นว่าพรรคก้าวไกล ยังเป็นแกนนำในการรวบรวมเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎรได้” นายชัยธวัช กล่าว

ส่วนที่มีการขอให้พรรคก้าวไกลลดเพดานเรื่อง มาตรา 112 จะเป็นไปได้หรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ว่าจะนโยบายหรือความเหมาะสมของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ละพรรค ทุกคนที่เป็นคนไทยได้แสดงออก ตัดสินใจ และใช้วิจารณญาณของตนเองไปแล้ว ในฐานะประชาชนผ่านการเลือกตั้ง และในขั้นของการเลือกนายกรัฐมนตรีในสภาฯ ยังหวังว่าทุกฝ่ายที่ปรารถนาดีกับบ้านเมือง จะยึดมั่นว่าถ้าพรรคการเมืองใดชนะการเลือกตั้งมาแล้วได้อันดับที่ 1 สามารถรวบรวมเสียงส่วนใหญ่ก็ควรจะเป็นนายกรัฐมนตรี นี่คือกระบวนการที่ควรจะเป็นตามระบบรัฐสภา ซึ่งตนหวังว่า ส.ว.จำนวนมากจะยึดมั่นในหลักการนี้ 


นายชัยธวัช กล่าวว่า แม้ในปี 62 พรรคการเมืองที่ชนะอันดับที่ 1 ไม่สามารถที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะเกิดกระบวนการแทรกซ้อน และพรรคอันดับ 2 สามารถรวบรวมเสียงส่วนใหญ่ได้ ทาง ส.ว. ได้ให้เหตุผลว่าเมื่ออีกพรรคหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวบรวมเสียงส่วนใหญ่ได้ และได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องยอม เราก็ยังอยากเห็นมาตรฐานนี้เหมือนกันในปี 66

นายชัยธวัช กล่าวว่า ส่วนเรื่องข้อมูลอื่นๆ ว่าทางรัฐบาลพรรคก้าวไกล จะไปสร้างปัญหาอะไรหรือไม่อนาคต ตนคิดว่าไม่ว่าใครเป็นนายกรัฐมนตรี หรือเป็นรัฐบาล ก็ไม่สามารถทำอะไรฝืนความเห็นชอบของคนส่วนใหญ่ได้ หรือไปสร้างความขัดแย้งของคนส่วนใหญ่ก็อยู่ไม่ได้ เพราะมีกระบวนการตรวจสอบ ถ่วงดุลมากมาย และร่างกฎหมายต่างๆ แม้ความเห็นไม่เหมือนกัน สุดท้ายก็ต้องได้ข้อยุติในสภาผู้แทนราษฎร และในวุฒิสภา ซึ่งเป็นทางออกดีที่สุด

ส่วนในวันโหวตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลมองไว้กี่ฉากทัศน์ นายชัยธวัช ยังยืนว่าพรรคก้าวไกลยังเตรียมไว้ฉากทัศน์เดียว เพราะหากมีฉากทัศน์อื่นอาจเกิดความขัดแย้งในบ้านเมืองได้ เพราะเพิ่งผ่านการเลือกตั้งมา และในประชาธิปไตย การเลือกตั้งน่าจะเป็นกระบวนการหาข้อยุติระหว่างฝ่ายต่างๆ ที่เห็นไม่ตรงกันได้มากที่สุด และฉากทัศน์ที่วางไว้ควรจบในครั้งเดียว ไม่เช่นนั้นหลายฝ่ายก็กังวลว่าหากกระบวนที่เดินหน้าไปไม่ปกติ ไม่มีความชัดเจนทางการเมือง เกิดความกังวลในเสถียรภาพทางการเมือง ก็จะกระทบหลายส่วน ทั้งประชาชนที่รอรัฐบาลใหม่มาแก้ปัญหาในหลายเรื่อง รวมถึงภาคเอกชนด้วย

ทั้งนี้ หากวันโหวตจริง พรรคเพื่อไทยพลิกชนะ ได้นายกรัฐมนตรีขึ้นมา พรรคก้าวไกลจะร่วมกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายชัยธวัช ยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยยังมีความจริงใจที่จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล หลายพรรคได้ผ่านการต่อสู้เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยมาแล้ว เคยต่อต้านรัฐประหารร่วมกันมาแล้ว และยังเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะร่วมฟื้นฟูประชาธิปไตยร่วมกับพรรคก้าวไกล

ส่วนที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวในงานอภิปรายสาธารณะ จะฉลองวันชาติ เป็นวันที่ 24 มิ.ย. นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าในการพูดถึงประวัติศาสตร์ ว่าในวันที่ 22 มิ.ย. เคยถูกกำหนดให้เป็นวันชาติ แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว และมีการเสนอให้วันสำคัญทางการเมืองเป็นวันหยุด เพื่อให้ความสำคัญกับคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเรื่องนี้มีความเห็นที่หลากหลาย และยังไม่ควรมาถกเถียงกันตอนนี้

ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกล ฟ้องนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย 24 ล้านบาท และศาลนัดฟังตำตัดสินวันที่ 28 มิ.ย.นี้ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ มาถึงพรรคก้าวไกล พยายามที่จะไม่ฟ้องใครจนถึงที่สุดจริงๆ เพราะเราเป็นพรรคที่ส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เสรีภาพของสื่อมวลชน แต่บางกรณีเกินไปจริงๆ และมีกระบวนการทำต่อเนื่อง ซึ่งการฟ้องละเมิดเรียกค่าเสียหายและรอดูผลวินิจฉัยจากทางศาล

ส่วนกรณีที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เตรียมเรียกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตพรรคก้าวไกล ชี้แจงเรื่องการถือหุ้นไอทีวีนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ทางพรรคยังไม่ได้รับหนังสือจากทาง กกต. แต่พร้อมไปชี้แจง ตามข้อมูลที่เคยนำเสนอไปทั้งทางโซเชียลและผ่านสื่อไปบ้างแล้ว ก็น่าจะชัดเจนว่าสถานะไอทีวีเป็นอย่างไร และอยากเรียกร้องให้ทาง กกต. เรียกทางบริษัท ไอทีวี เข้าไปชี้แจงด้วย ว่าในรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าไม่ตรงกับข้อเท็จจริง หรือข้อพิรุธต่างๆ ในงบการเงินนั้นเป็นอย่างไร และอยากให้ยืนยันว่าตัวบริษัทไอทีวีเอง ยังประกอบกิจการสื่อหรือไม่ เพื่อทำให้เกิดความสมบูรณ์ในการพิจารณา ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

กัมพูชาจะไม่นำเรื่องพื้นที่พิพาทเข้าสู่วาระการประชุมเจบีซีกับไทย

กรุงเทพ 5 มิ.ย. – รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ลงวันที่ 4 มิถุนายนตำหนิเหตุการณ์ยิงปะทะกับทหารไทย พร้อมประกาศนำข้อพิพาทเรื่องดินแดนในพื้นที่ 4 จุดต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยจะไม่นำเข้าวาระการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee- JBC) หรือ เจบีซี ไทย-กัมพูชา กลางเดือนนี้ แถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศบนรากฐานแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนร่วมกันตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ยกเว้นช่วงระบอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง กัมพูชายังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในการเปลี่ยนชายแดนร่วมเหล่านี้ให้เป็นเขตแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา แม้จะมีความท้าทายเกิดขึ้นตลอดเส้นทางที่ผ่านมา กัมพูชาได้ให้ความสำคัญกับการยุติปัญหาชายแดนอย่างสันติ แม้ในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดเป็นครั้งคราวและมีการสูญเสียชีวิตของทหารผู้กล้าหาญที่ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ ความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของรัฐบาลกัมพูชา ในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติเป็นที่ประจักษ์ในการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงการส่งข้อพิพาทไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ซึ่งมีคำวินิจฉัยเป็นคุณแก่กัมพูชาในปี 2505 และอีกครั้งหนึ่งในปี 2556 ในข้อพิพาทชายแดนกับประเทศไทย การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาต่อกฎหมายระหว่างประเทศและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ ที่ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 05:30 น. เกิดเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารกัมพูชาในพื้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต ตำบลมรกต […]

อดีตพระพรหมเมธี กลับไทยสู้คดีเงินทอนวัด หลังลี้ภัยนาน 7 ปี

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – อดีตพระพรหมเมธี กลับถึงไทยเช้านี้ เพื่อสู้คดีเงินทอนวัด หลังตกเป็นผู้ต้องหามาตั้งแต่ปี 2561 ทำให้ต้องลี้ภัยไปอยู่เยอรมนี นานถึง 7 ปี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีรายงานข่าวว่า พระจำนงค์ ธัมมจารี หรืออดีตพระพรหมเมธี อายุ 84 ปี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม และอดีตกรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ต้องหาในคดีความผิดร่วมกันฟอกเงินจากคดีเงินทอนวัด เมื่อปี 2561 เดินทางจากเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี กลับประเทศไทย โดยมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตั้งแต่เวลา 06.30 น.ที่ผ่านมา หลังจากลี้ภัยไปอยู่ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ปี 2561 หรือเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา การเดินทางกลับมายังประเทศไทยครั้งนี้ อดีตพระพรหมเมธีต้องการจะเข้าสู่กระบวนการต่อสู้คดีตามกฎหมาย ต่อมาอดีตพระพรหมเมธีได้เดินทางไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อมอบตัวต่อสู้คดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ บริเวณชั้น 27 ขณะที่บรรยากาศที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในช่วงเช้าวันนี้ พบว่าเมื่อเวลา 10.40 น.ที่ผ่านมา มีพระสงฆ์ 2 รูป เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้สื่อข่าวจึงพยายามเข้าไปกราบสอบถามพระสงฆ์ทั้ง 2 รูป […]

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย