“เพื่อไทย” ต้องชัดหลักการโหวต ปธ.สภาฯ

อสมท 21 มิ.ย. – “อ.โอฬาร” ชี้ “เพื่อไทย” ต้องชัดหลักการโหวตประธานสภาฯ ระบุหากซ้อนแผนมองแค่ชนะทางการเมือง มีราคาต้องจ่ายสูง เตือนประชาชนกำลังจับตา อย่าเปลี่ยนเจตนารมณ์ บอก “ดีลลับพลิกขั้ว” เกิดขึ้นได้ แนะขอให้ใจเย็น การเดินต้องสุขุม หาก “พิธา” สะดุด มีสิทธิเป็นแกนตั้งรัฐบาล


รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทย เอาตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ยังไม่ชัดเจนจะเกิดการซ้อนแผนหรือไม่ ว่า ขณะนี้เพื่อไทยได้สื่อสารชัดถึงหลักการว่า พรรคอันดับ 1 ต้องได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคอันดับ 2 ต้องได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯ 2 คน แต่ไม่ได้บอกว่าใครจะได้ ซึ่งทำให้ทุกคนตีความว่า โอกาสที่พรรคก้าวไกลจะได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ค่อนข้างสูง แต่ตนเองมองว่า ปัญหาของพรรคเพื่อไทย หลายครั้งคือเมื่อสื่อสารไปแล้วจะมีคนในพรรคมาทำให้หลักการพร่ามัว เช่น การที่นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยถึงหลักการของพรรค แต่แกนนำพรรคบอกว่า ต้องรอมติของพรรคที่ชัดเจนอีกครั้ง จึงทำให้ทุกคนเกิดความกังวลใจต่อท่าทีของพรรคเพื่อไทย สิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องประเมินให้ดีคือกระแสสังคม เราต้องยอมรับว่า การเลือกตั้งและแนวโน้มในการจัดตั้งรัฐบาลเที่ยวนี้ ประชาชนคาดหวังให้ 8 พรรคร่วม มัดรวมกันและยืนภายใต้หลักการที่ตรงไปตรงมาต่อประชาชน ดังนั้นเมื่อกระแสเป็นเช่นนี้ ทำให้ผู้คนจับตาไปที่พรรคเพื่อไทยว่าจะผิดหลักการเสียเองหรือไม่ เพราะถ้าหากดูกระแสข่าวว่าจะมีพรรคขั้วฝ่ายค้าน จะเสนอชื่อแกนนำของพรรคเพื่อไทย และจะมีการสนับสนุนจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย และมองว่าเรื่องนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้

“ถ้ามองการเมืองเพียงแค่การชนะกัน ให้ได้มาซึ่งตำแหน่งทางการเมือง เพื่อหวังผลในการโหวตนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าทำแบบนี้ พรรคเพื่อไทยมีราคาที่ต้องจ่ายสูงมาก เพราะเที่ยวนี้การทำงานการเมืองที่ใช้เล่ห์เหลี่ยม เพื่อหวังชัยชนะระยะสั้น อาจจะเสียหายระยะยาวได้ เพราะประชาชนส่งเสียงมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราเห็นได้จากการที่ประชาชนคอยจับตาดูอยู่ นี่คือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องประเมินดีๆ ถ้าจะไม่ทำตามหลักการที่ตัวเองเคยพูดเอาไว้“ รศ.ดร.โอฬาร ระบุ

เมื่อถามว่า การออกมาบอกเพียงหลักการเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ แต่เมื่อถึงเวลาโหวตบอกว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. หากเป็นไปในแนวทางนั้นจะเป็นอย่างไร รศ.ดร.โอฬาร กล่าวว่า หากไปถึงจุดนั้น พรรคเพื่อไทยยากที่จะปฎิเสธ สมมติว่าพรรคเพื่อไทยบอกว่าเป็นการโหวตลับ และโดยมารยาททางการเมืองในการเสนอชื่อประธานสภาฯ จะไม่เสนอชื่อตัวแทนของพรรคตัวเอง คือเปิดโอกาสให้ ส.ส.พรรคไหนก็ได้เสนอ แต่หากมีพรรคไหนเสนอชื่อคนในพรรคเพื่อไทย และคนในพรรคเพื่อไทยก็ไม่ปฏิเสธ และมีเสียงเกินกว่าซีกที่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลเกินมา จนทำให้ชนะการโหวต จะทำให้พรรคเพื่อไทยตอบสังคมได้ยาก และจะถูกมองว่าพรรคเพื่อไทยไม่ทำตามเจตนารมณ์เดิม ซึ่งจะทำให้พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล แตกหักกันได้ รวมถึงอาจมีผลไปถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ถ้าพรรคเพื่อไทยเล่นเกมนี้

เมื่อถามต่อว่า เปอร์เซ็นต์ที่จะมีการพลิกขั้วได้หรือไม่ เพราะกระแสดีลลับก็กลับมาอีกแล้ว ประจวบกับ พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปประเทศอังกฤษ รศ.ดร.โอฬาร ระบุว่า นี่คือปัญหาของการเมืองไทย

“มีนักการเมืองส่วนหนึ่งที่ทำงานการเมืองแบบใช้เล่ห์เพทุบาย เพื่อให้ได้ชัยชนะ ให้ได้อำนาจ เป็นความสำเร็จทางการเมือง เขาประเมินประชาชน สังคมต่ำมาก แทบไม่ได้ประเมินเลย แค่ได้ชัยชนะจากการเลือกตั้ง ตัวเองจะไปปู้ยี่ปู้ยำอำนาจอย่างไรก็ได้ นั่นคือการเมืองแบบเดิมที่มีคนคิดแบบนั้น และมีอยู่ในการเมืองไทยจริงๆ เวลานี้ ถามว่าโอกาสเกิดดีลลับ การข้ามฟากข้ามฝั่ง มีขึ้นหรือไม่ คำตอบคือมี ย้ำว่าเที่ยวนี้หากใครทำแบบนั้น ประชาชนจะลงโทษอย่างแน่นอน หากมีพรรคใดพรรคหนึ่งใน 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล ขัดคำสัญญา ประชาชนจะรู้สึกว่าคุณเล่นละครตบตา และเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมือง ถ้าพรรคเพื่อไทยจะเล่นเกมนี้ จริงอยู่อาจได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยจะไม่มีพื้นที่ยืนในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย เชื่อว่าเป็นสิ่งที่คนในพรรคเพื่อไทยก็ประเมินอยู่ ถ้าจะเล่นการเมืองแบบเดิม มีดีลลับกันทีหลัง หวังจะเปิดทางให้คนอีกฟากหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือเปิดทางให้นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทย หากยังมีวัฒนธรรมการเมืองแบบนี้ สิ่งที่จะเจอในอนาคตจะเป็นอย่างไร“ รศ.ดร.โอฬาร กล่าว

เมื่อถามถึงความพยายามรีแบรนด์พรรคเพื่อไทย จะสูญเปล่าใช่หรือไม่ รศ.ดร.โอฬาร ระบุว่า จะจบ ซึ่งตนมองไม่ออกว่าตอนนี้ใครเป็นผู้เดินเกม หากพรรคก้าวไกลเป็นผู้เดินเกม ก็เท่ากับว่าทำให้พรรคเพื่อไทยบิดไปไหนไม่ได้ และส่วนตัวคิดว่ามีบางคนในพรรคเพื่อไทย คิดเพียงกระแสสภาวะตอนนี้ ส่วนคนที่ต้องการรีแบรนด์พรรคเพื่อไทย อย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย คนเหล่านี้จะพัง หากพรรคเพื่อไทยไปดีลลับ หรือข้ามฟากก็จบเลย ต้นทุนทั้งหมดจะหายไป ประชาชนจะลงโทษอย่างหนัก

รศ.ดร.โอฬาร กล่าวว่า ตอนนี้มีทางเดียว คือ พรรคเพื่อไทยต้องยืนยันหลักการเอาไว้ ให้พรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่พรรคก้าวไกลจะได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะ ส.ว.อาจไม่ยกมือสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลก็ได้ แต่ถ้าใน 8 พรรคร่วม คุยกันให้ชัดเจนว่า หากโหวต 3-4 ครั้ง แล้วยังไม่ได้ ก็เป็นความชอบธรรมของพรรคเพื่อไทยที่จะเป็นแกนนำ มันมีทางออกที่จะให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นนายกฯ อยู่ และถ้าถึงที่สุด เชื่อว่ามวลชนจะเข้าใจได้ถึงเงื่อนไขทางการเมืองไทย แล้วพรรคเพื่อไทยก็จะไม่เสียศรัทธาประชาชน และยังได้ตำแหน่งนายกฯ ด้วย

“พรรคเพื่อไทยต้องประเมินให้ออกว่า เส้นทางการเป็นนายกรัฐมนตรีของนายพิธา อาจไม่ง่าย และจะรู้ว่าควรเดินอย่างไร แต่ถ้าไม่ตามกระแส ตามข่าวเต้า ข่าวปล่อย ก็จบเลย” รศ.ดร.โอฬาร กล่าว

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ถึงสูตรที่จะให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ รศ.ดร.โอฬาร ระบุว่า เป็นไปได้ถ้าคิดในมุมการเมืองแบบเดิม เพราะมีคนคิดอย่างนั้นจริงๆ เพียงแต่เที่ยวนี้การเมือง การตื่นตัวของประชาชนค่อนข้างมาก จึงทำให้ทุกอย่างในการตัดสินใจที่ไม่อยู่ภายใต้เจตนารมณ์ของประชาชน มีต้นทุนและมีราคาที่ต้องจ่าย

เมื่อถามว่า ความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทยจะไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทย เพราะเคยประกาศไว้ว่าไม่เอา 2 ลุง รศ.ดร.โอฬาร ย้ำว่า ถ้าข้ามฟากข้ามฝั่ง คงต้องรอเวลาให้สถานการณ์พาไปเอง จนประชาชนเข้าใจว่านี่คือความจำเป็นของพรรคเพื่อไทย เช่น มีแนวโน้มว่า ส.ว.จะไม่โหวตนายกฯ ให้พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยขอร่วมตั้ง โดยมีพรรคภูมิใจไทยมาหลังจากนั้น ในการจัดตั้งรัฐบาลอาจไม่มีพรรคก้าวไกลก็ได้ ให้เป็นไปตามหลักการเงื่อนไข ซึ่งการเดินต้องสุขุม ต้องยึดเจตนารมณ์ของประชาชนเอาไว้ และประชาชนคาดหวังความตรงไปตรงมาของนักการเมือง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

Chaos and crowds at Poipet International Border Gate

สื่อกัมพูชาลงภาพคนแออัดที่ด่านปอยเปต

พนมเปญ 8 มิ.ย. – สื่อกัมพูชาเผยแพร่ภาพชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติแออัดที่จุดผ่านแดนถาวรปอยเปต ในเช้าวันนี้ เพื่อรอข้ามแดน หลังจากไทยประกาศมาตรการจำกัดการข้ามแดนระหว่าง 2 ประเทศ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์เผยแพร่ภาพชุดจากเฟรชนิวส์ ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ของกัมพูชา เป็นภาพสถานการณ์ที่จุดผ่านแดนถาวรด้านปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชาที่ติดกับบ้านคลองลึก จังหวัดสระแก้วของไทย เจ้าหน้าที่กัมพูชารายงานว่า สถานการณ์ช่วงเช้าวันนี้มีคนหนาแน่นมาก หลังจากทางการปรับเวลาเปิดปิดประตูจุดผ่านแดน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ชายแดนของทั้ง 2 ฝ่ายยังคงพูดคุยกันและอำนวยความสะดวกให้แก่การผ่านแดนระหว่างกัน แขมร์ไทมส์รายงานว่า ไทยตัดสินใจปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดประตูแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยได้ปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดจุดผ่านแดนถาวรที่เป็นด่านสากลทั้งหมดเป็น 08.00-16.00 น. และปิดประตูที่เป็นด่านทวิภาคี.-814.-สำนักข่าวไทย

Colombian Senator Miguel Uribe

ลอบยิงผู้สมัคร ปธน.โคลอมเบีย เป็นตายเท่ากัน

โบโกตา 8 มิ.ย. – หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียถูกลอบยิงอย่างอุกอาจ ระหว่างปราศรัยหาเสียงต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากในกรุงโบโกตา ภรรยาระบุว่า ขณะนี้อาการเป็นตายเท่ากัน คลิปเหตุการณ์ที่มีผู้บันทึกไว้ได้ เผยให้เห็นวินาทีที่นายมิเกล อูริเบ สมาชิกวุฒิสภา วัย 39 ปี หนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียปี 2569 ถูกมือปืนยิงหมายลอบสังหารขณะกำลังยืนปราศรัยหาเสียงต่อหน้าประชาชนจำนวนมากภายในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงโบโกตาเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ผู้คนในที่เกิดเหตุพากันกรีดร้องตกใจ จากนั้นมีเสียงปืนตามมาอีกหลายนัด คาดว่าเป็นการยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอูริเบกับมือปืน มีรายงานผู้ถูกยิงบาดเจ็บเพิ่มอีก 1 คน ขณะที่นายอูริเบซึ่งถูกยิงเลือดอาบ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน พรรคศูนย์กลางประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่นายอูริเบสังกัดอยู่ออกแถลงการณ์ประณามและเปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า คนร้ายยิงจากด้านหลัง ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างเจ้าหน้าที่แพทย์ว่า เขาถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 2 นัด และเข้าที่เข่า 1 นัด ภรรยาของเขาโพสต์ในเอ็กซ์ (X) ว่า สามีอาการเป็นตายเท่ากัน รัฐบาลโคลอมเบียแจ้งในเวลาต่อมาว่า ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัย 1 คน ซึ่งยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ และกำลังสอบสวนว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยได้ตั้งเงินรางวัล 730,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 24 ล้านบาท) แก่ผู้แจ้งเบาะแส สื่อท้องถิ่นรายงานว่า […]

สนามบินพร้อมสกัดกลุ่มเทาต่างชาติบินเข้าไทย หลังคุมเข้มเข้า-ออกด่านบก

7 มิ.ย. – ตามที่รัฐบาลมีนโยบายควบคุมการเข้า-ออกด่านชายแดนทางบก และมีคำสั่งจากกองทัพบกให้อำนาจกองทัพภาคที่ 1 และ 2 พิจารณาคัดกรองการเข้าออกด่านชายแดนทางบก โดยเฉพาะ จ.จันทบุรี และสระแก้ว โดยมีผลตั้งแต่ 7 มิ.ย.2568 ในส่วนของการเข้าทางอากาศ โดยเฉพาะทางสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ซึ่งคาดว่าจะมีกลุ่มต่างชาติที่ใช้เส้นทางเข้าออกไทย-กัมพูชา หันมาเดินทางเข้าแทนช่องทางบกนั้น วันนี้ (7 มิ.ย.2568 ) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 เปิดเผยว่า ตม.สนามบิน พร้อมขานรับนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร ที่มีจุดยืนด้านความมั่นคงชัดเจน โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ได้เคยกำชับการสกัดกั้นคนต่างชาติที่มีพฤติกรรมเข้าออกประเทศด้วยฟรีวีซ่าที่ผิดวัตถุประสงค์ และกลุ่มที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด โดยเฉพาะแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ และการพนันออนไลน์ ซึ่งอาจใช้ไทยเป็นแหล่งทำธุรกิจฟอกเงิน จากการทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน และการปิดด่านชายแดน อาจมีกลุ่มต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ใช้เส้นทางเข้าไทยทางเครื่องบินแทนการผ่านแดนทางบก ทาง บก.ตม.2 จึงมีการสั่งการกำชับให้ด่าน ตม.สนามบินในสังกัด โดยเฉพาะสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เพิ่มความเข้มในการเฝ้าสังเกตสกัดกั้นคนต่างชาติลักษณะเสี่ยงดังกล่าว โดยเน้นต่างชาติกลุ่มเฝ้าระวังสัญชาติเพื่อนบ้านที่มีลักษณะการใช้ฟรีวีซ่าเข้าออกผิดประเภท […]

ข่าวแนะนำ

“อ.เฉลิมชัย” เปิดใจเหตุลาออกจากศิลปินแห่งชาติ

9 มิ.ย. – “อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” เปิดใจเหตุลาออกจากศิลปินแห่งชาติ ให้เหตุผลเป็นความตั้งใจว่าครบ 70 ปี จะลาออกทุกตำแหน่ง เพื่อเดินทางท่องเที่ยว แต่ยังพร้อมช่วยกระทรวงและวงการศิลปะ จากกรณี อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ จิตรกรรม ประกาศระหว่างบรรยายในงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 สู่ Thailand Biennale, Phuket 2025 ที่ จ.ภูเก็ต ว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ เมื่อวันที่ 30 พฤษาคมที่ผ่านมา เพื่อใช้ชีวิตอย่างอิสระ เนื้อหาในจดหมายที่ถูกเผยแพร่ออกมาซึ่งเขียนด้วยลายมือของ อ.เฉลิมชัย ถึงกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ลงวันที่ 30 พฤษภาคม มีใจความสำคัญว่า “เหตุผลของการลาออก เนื่องด้วยข้าพเจ้ามีอายุมากแล้ว จึงได้ประกาศหยุดสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เพราะปรารถนาที่จะพักผ่อน ท่องเที่ยว หาความสุขในบั้นปลายของชีวิต ข้าพเจ้ารู้สึกส่วนตัวว่า เมื่อศิลปินแห่งชาติได้หยุดสร้างสรรค์ผลงานแล้วก็ไม่ควรที่จะมีตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้อีกต่อไป ข้าพเจ้าจึงขอให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมโปรดพิจารณาตัดชื่อข้าพเจ้าออกจากทำเนียบศิลปินแห่งชาติด้วย” ภายหลัง อ.เฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุของการลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติว่า […]

“อนุทิน” สั่งเร่งตรวจสอบหลุมหลบภัยแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 9 มิ.ย. – “อนุทิน” สั่งการผู้ว่าฯ 7 จังหวัดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เร่งตรวจสอบจำนวนหลุมหลบภัยในพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยประชาชน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เพื่อตรวจติดตามความพร้อมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ติดต่อกับชายแดนประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา และได้รับทราบข้อมูลต่างๆในพื้นที่ ล่าสุด ได้มีข้อสั่งการให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และจังหวัดตราด เร่งดำเนินการตรวจสอบจำนวนหลุมหลบภัยในพื้นที่ทั้งหมด โดยสำรวจว่ามีหลุมหลบภัยที่สามารถใช้งานได้ในสภาพดีจำนวนกี่แห่ง จำนวนหลุมหลบภัยที่ชำรุดและต้องการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมกี่แห่ง รวมทั้งสำรวจความต้องการในการก่อสร้างหลุมหลบภัยในพื้นที่เพิ่มเติม พร้อมระบุสถานที่และประมาณการงบประมาณที่ต้องการขอรับการสนับสนุน รายงานมายังกระทรวงมหาดไทย ภายในวันที่ 10 มิ.ย. 2568 ทั้งนี้ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไป .319.-สำนักข่าวไทย

ตั้งค่าหัว 1 แสน ไล่ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ

เชียงราย 9 มิ.ย. – ญาติสุดแค้น ตั้งค่าหัว 100,000 บาท ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหายังไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 (ตชด.32) นำ “โทมี่” สุนัขตำรวจ K9 พันธุ์ลาบราดอร์ เข้าร่วมภารกิจติดตามจับกุมนายซ้งปอ อายุ 55 ปี คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดอดีตภรรยาและน้องชายอดีตภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 และ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าป่าดอยผาหม่น ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและเต็มไปด้วยถ้ำและซอกเขา ทำให้ภารกิจไล่ล่ายากลำบาก แม้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็ยังไม่พบตัว นายสุรชัย ผู้ใหญ่บ้านร่มฟ้าผาหม่น เปิดเผยว่า นายซ้งปอเป็นคนพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางป่า เคยหลบซ่อนตัวในป่านานถึง 2 เดือน โดยไม่มีใครเจอ และเป็นบุคคลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก่อนหน้านี้นายซ้งปอเคยขู่ฆ่าผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่เคยมีส่วนไกล่เกลี่ยให้แยกทางกับภรรยา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้เหลือประชาชนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพียง 20-30% ส่วนที่เหลือพากันอพยพไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อความปลอดภัย […]

The Ministry of National Defence claims Cambodia has not withdrawn troops from its sovereign territory

กห.กัมพูชายืนยันไม่ได้ถอนทหารจากดินแดนอธิปไตย

พนมเปญ 9 มิ.ย. – กระทรวงกลาโหมแห่งชาติ เน้นย้ำว่า กัมพูชาไม่ได้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชายึดครองมายาวนาน เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชาวันนี้ มีเนื้อหาดังนี้ “ตามแถลงข่าวจากกระทรวงกลาโหมแห่งชาติในวันนี้ กระทรวงฯ ขอชี้แจงต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย ดังต่อไปนี้: 1.ไม่มีการถอนกำลังทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชาได้ประจำการมาเป็นเวลานาน 2.การดำเนินการทั้งหมดของกองทัพกัมพูชาประกอบด้วยการประจำการ การจัดวางกำลัง การปรับเปลี่ยน และการเคลื่อนย้าย อยู่ภายในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาและมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา 3.กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางออกอย่างสันติสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการรุกรานทุกรูปแบบ 4.กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะสนับสนุนกลไกการเจรจาเขตแดนกับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการเขตแดนร่วมหรือเจบีซี (JBC) เพื่อดำเนินการวัดแนวเขตแดนและจัดทำเส้นเขตแดนในส่วนที่เหลือระหว่างสองประเทศ รวมถึงจุดที่กัมพูชาจะยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือไอซีเจ (ICJ) กระทรวงกลาโหมแห่งชาติขอให้เพื่อนร่วมชาติและสื่อมวลชนใช้ข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น โดยเฉพาะแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลกัมพูชาและกระทรวงกลาโหมแห่งชาติ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แท้จริง และเชื่อถือได้” .-814.-สำนักข่าวไทย