“เพื่อไทย” ต้องชัดหลักการโหวต ปธ.สภาฯ

อสมท 21 มิ.ย. – “อ.โอฬาร” ชี้ “เพื่อไทย” ต้องชัดหลักการโหวตประธานสภาฯ ระบุหากซ้อนแผนมองแค่ชนะทางการเมือง มีราคาต้องจ่ายสูง เตือนประชาชนกำลังจับตา อย่าเปลี่ยนเจตนารมณ์ บอก “ดีลลับพลิกขั้ว” เกิดขึ้นได้ แนะขอให้ใจเย็น การเดินต้องสุขุม หาก “พิธา” สะดุด มีสิทธิเป็นแกนตั้งรัฐบาล


รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทย เอาตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ยังไม่ชัดเจนจะเกิดการซ้อนแผนหรือไม่ ว่า ขณะนี้เพื่อไทยได้สื่อสารชัดถึงหลักการว่า พรรคอันดับ 1 ต้องได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคอันดับ 2 ต้องได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯ 2 คน แต่ไม่ได้บอกว่าใครจะได้ ซึ่งทำให้ทุกคนตีความว่า โอกาสที่พรรคก้าวไกลจะได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ค่อนข้างสูง แต่ตนเองมองว่า ปัญหาของพรรคเพื่อไทย หลายครั้งคือเมื่อสื่อสารไปแล้วจะมีคนในพรรคมาทำให้หลักการพร่ามัว เช่น การที่นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยถึงหลักการของพรรค แต่แกนนำพรรคบอกว่า ต้องรอมติของพรรคที่ชัดเจนอีกครั้ง จึงทำให้ทุกคนเกิดความกังวลใจต่อท่าทีของพรรคเพื่อไทย สิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องประเมินให้ดีคือกระแสสังคม เราต้องยอมรับว่า การเลือกตั้งและแนวโน้มในการจัดตั้งรัฐบาลเที่ยวนี้ ประชาชนคาดหวังให้ 8 พรรคร่วม มัดรวมกันและยืนภายใต้หลักการที่ตรงไปตรงมาต่อประชาชน ดังนั้นเมื่อกระแสเป็นเช่นนี้ ทำให้ผู้คนจับตาไปที่พรรคเพื่อไทยว่าจะผิดหลักการเสียเองหรือไม่ เพราะถ้าหากดูกระแสข่าวว่าจะมีพรรคขั้วฝ่ายค้าน จะเสนอชื่อแกนนำของพรรคเพื่อไทย และจะมีการสนับสนุนจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย และมองว่าเรื่องนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้

“ถ้ามองการเมืองเพียงแค่การชนะกัน ให้ได้มาซึ่งตำแหน่งทางการเมือง เพื่อหวังผลในการโหวตนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าทำแบบนี้ พรรคเพื่อไทยมีราคาที่ต้องจ่ายสูงมาก เพราะเที่ยวนี้การทำงานการเมืองที่ใช้เล่ห์เหลี่ยม เพื่อหวังชัยชนะระยะสั้น อาจจะเสียหายระยะยาวได้ เพราะประชาชนส่งเสียงมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราเห็นได้จากการที่ประชาชนคอยจับตาดูอยู่ นี่คือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องประเมินดีๆ ถ้าจะไม่ทำตามหลักการที่ตัวเองเคยพูดเอาไว้“ รศ.ดร.โอฬาร ระบุ

เมื่อถามว่า การออกมาบอกเพียงหลักการเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ แต่เมื่อถึงเวลาโหวตบอกว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. หากเป็นไปในแนวทางนั้นจะเป็นอย่างไร รศ.ดร.โอฬาร กล่าวว่า หากไปถึงจุดนั้น พรรคเพื่อไทยยากที่จะปฎิเสธ สมมติว่าพรรคเพื่อไทยบอกว่าเป็นการโหวตลับ และโดยมารยาททางการเมืองในการเสนอชื่อประธานสภาฯ จะไม่เสนอชื่อตัวแทนของพรรคตัวเอง คือเปิดโอกาสให้ ส.ส.พรรคไหนก็ได้เสนอ แต่หากมีพรรคไหนเสนอชื่อคนในพรรคเพื่อไทย และคนในพรรคเพื่อไทยก็ไม่ปฏิเสธ และมีเสียงเกินกว่าซีกที่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลเกินมา จนทำให้ชนะการโหวต จะทำให้พรรคเพื่อไทยตอบสังคมได้ยาก และจะถูกมองว่าพรรคเพื่อไทยไม่ทำตามเจตนารมณ์เดิม ซึ่งจะทำให้พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล แตกหักกันได้ รวมถึงอาจมีผลไปถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ถ้าพรรคเพื่อไทยเล่นเกมนี้

เมื่อถามต่อว่า เปอร์เซ็นต์ที่จะมีการพลิกขั้วได้หรือไม่ เพราะกระแสดีลลับก็กลับมาอีกแล้ว ประจวบกับ พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปประเทศอังกฤษ รศ.ดร.โอฬาร ระบุว่า นี่คือปัญหาของการเมืองไทย

“มีนักการเมืองส่วนหนึ่งที่ทำงานการเมืองแบบใช้เล่ห์เพทุบาย เพื่อให้ได้ชัยชนะ ให้ได้อำนาจ เป็นความสำเร็จทางการเมือง เขาประเมินประชาชน สังคมต่ำมาก แทบไม่ได้ประเมินเลย แค่ได้ชัยชนะจากการเลือกตั้ง ตัวเองจะไปปู้ยี่ปู้ยำอำนาจอย่างไรก็ได้ นั่นคือการเมืองแบบเดิมที่มีคนคิดแบบนั้น และมีอยู่ในการเมืองไทยจริงๆ เวลานี้ ถามว่าโอกาสเกิดดีลลับ การข้ามฟากข้ามฝั่ง มีขึ้นหรือไม่ คำตอบคือมี ย้ำว่าเที่ยวนี้หากใครทำแบบนั้น ประชาชนจะลงโทษอย่างแน่นอน หากมีพรรคใดพรรคหนึ่งใน 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล ขัดคำสัญญา ประชาชนจะรู้สึกว่าคุณเล่นละครตบตา และเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมือง ถ้าพรรคเพื่อไทยจะเล่นเกมนี้ จริงอยู่อาจได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยจะไม่มีพื้นที่ยืนในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย เชื่อว่าเป็นสิ่งที่คนในพรรคเพื่อไทยก็ประเมินอยู่ ถ้าจะเล่นการเมืองแบบเดิม มีดีลลับกันทีหลัง หวังจะเปิดทางให้คนอีกฟากหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือเปิดทางให้นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทย หากยังมีวัฒนธรรมการเมืองแบบนี้ สิ่งที่จะเจอในอนาคตจะเป็นอย่างไร“ รศ.ดร.โอฬาร กล่าว

เมื่อถามถึงความพยายามรีแบรนด์พรรคเพื่อไทย จะสูญเปล่าใช่หรือไม่ รศ.ดร.โอฬาร ระบุว่า จะจบ ซึ่งตนมองไม่ออกว่าตอนนี้ใครเป็นผู้เดินเกม หากพรรคก้าวไกลเป็นผู้เดินเกม ก็เท่ากับว่าทำให้พรรคเพื่อไทยบิดไปไหนไม่ได้ และส่วนตัวคิดว่ามีบางคนในพรรคเพื่อไทย คิดเพียงกระแสสภาวะตอนนี้ ส่วนคนที่ต้องการรีแบรนด์พรรคเพื่อไทย อย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย คนเหล่านี้จะพัง หากพรรคเพื่อไทยไปดีลลับ หรือข้ามฟากก็จบเลย ต้นทุนทั้งหมดจะหายไป ประชาชนจะลงโทษอย่างหนัก

รศ.ดร.โอฬาร กล่าวว่า ตอนนี้มีทางเดียว คือ พรรคเพื่อไทยต้องยืนยันหลักการเอาไว้ ให้พรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่พรรคก้าวไกลจะได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะ ส.ว.อาจไม่ยกมือสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลก็ได้ แต่ถ้าใน 8 พรรคร่วม คุยกันให้ชัดเจนว่า หากโหวต 3-4 ครั้ง แล้วยังไม่ได้ ก็เป็นความชอบธรรมของพรรคเพื่อไทยที่จะเป็นแกนนำ มันมีทางออกที่จะให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นนายกฯ อยู่ และถ้าถึงที่สุด เชื่อว่ามวลชนจะเข้าใจได้ถึงเงื่อนไขทางการเมืองไทย แล้วพรรคเพื่อไทยก็จะไม่เสียศรัทธาประชาชน และยังได้ตำแหน่งนายกฯ ด้วย

“พรรคเพื่อไทยต้องประเมินให้ออกว่า เส้นทางการเป็นนายกรัฐมนตรีของนายพิธา อาจไม่ง่าย และจะรู้ว่าควรเดินอย่างไร แต่ถ้าไม่ตามกระแส ตามข่าวเต้า ข่าวปล่อย ก็จบเลย” รศ.ดร.โอฬาร กล่าว

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ถึงสูตรที่จะให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ รศ.ดร.โอฬาร ระบุว่า เป็นไปได้ถ้าคิดในมุมการเมืองแบบเดิม เพราะมีคนคิดอย่างนั้นจริงๆ เพียงแต่เที่ยวนี้การเมือง การตื่นตัวของประชาชนค่อนข้างมาก จึงทำให้ทุกอย่างในการตัดสินใจที่ไม่อยู่ภายใต้เจตนารมณ์ของประชาชน มีต้นทุนและมีราคาที่ต้องจ่าย

เมื่อถามว่า ความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทยจะไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทย เพราะเคยประกาศไว้ว่าไม่เอา 2 ลุง รศ.ดร.โอฬาร ย้ำว่า ถ้าข้ามฟากข้ามฝั่ง คงต้องรอเวลาให้สถานการณ์พาไปเอง จนประชาชนเข้าใจว่านี่คือความจำเป็นของพรรคเพื่อไทย เช่น มีแนวโน้มว่า ส.ว.จะไม่โหวตนายกฯ ให้พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยขอร่วมตั้ง โดยมีพรรคภูมิใจไทยมาหลังจากนั้น ในการจัดตั้งรัฐบาลอาจไม่มีพรรคก้าวไกลก็ได้ ให้เป็นไปตามหลักการเงื่อนไข ซึ่งการเดินต้องสุขุม ต้องยึดเจตนารมณ์ของประชาชนเอาไว้ และประชาชนคาดหวังความตรงไปตรงมาของนักการเมือง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น้ำโขงใกล้แตะ 9 เมตร สทนช.เตือนเฝ้าระวัง

บึงกาฬ 6 ก.ค.- “แม่น้ำโขง” ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ใกล้แตะ 9 เมตร สทนช. เตือนเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง ที่จังหวัดบึงกาฬ เกิดฝนตกติดต่อกันกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและ สปป ลาว ตอนบน ประกอบกับ สปป ลาว มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่อง และมีมวลน้ำเหนือจากจังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย ไหลลงมาสมทบ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเช้าวันนี้ จุดวัดระดับน้ำบ้านพันลำ วัดได้ 8.60 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 30 เซนติเมตร แต่ยังอยู่ในระดับปกติ ส่วนที่ประตูระบายน้ำ ข้างสำนักงาน ตม.บึงกาฬ เจ้าหน้าทีเทศบาลได้เปิดประตูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำที่สะสมตามท่อระบายน้ำต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองไหลลงสู่แม่น้ำโขง เช่นเดียวกับบริเวณด่านพรมแดนศุลกากร เรือโดยสารขนส่งสินค้าและเรือขนส่งผู้โดยสารไทย-ลาว ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ เนื่องจากน้ำโขงไหลแรงและมีเศษวัชพืช เศษขยะไหลมากับสายน้ำ พร้อมขยับปรับระดับโป๊ะเทียบท่าให้อยู่ในระดับพอดี และผูกเชือกมัดโยงให้แน่นหนาเพื่อความปลอดภัย ขณะที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม […]

ชวนร่วมมหกรรม “ซอฟต์พาวเวอร์” ฟังวิสัยทัศน์จาก 3 นายกฯ

ทำเนียบรัฐบาล 6 ก.ค.-รัฐบาลเชิญร่วมงานมหกรรม Soft Power ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “SPLASH – Soft Power Forum 2025” ระหว่าง 8-11 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ร่วมรับฟังการแสดงวิสัยทัศน์ 3 นายกรัฐมนตรีไทย แลกเปลี่ยนมุมมองและแบ่งปันประสบการณ์สร้าง “มูลค่าทางวัฒนธรรม” นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลบูรณาการความร่วมมือยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่ตลาดโลกอย่างเป็นรูปธรรม จัดงาน Soft Power ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “SPLASH – Soft Power Forum 2025” ระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00-20.00 น. Hall 1-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ คณะกรรมการพัฒนาและอนุกรรมการทุกสาขา โดยประสานพลังภาครัฐ เอกชน ชุมชน […]

เร่งแกะรอยมือยิงตำรวจ สภ.กรงปินัง เสียชีวิตหน้าร้านสะดวกซื้อ

ยะลา 6 ก.ค.- ผกก.สภ.กรงปินัง สั่งเร่งแกะรอยมือยิงตำรวจเสียชีวิตหน้าร้านสะดวกซื้อ ขณะปฏิบัติหน้าที่ตรวจความปลอดภัย เบื้องต้นคาดเป็นกลุ่มคนร้ายที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ เพื่อสร้างสถานการณ์ เมื่อคืนนี้ เวลาประมาณ 19.40 น. ศูนย์วิทยุ สภ.กรงปินัง จ.ยะลา รับแจ้งว่ามีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ก่อเหตุซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กรงปินัง ขณะออกปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ใกล้กับบริเวณสามแยกทางเข้าที่ว่าการอำเภอกรงปินัง หมู่ที่ 7 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา เบื้องต้นมีตำรวจรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 นาย ทราบชื่อ ส.ต.ท.ธัญเทพ สิกขาจารย์ ผบ.หมู่ (ป) ปฏิบัติหน้า จราจร สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดและชนิด บริเวณศีรษะ 1 นัด อาการสาหัส ก่อนเสียชีวิต ขณะนำตัวส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลกรงปินัง จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 2 นาย เข้าไปตรวจตราดูแลความสงบเรียบร้อยภายในร้านสะดวกซื้อตามปกติ หลังจากปฏิบัติหน้าที่เสร็จสิ้น เมื่อเดินออกจากร้าน ได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนคาดว่าอยู่ตรงข้ามจุดเกิดเหตุได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดซุ่มยิง จำนวน 1 […]

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย