“เพื่อไทย” ต้องชัดหลักการโหวต ปธ.สภาฯ

อสมท 21 มิ.ย. – “อ.โอฬาร” ชี้ “เพื่อไทย” ต้องชัดหลักการโหวตประธานสภาฯ ระบุหากซ้อนแผนมองแค่ชนะทางการเมือง มีราคาต้องจ่ายสูง เตือนประชาชนกำลังจับตา อย่าเปลี่ยนเจตนารมณ์ บอก “ดีลลับพลิกขั้ว” เกิดขึ้นได้ แนะขอให้ใจเย็น การเดินต้องสุขุม หาก “พิธา” สะดุด มีสิทธิเป็นแกนตั้งรัฐบาล


รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทย เอาตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ยังไม่ชัดเจนจะเกิดการซ้อนแผนหรือไม่ ว่า ขณะนี้เพื่อไทยได้สื่อสารชัดถึงหลักการว่า พรรคอันดับ 1 ต้องได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคอันดับ 2 ต้องได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯ 2 คน แต่ไม่ได้บอกว่าใครจะได้ ซึ่งทำให้ทุกคนตีความว่า โอกาสที่พรรคก้าวไกลจะได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ค่อนข้างสูง แต่ตนเองมองว่า ปัญหาของพรรคเพื่อไทย หลายครั้งคือเมื่อสื่อสารไปแล้วจะมีคนในพรรคมาทำให้หลักการพร่ามัว เช่น การที่นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยถึงหลักการของพรรค แต่แกนนำพรรคบอกว่า ต้องรอมติของพรรคที่ชัดเจนอีกครั้ง จึงทำให้ทุกคนเกิดความกังวลใจต่อท่าทีของพรรคเพื่อไทย สิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องประเมินให้ดีคือกระแสสังคม เราต้องยอมรับว่า การเลือกตั้งและแนวโน้มในการจัดตั้งรัฐบาลเที่ยวนี้ ประชาชนคาดหวังให้ 8 พรรคร่วม มัดรวมกันและยืนภายใต้หลักการที่ตรงไปตรงมาต่อประชาชน ดังนั้นเมื่อกระแสเป็นเช่นนี้ ทำให้ผู้คนจับตาไปที่พรรคเพื่อไทยว่าจะผิดหลักการเสียเองหรือไม่ เพราะถ้าหากดูกระแสข่าวว่าจะมีพรรคขั้วฝ่ายค้าน จะเสนอชื่อแกนนำของพรรคเพื่อไทย และจะมีการสนับสนุนจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย และมองว่าเรื่องนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้

“ถ้ามองการเมืองเพียงแค่การชนะกัน ให้ได้มาซึ่งตำแหน่งทางการเมือง เพื่อหวังผลในการโหวตนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าทำแบบนี้ พรรคเพื่อไทยมีราคาที่ต้องจ่ายสูงมาก เพราะเที่ยวนี้การทำงานการเมืองที่ใช้เล่ห์เหลี่ยม เพื่อหวังชัยชนะระยะสั้น อาจจะเสียหายระยะยาวได้ เพราะประชาชนส่งเสียงมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราเห็นได้จากการที่ประชาชนคอยจับตาดูอยู่ นี่คือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องประเมินดีๆ ถ้าจะไม่ทำตามหลักการที่ตัวเองเคยพูดเอาไว้“ รศ.ดร.โอฬาร ระบุ

เมื่อถามว่า การออกมาบอกเพียงหลักการเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ แต่เมื่อถึงเวลาโหวตบอกว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. หากเป็นไปในแนวทางนั้นจะเป็นอย่างไร รศ.ดร.โอฬาร กล่าวว่า หากไปถึงจุดนั้น พรรคเพื่อไทยยากที่จะปฎิเสธ สมมติว่าพรรคเพื่อไทยบอกว่าเป็นการโหวตลับ และโดยมารยาททางการเมืองในการเสนอชื่อประธานสภาฯ จะไม่เสนอชื่อตัวแทนของพรรคตัวเอง คือเปิดโอกาสให้ ส.ส.พรรคไหนก็ได้เสนอ แต่หากมีพรรคไหนเสนอชื่อคนในพรรคเพื่อไทย และคนในพรรคเพื่อไทยก็ไม่ปฏิเสธ และมีเสียงเกินกว่าซีกที่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลเกินมา จนทำให้ชนะการโหวต จะทำให้พรรคเพื่อไทยตอบสังคมได้ยาก และจะถูกมองว่าพรรคเพื่อไทยไม่ทำตามเจตนารมณ์เดิม ซึ่งจะทำให้พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล แตกหักกันได้ รวมถึงอาจมีผลไปถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ถ้าพรรคเพื่อไทยเล่นเกมนี้

เมื่อถามต่อว่า เปอร์เซ็นต์ที่จะมีการพลิกขั้วได้หรือไม่ เพราะกระแสดีลลับก็กลับมาอีกแล้ว ประจวบกับ พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปประเทศอังกฤษ รศ.ดร.โอฬาร ระบุว่า นี่คือปัญหาของการเมืองไทย

“มีนักการเมืองส่วนหนึ่งที่ทำงานการเมืองแบบใช้เล่ห์เพทุบาย เพื่อให้ได้ชัยชนะ ให้ได้อำนาจ เป็นความสำเร็จทางการเมือง เขาประเมินประชาชน สังคมต่ำมาก แทบไม่ได้ประเมินเลย แค่ได้ชัยชนะจากการเลือกตั้ง ตัวเองจะไปปู้ยี่ปู้ยำอำนาจอย่างไรก็ได้ นั่นคือการเมืองแบบเดิมที่มีคนคิดแบบนั้น และมีอยู่ในการเมืองไทยจริงๆ เวลานี้ ถามว่าโอกาสเกิดดีลลับ การข้ามฟากข้ามฝั่ง มีขึ้นหรือไม่ คำตอบคือมี ย้ำว่าเที่ยวนี้หากใครทำแบบนั้น ประชาชนจะลงโทษอย่างแน่นอน หากมีพรรคใดพรรคหนึ่งใน 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล ขัดคำสัญญา ประชาชนจะรู้สึกว่าคุณเล่นละครตบตา และเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมือง ถ้าพรรคเพื่อไทยจะเล่นเกมนี้ จริงอยู่อาจได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยจะไม่มีพื้นที่ยืนในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย เชื่อว่าเป็นสิ่งที่คนในพรรคเพื่อไทยก็ประเมินอยู่ ถ้าจะเล่นการเมืองแบบเดิม มีดีลลับกันทีหลัง หวังจะเปิดทางให้คนอีกฟากหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือเปิดทางให้นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทย หากยังมีวัฒนธรรมการเมืองแบบนี้ สิ่งที่จะเจอในอนาคตจะเป็นอย่างไร“ รศ.ดร.โอฬาร กล่าว

เมื่อถามถึงความพยายามรีแบรนด์พรรคเพื่อไทย จะสูญเปล่าใช่หรือไม่ รศ.ดร.โอฬาร ระบุว่า จะจบ ซึ่งตนมองไม่ออกว่าตอนนี้ใครเป็นผู้เดินเกม หากพรรคก้าวไกลเป็นผู้เดินเกม ก็เท่ากับว่าทำให้พรรคเพื่อไทยบิดไปไหนไม่ได้ และส่วนตัวคิดว่ามีบางคนในพรรคเพื่อไทย คิดเพียงกระแสสภาวะตอนนี้ ส่วนคนที่ต้องการรีแบรนด์พรรคเพื่อไทย อย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย คนเหล่านี้จะพัง หากพรรคเพื่อไทยไปดีลลับ หรือข้ามฟากก็จบเลย ต้นทุนทั้งหมดจะหายไป ประชาชนจะลงโทษอย่างหนัก

รศ.ดร.โอฬาร กล่าวว่า ตอนนี้มีทางเดียว คือ พรรคเพื่อไทยต้องยืนยันหลักการเอาไว้ ให้พรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่พรรคก้าวไกลจะได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะ ส.ว.อาจไม่ยกมือสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลก็ได้ แต่ถ้าใน 8 พรรคร่วม คุยกันให้ชัดเจนว่า หากโหวต 3-4 ครั้ง แล้วยังไม่ได้ ก็เป็นความชอบธรรมของพรรคเพื่อไทยที่จะเป็นแกนนำ มันมีทางออกที่จะให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นนายกฯ อยู่ และถ้าถึงที่สุด เชื่อว่ามวลชนจะเข้าใจได้ถึงเงื่อนไขทางการเมืองไทย แล้วพรรคเพื่อไทยก็จะไม่เสียศรัทธาประชาชน และยังได้ตำแหน่งนายกฯ ด้วย

“พรรคเพื่อไทยต้องประเมินให้ออกว่า เส้นทางการเป็นนายกรัฐมนตรีของนายพิธา อาจไม่ง่าย และจะรู้ว่าควรเดินอย่างไร แต่ถ้าไม่ตามกระแส ตามข่าวเต้า ข่าวปล่อย ก็จบเลย” รศ.ดร.โอฬาร กล่าว

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ถึงสูตรที่จะให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ รศ.ดร.โอฬาร ระบุว่า เป็นไปได้ถ้าคิดในมุมการเมืองแบบเดิม เพราะมีคนคิดอย่างนั้นจริงๆ เพียงแต่เที่ยวนี้การเมือง การตื่นตัวของประชาชนค่อนข้างมาก จึงทำให้ทุกอย่างในการตัดสินใจที่ไม่อยู่ภายใต้เจตนารมณ์ของประชาชน มีต้นทุนและมีราคาที่ต้องจ่าย

เมื่อถามว่า ความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทยจะไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทย เพราะเคยประกาศไว้ว่าไม่เอา 2 ลุง รศ.ดร.โอฬาร ย้ำว่า ถ้าข้ามฟากข้ามฝั่ง คงต้องรอเวลาให้สถานการณ์พาไปเอง จนประชาชนเข้าใจว่านี่คือความจำเป็นของพรรคเพื่อไทย เช่น มีแนวโน้มว่า ส.ว.จะไม่โหวตนายกฯ ให้พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยขอร่วมตั้ง โดยมีพรรคภูมิใจไทยมาหลังจากนั้น ในการจัดตั้งรัฐบาลอาจไม่มีพรรคก้าวไกลก็ได้ ให้เป็นไปตามหลักการเงื่อนไข ซึ่งการเดินต้องสุขุม ต้องยึดเจตนารมณ์ของประชาชนเอาไว้ และประชาชนคาดหวังความตรงไปตรงมาของนักการเมือง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจ

มุกดาหาร 27 ก.ค. – แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายที่ได้รับใช้ชาติ ที่จังหวัดมุกดาหาร ผู้ว่าราชการจังหวัด เชิญสิ่งของพระราชทานมอบให้ครอบครัว จ.ส.อ.ธวัชชัย บุสภา หรือ จ่าโต๋ ซึ่งเสียชีวิตบริเวณฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น (เขาสัตตะโสม) อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากเหตุปะทะและการยิงถล่มของกัมพูชาบริเวณเนิน 333 แม่ของ จ.ส.อ.ธวัชชัย บอกว่าตอนนี้ตนได้เปลี่ยนจากความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายในการรับใช้ชาติ อีกทั้งครอบครัวได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นบุญของลูกชายและครอบครัว ส่วนน้องชายที่เป็นทหารพรานอยู่ตอนนี้ก็ไม่ถอดใจ ส่วนที่ศาลาประชาคมชาวบ้านห้วยเตย ตำบลศรีสุขสำราญ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาพร้อมใจกันร้องเพลงชาติไทยดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังและส่งกำลังใจให้ทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาชายแดนไทยและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเปิดจุดรับบริจาคสิ่งของเพื่อนำส่งความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และผู้ประสบภัย.-สำนักข่าวไทย

ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก แม้ “ทรัมป์” เสนอเจรจาหยุดยิง

สุรินทร์ 27 ก.ค.-ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก กัมพูชาเปิดฉากยิงใส่แต่เช้ามืด กระสุนบางส่วนตกใส่หมู่บ้านฝั่งไทย ขยายรัศมีไกลขึ้นเรื่อยๆ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เสนอเจรจาหยุดยิง แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงผ่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา แต่ขณะที่ยังไม่มีการเจรจาทวิภาคี ระหว่างไทย-กัมพูชา เช้ามืดวันนี้ ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ ก็ยังมีการปะทะกันอย่างหนัก จนกระสุนมาตกสร้างความเสียหายให้ราษฎรไทยอย่างที่เห็น“ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทตาควายและตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เริ่มเปิดฉากปะทะกันตั้งแต่ช่วงตี 4 กระสุนจากการประทะบางส่วนเข้ามาตกในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งปรากฏกระสุนรุกล้ำดินแดนไทยลึกเข้ามาเรื่อยๆ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง และมีไฟลุกไหม้ เศษสังกะสี ซีเมนต์ วัสดุโครงสร้างบ้านปลิวกระจัดกระจาย เคราะห์ยังดี ที่เจ้าของบ้านอพยพออกนอกพื้นที่หมดแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ขอร้องให้อพยพออกไปเมื่อวานนี้ จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต บางจุดลงฟาร์มวัววากิว ทำให้วัวตายไป 6 ตัว เจ้าของวัวเล่าว่า ตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงลูกปืนใหญ่ของ 2 ฝ่าย และสังเกตเห็นจรวด BM-21 พุ่งเข้ามาที่คอกวัว จึงได้หลบหาที่กำบัง พอเสียงเงียบ ตนก็รีบออกมาดู ก็พบว่า วัวของตนถูกกระสุนตายไป […]

บุรีรัมย์สั่งอพยพชาวบ้านเพิ่ม 3 อำเภอ

บุรีรัมย์ 27 ก.ค.-บุรีรัมย์ ประกาศให้ชาวบ้านอพยพเพิ่มอีก 3 อำเภอ หลังพื้นที่ปะทะและรัศมีอาวุธขยายไปไกลขึ้น ทั้งวัด โรงเรียน ศูนย์พักพิงชั่วคราว และ รพ.อีก 2 แห่ง ต้องอพยพผู้ป่วยด่วน เหลือเพียงหน่วยรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ช่วงเวลาบ่าย 2-3 โมง เมื่อวานนี้ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีเสียงปืน เสียงระเบิดดังเป็นระยะ และมีกระสุนปืนใหญ่ ตกในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จึงประกาศให้ชาวบ้านในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.ละหานทราย อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.โนนดินแดง อพยพไปอยู่ตามบ้านญาติ หรือศูนย์พักพิงที่ห่างไกลจากรัศมีวิถีกระสุนปืนใหญ่ และอาวุธหนัก บางครัวเรือนก็มีลูกหลานมารับออกไปแล้ว ส่วนชาวบ้านที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ทางเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ก็ได้จัดรถไปช่วยอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ด้วย ด้าน โรงพยาบาลในพื้นที่ 2 แห่ง คือ รพ.ละหานทราย และ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ก็มีการอพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลเช่นกัน รวมถึงให้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ เหลือไว้แค่หน่วยที่จะรับผู้ป่วยฉุกเฉิน […]

Trump says he is seeking a ceasefire between Thailand, Cambodia

“ทรัมป์” โยงเรื่องการค้ากับหยุดยิงไทย-กัมพูชา

เอดินบะระ 27 ก.ค.-  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ พูดคุยกับผู้นำของทางการไทยและกัมพูชา โดยโยงเรื่องการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐกับเรื่องหยุดยิงของทั้ง 2 ประเทศ ด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ในระหว่างการเยือนสกอตแลนด์เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ในทรูธโซเชียลที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ไทยและกัมพูชา 3 โพสต์ติดต่อกัน โพสต์แรกระบุว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรี มาเนตกัมพูชาและนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษานายกรัฐมนตรีของไทย เรื่องการหยุดยิงและยุติสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ สหรัฐซึ่งกำลังหารือทางการค้ากับทั้ง 2 ประเทศอยู่ในขณะนี้ไม่ต้องการทำข้อตกลงกับประเทศใดประเทศหนึ่งหากยังมีการสู้รบกันอยู่ กัมพูชาจะแสดงท่าทีเรื่องหยุดยิงหลังจากที่เขาได้คำตอบจากไทยในเรื่องนี้ นายทรัมป์ระบุด้วยว่า สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาทำให้เขานึกถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างปากีสถานกับอินเดียที่ได้รับการยับยั้งเป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นราว 1 ชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมได้โพสต์ข้อความใหม่ว่า ได้สนทนากับรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ฝ่ายไทยต้องการหยุดยิงและสันติภาพเช่นเดียวกับกัมพูชา และหลังจากนั้นไม่นานผู้นำสหรัฐโพสต์ข้อความที่ 3 ว่า เพิ่งเสร็จสิ้นการสนทนากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและแจ้งเรื่องที่ได้หารือกับทางการไทย ทั้ง 2 ฝ่ายต้องการหยุดยิงและสันติภาพ และต้องการกลับมาเจรจาทางการค้ากับสหรัฐ โดยตกลงจะพบหารือและหาทางหยุดยิงโดยทันที ด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย เปิดเผยกับสื่อที่เมืองปุตราจายาเมื่อวานนี้ว่า จะเดินหน้าผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งยังคงมีการยิงปะทะกันอยู่ เขาได้ขอให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียประสานงานกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและกัมพูชา และหากเป็นไปได้ เขาจะเข้าไปประสานงานด้วยตัวเองเพื่อหยุดยั้งการสู้รบ รอยเตอร์รายงานว่า กัมพูชาสนับสนุนข้อเสนอของนายอันวาร์ ส่วนไทยระบุว่า เห็นชอบในหลักการ.-820(814).-สำนักข่าวไทย