ศาลปกครองสูงสุด ยืนไม่รับคำฟ้อง “สราวุธ” ขอเพิกถอนคำสั่งไล่ออกจากราชการ

ศาลปกครอง 13 มิ.ย.- ศาลปกครองสูงสุด ยืนไม่รับคำฟ้อง “สราวุธ” อดีตเลขาศาลยุติธรรม ขอเพิกถอนคำสั่งไล่ออกจากราชการ ชี้ไม่อยู่ในอำนาจศาลพิจารณาพิพากษา


ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ในคดีที่นายสราวุธ เบญจกุล อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ยื่นฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมที่ 404/2565 เรื่องไล่ข้าราชการศาลยุติธรรมออกจากราชการลงวันที่ 22 เม.ย.65 ที่ลงโทษไล่นายสราวุธออกจากราชการตามมติของคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ในการประชุมครั้งที่9/2565ลงวันที่ 18 เม.ย. 65 จากเหตุกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงในการเอื้ออำนวยแก่บริษัทผู้เสนอราคาให้เป็นผู้มีสิทธิเข้าทำสัญญาปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง ศาลจังหวัดมีนบุรี และศาลจังหวัดตลิ่งชัน

โดยศาลปกครองสูงสุดเห็นว่าการมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องในคดีนี้ไว้พิจารณาของศาลปกครองชั้นต้นเป็นเพียงการดำเนินกระบวนพิจารณาที่อยู่ในชั้นตรวจคำฟ้องตามมาตรา 9 วรรคสอง(2)พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 ประกอบข้อ 35 และข้อ 37 ของระเบียบที่ประชุมใหญ่ตุลาการในการปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2543 เท่านั้น ดังนั้นเมื่อนายสราวุธฟ้องว่าการที่ประธานศาลฎีกาออกคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมที่ 404/2565 ลงวันที่ 22 เม.ย. 65 ลงโทษไล่นายสราวุธออกจากราชการเป็นกรณีสืบเนื่องมาจากคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมได้พิจารณาวินิจฉัยว่านายสราวุธกระทำความผิดวินัยตามมติของคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมในการประชุมครั้งที่ 9/2565 ลงวันที่ 18 เม.ย 65 ซึ่งนายสราวุธขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและศาลปกครองชั้นต้นเห็นว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการของคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม กรณีจึงเป็นเรื่องไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา 9 วรรคสอง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 จึงเห็นได้ว่าการไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาในคดีนี้ได้นำมาตรา 9 แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 และข้อ 35 ประกอบข้อ 37 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2543 มาพิจารณาในการตรวจคำฟ้องของนายสราวุธเท่านั้น คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและไม่จำต้องส่งความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจึงชอบแล้ว


ส่วนที่นายสราวุธอุทธรณ์ว่าบทบัญญัติมาตรา 22 ( 1)พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม 2543 ขัดหรือแย้งต่อมาตรา 193 และมาตรา 196 ของรัฐธรรมนูญและศาลปกครองชั้นต้นได้นำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับแก่คดีจึงขอให้ศาลปกครองสูงสุดส่งข้อโต้แย้งดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยนั้นเห็นว่า การนำบทบัญญัติดังกล่าวมาอ้างเป็นเพียงการกล่าวอ้างเพื่อใช้เป็นเหตุผลสนับสนุนคำวินิจฉัยของศาลเกี่ยวกับอำนาจของศาลปกครองที่จะรับหรือไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาตามมาตรา 9 วรรคสอง(2) แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 เท่านั้นกรณีจึงไม่ใช่การนำมาตรา 22 ( 1) แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม 2543 มาใช้บังคับแก่คดีโดยตรงและถือเป็นเหตุที่ทำให้ศาลปกครองต้องส่งความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูวินิจฉัยตามมาตรา 212 ของรัฐธรรมนูญเมื่อศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและจำหน่ายคดีออกจากระบบความและนายสราวุธยื่นคำอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา คดีที่ขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดจึงมีประเด็นที่ต้องพิจารณาแต่เพียงว่าคดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา 9 พ.ร.บจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 หรือไม่เท่านั้นประกอบกับเป็นการพิจารณาอุทธรณ์ของนายสราวุธศาลปกครองสูงสุดไม่ได้ใช้บทบัญญัติมาตรา 22 พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม 2543 มาใช้บังคับแก่คดีนี้อีกเช่นกันกรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 212 ของรัฐธรรมนูญที่ศาลจะต้องส่งความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยแต่อย่างใด) .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชิงทอง

สอบเครียด! คนร้ายชิงทอง 113 บาท สารภาพเอาไปจำนำบางส่วน

สอบเครียดทั้งคืน ผู้ต้องหาชิงทอง 113 บาท รับสารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน ซื้อเบ้าหลอมเพื่อให้ยากต่อการติดตามของตำรวจ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด

ข่าวแนะนำ

ทำแผนชิงทอง

คุมทำแผนโจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท

คุมตัวทำแผน โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท ในห้างฯ ย่านลำลูกกา สารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน และซื้ออุปกรณ์หลอมทองเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

จับเรือประมงเมียนมา

จับเรือประมงเมียนมา รุกล้ำน่านน้ำไทย

ศรชล.ภาค 3 จับกุมเรือประมงเมียนมาพร้อมลูกเรือ 13 คน ขณะลักลอบนำเรือประมงจอดลอยลำในทะเลอาณาเขตของไทย บริเวณ จ.ระนอง ใกล้เกาะค้างคาว