ภูเก็ต 24 เม.ย.- “อนุทิน” ลงพื้นที่ภูเก็ต ยกเป็นนางกวักประเทศไทย มั่นใจตอกเสาเข็มการเมือง ขอโอกาสทำงานต่อเนื่อง ชูนโยบายปั้นเมืองสุขภาพระดับโลก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยผู้บริหาร และแกนนำพรรค นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรคและผู้สมัครบัญชีรายชื่อ, นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรค และผู้สมัครบัญชีรายชื่อ, นางนาที รัชกิจประการ เหรัญญิกพรรค และ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียง จ.ภูเก็ต ได้แก่ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายนิพนธ์ เอกวานิช เบอร์ 3 เขตเลือกตั้งที่ 2 นายวงศกร ชนะกิจ เบอร์ 5 และเขตเลือกตั้งที่ 3 นายวิวัฒน์ จินดาพล เบอร์ 9
นายอนุทิน กล่าวว่า การเลือกตั้งปี 62 ไม่มีใครคิดว่าพรรคภูมิใจไทยจะมี ส.ส. จากภาคใต้ได้กว่า 10 ที่นั่ง แต่ที่สุดแล้วมันก็เกิดขึ้น เพราะความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ตรงส่วนนี้ตระหนักอยู่ในหัวคิดของพรรคภูมิใจไทยตลอดเวลาว่าจะต้องตอบแทนความไว้เนื้อเชื่อใจที่ประชาชนมอบให้ ที่ผ่านมาเราพัฒนาถนนหนทางให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ไปจนถึงขยายบริการด้านสาธารณสุข
ล่าสุดเราประสบความสำเร็จในการผลักดันสะพานเชื่อมพัทลุง-สงขลา และสะพานข้ามเกาะลันตา จ.กระบี่ อนาคตเราจะเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมต่ออ่าวไทยกับทะเลอันดามัน ผ่านจังหวัดชุมพร-ระนอง
“สำหรับจังหวัดภูเก็ต ท่านพิสูจน์ศักยภาพของท่านมาแล้ว จากการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก แต่เราจะเพิ่มโอกาสให้พวกท่านมากขึ้นด้วยการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Medical Hub หลายชาติกำลังเข้าสังคมผู้สูงวัย เขาต้องมองภูเก็ตในฐานะเป้าหมายของเขา ที่ผ่านมาท่านเหมือนนางกวักของประเทศไทย นักท่องเที่ยวมาไทยเพราะอยากมาชื่นชมความสวยงามของภูเก็ต เมื่อเขามาแล้วไม่มีคำว่าผิดหวัง” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า รอบที่แล้วเราปักธงที่จังหวัดใต้ได้หลายจังหวัด มารอบนี้ขอตอกเสาเข็มเพิ่มที่ภูเก็ตจะได้ไหม แต่จากที่เห็นพี่น้องประชาชนมาต้อนรับเราขนาดนี้ คิดว่าเราทำได้ ทั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยเราเป็นพรรคที่ให้ความสำคัญกับการทำงาน ที่ผ่านมาพื้นที่ภาคใต้ในการดูแลของกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งมีรัฐมนตรีมาจากพรรคภูมิใจไทย ท่านได้เห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์แล้ว หากท่านต้องการเห็นการพัฒนาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรุณาไว้วางใจให้เราได้ทำงานต่อ เราจะเปลี่ยนด้ามขวานไทยให้เป็นด้ามขวานทอง.-สำนักข่าวไทย