รัฐบาลต้องมีนโยบาย อุดมการณ์เดียวกัน

มูลนิธิป่ารอยต่อฯ 15 เม.ย.- “พล.อ.ประวิตร” ยันพปชร.ไม่ออกนโยบายกระทบวินัยการเงินการคลัง ถ้าได้เป็นรัฐบาลเดินหน้าบัตรสวัสดิการรัฐ 700 แก้ปัญหาน้ำ ที่ดิน ดันแก้ค้ามนุษย์ขึ้นเทียร์ 1 ภายในปีหน้า ยังไม่คิดเรื่องจับขั้ว รอผลเลือกตั้ง ดูนโยบาย อุดมการณ์ต้องทางเดียวกัน


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์รายการ “คุยตามข่าว” ซึ่งออกอากาศทาง MCOT HD หมายเลข 30 โดยกล่าวถึงจุดเด่นของพรรคโดยย้ำถึงการก้าวข้ามความขัดแย้ง ประชาชนจะต้องไม่ทะเลาะกัน นำพาประเทศไปสู่ความรุ่งเรือง ส่วนความคิดเห็นทางการเมืองของแต่ละคนเป็นเรื่องที่บังคับกันไม่ได้ พรรคมีจุดมุ่งหมายเข้ามาแก้ไขปัญหาความยากจน แก้ปัญหาน้ำ ปัญหาที่ดินที่อยู่นอกระบบ เพื่อให้ประชาชนพ้นความยากจน อยู่ดีกินดี นักการเมืองจะทะเลาะกันเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาฯ ให้ไปว่ากันเอง แต่ประชาชนต้องร่วมมือกัน
“ที่ผ่านมาแม้ผมดูแลในนามของรัฐบาล แต่ผมเป็นคนทำ ทั้งเรื่องประมง ผมต้องการให้ประมงชายฝั่งจับปลาได้ตลอดด้วยการทำบัตรประมง ไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับประมงพาณิชย์ แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องค้ามนุษย์ แรงงานบางคนไม่ได้กลับบ้าน 5-6 ปี ตกน้ำตาย เสียชีวิตกลางทะเล ซึ่งที่ผ่านมา เราแก้ไขปัญหาได้มาก ผมจะแก้ไขให้ขึ้นมาที่เทียร์ 1 ในปีหน้า ส่วนปัญหาปาล์มราคาน้ำมันตกต่ำ ผมเข้ามาแก้ไขจนตอนนี้ราคาสูงจากเดิมแล้ว” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงนโยบายแรกที่จะทำถ้าได้เป็นรัฐบาล คือนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาท เรื่องการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญต่อประชาชนที่จะส่งผลต่อการประกอบอาชีพทางการเกษตรด้วย เรื่องที่ทำกิน เมื่อประชาชนมีที่ทำกินของตัวเอง ทั้งสองสิ่งนี้จะยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนได้ เราพยายามทำ one map ว่าหน่วยงานใดที่รับผิดชอบอย่างชัดเจนไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อน


ส่วนที่พรรคการเมืองผุดนโยบายประชานิยมมาแข่งขันกัน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ากังวล ว่าจะส่งผลกระทบต่องบประมาณ พรรคพลังประชารัฐจะไม่ออกนโยบายที่ส่งผลกระทบ เราจะทำอย่างถูกต้อง ต้องดูว่าจะเอาเงินมาจากไหน ที่มาของเงินต้องชัดเจน พรรคพลังประชารัฐจะดูแลคนที่มีรายได้น้อยไม่ถึงแสนต่อปี ผ่านกลไกลงบประมาณรัฐ

พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงความมั่นใจว่าจะได้คะแนนยกจังหวัดในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ว่าที่จังหวัดสุมทรสาคร เพชรบูรณ์ พะเยา กำแพงเพชร กาญจนบุรี สระแก้วและสมุทรปราการ แม้ว่านายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหมจะเสียชีวิตก็ไม่ส่งกระทบ ส่วนในภาคเหนือและอีสาน ขอให้ได้จังหวัดละ 1-2 คน จังหวัดหนองคาย 1 คน ส่วนจะได้ทั้งหมดกี่คนนั้น อยู่ที่ประชาชน แต่อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 70 คน

ส่วนการจะร่วมกับพรรคใดจัดตั้งรัฐบาล หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ต้องดูว่าปประชาชนจะเลือกพรรคไหน ค่อยมาว่ากัน ยืนยนว่าไม่เคยดีลกับพรรคไหน ไม่เคยพบใคร และถ้าพรรคได้มากกว่า 251 เสียงเราตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ไม่รวมกับใคร แต่ยืนยันว่าจะไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่วนจะจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมหรือไม่นั้น การจะจับมือตั้งรัฐบาลด้วยกัน ต้องดูผลเลือกตั้ง ดูนโยบาย อุดมการณ์ต้องตรงกัน เช่นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าเห็นไม่ตรงกัน ก็ทำงานด้วยกันยาก การร่วมรัฐบาลต้องมีทิศทางเดียวกัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องอีกนาน อย่าเพิ่งคิด


“ถ้าพลังประชารัฐได้คะแนนมากที่สุด ผมก็เป็นนายกฯ แต่ถ้าน้อยกว่าก็ให้ลุงตู่เป็น วัดกันที่คะแนน จริง ๆ ก็เสียงเดียวกัน แต่เมื่อนายกฯ(พล.อ.ประยุทธ์) ต้องการไปทางนู้น(รวมไทยสร้างชาติ) ก็ไม่ว่าอะไร พรรคนี้(พลังประชารัฐ) ผมก็เป็นคนทำมา เพื่อให้ลุงตู่ ให้น้องผมเป็นนายกฯ ซึ่งผมก็ทำสำเร็จมาแล้ว” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าว

พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า ความสัมพันธ์พี่น้องที่มีอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้แตกแยกกัน แต่เรื่องทางการเมืองก็ว่ากันไป

หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเรื่องทำอาหาร ว่า เป็นคนชอบทำอาหาร เมนูง่าย ๆ ทำได้หมด ส่วนที่ชอบทำกุ้งกระเทียม เพราะคุณพ่อชอบรับประทาน เป็นเมนูประจำครอบครัว และเคยทำให้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและพล.อ.ประยุทธ์รับประทานตั้งแต่รับราชการทหารสมัยเป็นเด็ก ๆ ด้วยกัน

“ผมเป็นคนง่าย ๆ กินง่าย พูดน้อย แต่ทำมาก มีคนพยายามจะบอกว่าร่างกายของผมไม่แข็งแรง แต่จริง ๆ แล้วแข็งแรง 100 % ไม่อย่างนั้นไปไม่ได้ทุกจังหวัดหรอก ปกติผมตื่นตี 4 ออกจากบ้านตี 5 มาถึงมูลนิธิฯ ก่อน 6 โมง ก็มีคนมารอพบแล้ว กลับบ้าน 2 ทุ่ม ผมได้รับการสั่งสอนมา พ่อแม่สอนให้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ผมตัวคนเดียว ไม่มีอะไร ก็อยากทำงานเพื่อประชาชน ให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองต่อไป” พล.อ.ประวิตร กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]