พท.ปราศรัยเมืองปทุมฯ “อุ๊งอิ๊ง” อาสาปราบยาเสพติดด้วย 3 ป.

ปทุมธานี 29 มี.ค. – “แพทองธาร” ประกาศลั่นเมืองปทุมฯ อาสาปราบยาเสพติดด้วย 3 ป. ปราบผู้ขาย-เปิดเวทีพูดคุยประเทศเพื่อนบ้าน-เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย “ชลน่าน” ยันเวลานี้ต้องโหวตเชิงยุทธศาสตร์ ให้เพื่อไทยชนะแลนด์สไลด์จัดตั้งรัฐบาล


(29 มีนาคม 2566) พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัย “ปักธง คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน เพื่อคนปทุมธานี” ที่ลานหน้าห้างสรรพสินค้าโลตัส รังสิต จ.ปทุมธานี นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตคลองสามวา (ยกเว้นแขวงสามวาตะวันออก และแขวงทรายกองดินใต้) พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค ได้แก่ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน สมาชิกพรรคเพื่อไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สมาชิกพรรคเพื่อไทย รวมทั้งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ได้แก่ เขต 1 นายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล, เขต 2 นายศุภชัย นพขำ, เขต 3 นายยุทธศักดิ์ ชูประเสริฐ, เขต 4 นายสุทิน นพขำ, เขต 5 นายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์, เขต 6 นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ และเขต 7 นายยงยุทธ มั่นบุปผชาติ ท่ามกลางพี่น้องประชาชนเข้าร่วมเวทีการปราศรัยกว่า 5,000 คน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวขอแรงใจจากพี่น้องประชาชน ร่วมกัน “แลนด์สไลด์” หรือโหวตเชิงยุทธศาสตร์ เลือกเพื่อไทยอย่างถล่มทลายให้ได้เกิน 310 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ และมีเสียงเกิน ส.ว. 250 คน ย้ำว่าแลนด์สไลด์เท่านั้นที่จะขจัดความทุกข์ที่พี่น้องเผชิญมาตลอด 8 ปี ขจัดกองหนี้สินที่เกิดขึ้นใต้รัฐบาลชุดที่ผ่านมา และการขจัดปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ทำได้ไม่ยาก ไม่ต้องเสียแรง วันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ชาวปทุมธานีพร้อมใจกันเดินเข้าคูหา กาพรรคเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ ทั้งคนทั้งพรรค


อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยรณรงค์ยุทธศาสตร์ “แลนด์สไลด์” ที่ตัวเลข 250 เสียง แต่วันนี้ขยับตัวเลขไปที่ 310 เสียง เพราะเมื่อกระแสของพรรคมาแรงขึ้น ทำให้มี ส.ว.บางคนเริ่มประกาศออกมาแล้วว่า หากเพื่อไทยได้เกิน 250 เสียง ยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะจัดตั้งได้ก็ต่อเมื่อได้เก้าอี้ 370 ขึ้นไป เพราะจะชนะเสียง ส.ว. อย่างเด็ดขาด พรรคเพื่อไทยจึงจำเป็นต้องรณรงค์วิธีใหม่ ขอความร่วมมือจากพี่น้องทั้งประเทศ เลือกเพื่อไทยให้ถล่มทลาย ให้การเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อไทยชนะขาดและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ

“ถ้าได้ครึ่งๆ กลางๆ 260 เสียง ก็ยังไม่ชนะขาด วันนี้ต้องไม่รักพี่ไม่เสียดายน้อง ไม่เลือกพ่วง เพื่อไทยจะขอจับมือกับพี่น้องชาวปทุมฯ ร่วมกัน ‘คิดใหญ่’ เปลี่ยนชีวิตคนไทย” นพ.ชลน่าน กล่าว

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้มีความยินดีที่ได้มาเจอชาวปทุมธานี เพราะในอดีตสมัยรัฐบาลไทยรักไทย ของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีโอกาสบรรจุ จ.ปทุมธานี อยู่ในการนำร่องโครงการ “30 บาท รักษาทุกโรค” รวมถึงในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จ.ปทุมธานี ก็เป็นหนึ่งในจังหวัดนำร่องที่ได้ปรับขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาท


ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยรับรู้ถึงปัญหาความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวปทุมธานีมาโดยตลอด อยากให้พี่น้องประชาชนกลับมากินดีอยู่ดีอีกครั้ง พรรคเพื่อไทยจึงเสนอนโยบายดีๆ ทั้งการเติมเงินรายได้ให้ครอบครัวที่มีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาท ให้ครบ 20,000 บาท เพื่อช่วยเหลือให้พี่น้องมีรายได้พอใช้ในครัวเรือน ก่อนรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะรีบฟื้นฟูเศรษฐกิจ และภายในต้นปีหน้า ค่าแรงของพี่น้องประชาชนจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้แน่นอน รวมถึงปัญหายาเสพติดที่ระบาดมากมาย หาง่ายได้ทั่วไป เพื่อไทยจำเป็นต้องแลนด์สไลด์ ปิดสวิตช์ ส.ว. และ 3 ป. แต่จะเอา 3 ป. ที่สร้างสรรค์มาแก้ไขปัญหายาเสพติด ได้แก่

  1. ป.ปราบ ทั้งผู้ขาย เจอที่ไหนจับที่นั่น
  2. ป.เปิด เปิดเวทีพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน ร่วมมือกันจับแหล่งผลิตยาเสพติด
  3. ป.เปลี่ยน เปลี่ยนผู้เสพให้เป็นผู้ป่วย ได้รับการรักษาคืนสู่อ้อมกอดของสังคม

ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยรู้ดีว่าพี่น้องประชาชนต้องเผชิญกับความยากลำบาก ต้องเป็นหนี้เป็นสินกันมากมาย พรรคเพื่อไทยจึงขออาสาแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนอีกครั้ง ด้วยนโยบาย “คิดใหญ่ ทำเป็น” มั่นใจว่า ส.ส.ที่มาจากเสียงของประชาชน จะทำเพื่อประชาชน มีพี่น้องประชาชนเป็นศูนย์กลางแน่นอน 14 พ.ค.นี้ ขอให้พี่น้องประชาชนไปสิทธิ เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ทั้งคน ทั้งพรรค เพื่อให้เราช่วยคืนชีวิตที่ดีให้พี่น้องประชาชนได้มีศักดิ์ศรีอีกครั้ง

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตคลองสามวา (ยกเว้นแขวงสามวาตะวันออก และแขวงทรายกองดินใต้) พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้มีโครงการบริหารจัดการน้ำ ป้องกันน้ำท่วม น้ำแล้ง โดยเฉพาะ จ.ปทุมธานี ซึ่งถูกน้ำท่วมหากมีน้ำเหนือไหลบ่ามา ทั้งยังอยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งธรรมชาติการไหลของน้ำ ในช่วงเย็น น้ำจะไหลขึ้นเหนือ เนื่องจากน้ำทะเลหนุน ในเช้าวันถัดไป น้ำจะไหลลงทะเลที่ จ.สมุทรปราการ หากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ถูกปฏิวัติยึดอำนาจในปี 2557 น้ำจะไม่ท่วมปทุมธานี ในโครงการบริหารจัดการน้ำ จะมีการสร้างเขื่อนกั้นทะเล น้ำในคลองต่างๆ จะไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงค่ำ และจะไหลลงทะเลในช่วงเช้า แนวคิดนี้เช่นเดียวกับที่เนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีสภาพภูมิประเทศเหมือนไทย คนสามารถอยู่ร่วมกับน้ำได้ ป้องกันภัยแล้ง ป้องกันน้ำท่วมได้ สามารถบริหารจัดการแม่น้ำ ปิง วัง ยม น่านได้ เมื่อน้ำไม่ท่วม ราคาข้าวจะปรับตัวดีขึ้น

“ส.ว.ยังมีอายุอีก 1 ปี เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ให้มากกว่า 310 เสียง เราจะเอาเศรษฐกิจดีๆ เราจะเอาผู้นำดีๆ ไปต่างประเทศ เราต้องมีความสุข ไม่ใช่ไปแล้วไปอาย ต้องเลือกเพื่อไทยสถานเดียว” นายจิรายุ กล่าว

นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คนปทุมธานีมีประวัติร่วมกันต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย มีส่วนทำให้ไทยรักไทยชนะเลือกตั้งถล่มทลายได้ 377 ที่นั่ง เป็นพรรคแรกที่นำนโยบายไปทำให้ประสบความสำเร็จ ในปี 2548 สุดท้ายก็เกิดรัฐประหาร แต่พรรคพลังประชาชนได้รับเลือกตั้งอีก เขาก็ใช้กลไกรัฐธรรมนูญมาล้มรัฐบาล จัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร คนปทุมธานีก็ออกไปต่อสู้ให้รัฐบาลในค่ายทหารยุบสภา และในปี 2554 คนไทยทั้งประเทศก็ยังยืนยันเลือกพรรคเพื่อไทย 265 เสียง ในจำนวนนั้นปทุมธานีเลือกพรรคเพื่อไทยทั้งจังหวัดทุกคน การยึดอำนาจในปี 2557 ทำให้เสียโอกาส อย่างรถไฟความเร็วสูง จากกรุงเทพฯ-ปทุมธานี ไปเชียงใหม่ และจากปทุมธานีไปอีสาน ต่อกับ สปป ลาว และแผนระบบจัดการน้ำ ถ้ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ถูกยึดอำนาจ ตอนนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

“ปทุมธานีปลูกข้าว 3 แสนไร่ แต่เกษตรกรยังเดือดร้อน ปุ๋ยแพง 3 เท่า แต่รัฐบาลไม่ได้สนใจไปเจรจาแก้ปัญหา มีโรงงาน 3,000 แห่ง แต่การส่งออกติดลบ เพราะสนใจแต่เรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจประเทศไทยเติบโตช้าที่สุดในอาเซียน หลังการเกิดโควิดก็ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ช้าที่สุด รายได้ต่อหัวอันดับต่ำสุดในอาเซียน นี่คือสิ่งที่ประยุทธ์ทำแล้ว ทำอยู่ และจะทำต่อไป” นายจาตุรนต์ กล่าว

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวย้ำว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะบริหารให้เกียรติประชาชน ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเส้นความยากจน ให้ถึง 20,000 บาท/ครอบครัว คนไทยอายุ 16 ปีบริบูรณ์ ไม่ว่าจะกลุ่มความหลากหลายทางเพศ มีบัตรประชาชน มีกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยวันที่ 5 เมษายน จะประกาศตัวเลขจำนวนเงิน ส่วนบัตรคนจนทิ้งไว้ให้เป็นอนุสรณ์แห่งความยากจน ถ้าเลือกพรรคเพื่อไทย ไม่เอากัญชาไว้ในมือเยาวชน ยาเสพติดต้องหมดไป ประชาชนจะกลับมาอยู่ดีกินดี

“พี่น้องที่เคยต่อสู้มาด้วยกัน มีคนถามมาตลอดว่า พี่น้องเสื้อแดงบางจังหวัดพลัดพรากจากพรรคเพื่อไทย ผมเชื่อว่าประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่มีทางที่จะทรยศหักหลังประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ ไม่เอาสืบทอดอำนาจ” นายณัฐวุฒิ กล่าว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย