ถ้าเป็นแกนนำรัฐบาลจะแก้หนี้มาราธอนให้ชาวบ้าน

พรรครวมไทยสร้างชาติ 27 มี.ค.-รวมไทยสร้างชาติทยอยประชุมว่าที่ผู้สมัครส.ส.และผู้ช่วยหาเสียงหลายจังหวัดภาคอีสาน ชี้แจงแนวทางหาเสียง เร่งทำความเข้าใจรายละเอียดนโยบาย “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ”  ย้ำถ้าได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯ จะแก้หนี้มาราธอนตั้งแต่รัฐบาลในอดีตจากกองทุนหมู่บ้านให้หมดไป


นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) รับผิดชอบภาคอีสาน เปิดเผยว่า พรรคได้ส่งรายชื่อผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ให้กับสาขาพรรคทั่วประเทศ และตัวแทนพรรคประจำจังหวัดครบ 77 จังหวัดเพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็น หรือทำไพรมารีโหวตตามข้อบังคับเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้เริ่มลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับว่าที่ผู้สมัครส.ส.และผู้ช่วยหาเสียงประจำจังหวัด ในส่วนของภาคอีสานที่ตนรับผิดชอบ ได้ลงพื้นที่ร่วมกับนายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ อดีต ส.ส.ศรีสะเกษหลายสมัย ในฐานะคณะกรรมการกำกับนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรคได้ประชุมกับผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียงประจำจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เพื่อชี้แจงแนวทางการหาเสียง และนโยบายของพรรคเพื่อให้เข้าถึงประชาชน

รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ได้ชี้แจงนโยบายของพรรคในสิ่งที่ทำแล้ว ทำอยู่และทำต่อให้สมาชิกพรรคได้ทราบ อาทิ นโยบายที่ทำแล้วคือเพิ่มค่าตอบแทนให้อสม.ปรับขึ้นจาก 600 บาทเป็น 1,000 บาท นโยบายที่ทำอยู่ตอนนี้คือ จะเพิ่มให้เป็น 2,000 บาท นอกจากนั้นนโยบายที่ทำอยู่คือ เพิ่มค่าตอบแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล เพิ่มค่าตอบแทนให้ อบต. เทศบาล ทั้งหมดจะมีผลวันที่ 1 ตุลาคม 2566 นี้ นอกจากนั้นสิ่งที่พรรคจะทำต่อคือ เรื่องบัตรประชารัฐ นโยบายของพรรคคือจะเพิ่มเงินจากบัตรประชารัฐ หรือบัตรลุงตู่ จาก 300 บาทต่อเดือนเป็น 1,000 บาทต่อเดือน และให้สิทธิ์ผู้ถือบัตรประชารัฐในกรณีต้องการใช้เงินฉุกเฉิน สามารถเอาบัตรประชารัฐไปกู้ธนาคารออมสินได้ 10 เท่าของรายได้


“ถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล คนที่มีบัตรลุงตู่จะมีรายได้แน่ ๆ เดือนละ 1,000 บาท และสามารถกู้ฉุกเฉินได้อีก 10,000 บาท ส่วนการผ่อนชำระกับธนาคารออมสินไม่ต้องกังวลว่าเป็นหนี้ศูนย์ เพราะรัฐจะโอนเงินผ่านธนาคารออมสินหักเป็นเงินต้นคืน 500 บาท อีก 500 บาทเข้าบัตรประชารัฐของชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านไม่มีภาระหนี้เกิดขึ้นมาใหม่ เมื่อผ่านไป 20 เดือนก็ถือว่าใช้หนี้ได้ทั้งหมด จบกระบวนการทั้งต้นทั้งดอกจะเคลียร์ทั้งหมด หลังจากนั้นชาวบ้านจะกลับมาได้เงินในบัตรประชารัฐอีกเดือนละ 1,000 บาทเหมือนเดิมได้สิทธิ์กลับขึ้นมาใหม่เพราะเป็นไทย ซึ่งนโยบายนี้ได้รับการตอบรับจากประชาชนด้วยดี เพราะเขามีปัญหามากในขณะนี้คือหนี้นอกระบบ คิดดอกเบี้ยร้อยละ 30-40 บาทต่อเดือน แต่ถ้ารัฐให้เขาได้เข้าถึงโอกาสของแหล่งเงินกู้เขาไม่ต้องเป็นเบี้ยล่างของพวกเงินกู้นอกระบบอีกต่อไป เพราะทุกวันนี้ชาวบ้านมีปัญหาหนี้นอกระบบโดนรังควานจากพวกนายทุนหน้าเลือด” นายวิทยา กล่าว

รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า สำหรับกรณีผู้สูงอายุ ถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เราจะให้ผู้สูงอายุ 60 ขึ้นไปคนละ 1,000 บาทเท่ากันทั้งหมดจนถึงแก่กรรม ไม่ต้องรอแบบขั้นบันได รอให้ถึงอายุ 80 ปีถึงจะได้ 800 บาท และเรื่องที่ชาวบ้านสะท้อนให้ฟังอย่างมากคือหนี้ของกองทุนหมู่บ้านที่รัฐบาลในอดีตทำไว้ ตนได้สอบถามในที่ประชุมใครเป็นหนี้กองทุนหมู่บ้านบ้างปรากฏว่า 80% เป็นหนี้กองทุนหมู่บ้านทั้งหมด ถามว่าอีก 5 ปีใครจะใช้หนี้หมดได้บ้าง ในที่ประชุมไม่มีใครยกมือสรุปคือ หนี้กองทุนหมู่บ้านในภาคอีสานทั้งหมดเป็นหนี้ที่ตายแล้ว และจะตายไปพร้อมกับคนกู้เพราะเขาไม่มีโอกาสเป็นไทยได้เลย

“พอถึงสิ้นปีก็ต้องไปกู้หนี้นอกระบบมาจ่ายคืนหนี้กองทุนหมู่บ้าน ได้เงินจากกองทุนหมู่บ้านก็ต้องนำกลับไปคืนให้กับนายทุนเงินกู้ที่ไปกู้มาใช้หนี้ ทำมาแบบนี้มา 22 ปี ชาวบ้านก็เรียกร้องให้แก้ปัญหานี้ ผมให้ผู้สมัครทุกคนรับฟังปัญหาเพื่อหาทางแก้หนี้กองทุนหมู่บ้านให้กับประชาชน ที่เป็นแบบนี้มานานและสูงถึง 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ของภาคอีสาน ชาวบ้านเชื่อว่าการแก้หนี้นอกระบบจะหมดไป แต่หนี้กองทุนหมู่บ้านที่ทำมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลในอดีตแก้ไขได้ยาก ทุกจังหวัดมีปัญหาเป็นหนี้เหมือนกันหมด จึงเป็นภาระที่รัฐบาลข้างหน้าจะต้องไปหาทางแก้ไขให้ประชาชน ถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเร่งแก้ปัญหานี้ให้หมดไป” นายวิทยา กล่าว.-สำนักข่าวไทย     


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]