กรุงเทพฯ 27 มี.ค-“สมศักดิ์” ยัน ไม่ตอบโต้ คนออกมาโจมตีหลังย้ายเข้าเพื่อไทย เข้าใจช่วงเลือกตั้งอาจถูกดิสเครดิต ย้ำทำงานการเมืองสายกลาง-ข้ามความขัดแย้ง ร่วมงานได้ทุกฝ่าย ลั่นไม่ถนัดสร้างศัตรู เผยยึดแนวทางผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง หวังได้เดินหน้า“วัวชน-กระท่อม”ต่อเนื่อง
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีถูกโจมตีหลังเปิดตัวเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยว่า ยอมรับว่า มีกระแสโจมตีอยู่ไม่น้อย ทั้งจากนักการเมืองที่เคยร่วมงานกัน นักวิชาการ รวมถึงสื่อมวลชน แต่ก็เป็นสิ่งที่ตนเข้าใจได้ เพราะอยู่ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ที่อาจจะมีการใช้วิธีการดิสเครดิตแบบเดิม แต่ตนขอยืนยันว่า จะไม่ตอบโต้ให้กลายเป็นประเด็นความขัดแย้ง เพราะตนไม่ถนัดที่จะไปสร้างศัตรู ซึ่งตลอดระยะเวลาทำงานการเมืองเพื่อพี่น้องประชาชน ตนไม่เคยมีคู่ขัดแย้ง เพราะทำงานได้กับทุกฝ่าย โดยยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
“เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ผมยินดีน้อมรับฟัง เพราะเป็นคนเปิดกว้าง โดยถ้าสิ่งไหนที่มีเหตุและผล ผมก็พร้อมที่จะนำไปแก้ไขปรับปรุง แต่ถ้าจะให้ไปตอบโต้กันผ่านสื่อมวลชน ผมมองว่า ไม่มีประโยชน์กับประชาชน รวมถึงจะไม่ได้เป็นการสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่ดี ซึ่งที่ผ่านมา ผมทำงานการเมืองแบบสายกลาง ที่ร่วมงานได้กับทุกฝ่าย หรือ ก้าวข้ามความขัดแย้งได้อย่างแท้จริง เพราะผมสามารถเป็นรัฐมนตรีได้ถึง 14 ครั้งในหลายขั้วรัฐบาล สามารถผลักดันโครงการต่างๆช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง เช่น การก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผมยึดถือเป็นแนวทางในการทำงานการเมืองตลอด 40 ปี ที่ไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจแม้แต่ครั้งเดียว” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ถึงแม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยที่ตนย้ายเข้าพรรคเพื่อไทย แต่ก็มีเสียงสนับสนุนจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ที่อยากให้ตนย้ายมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย เพราะมองว่า จะช่วยเข้ามาเติมเต็มให้เกิดแลนด์สไลด์ และตั้งรัฐบาลได้จนสำเร็จ ซึ่งก็จะตรงกับแนวทางของตน ที่ต้องการเข้ามาขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ต่อให้สำเร็จ เพื่อพี่น้องประชาชน จะได้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น เพราะก่อนที่ตนจะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยุติธรรม ก็ได้ขับเคลื่อนกฎหมายส่งเสริมปศุสัตว์ไว้ ที่จะช่วยยกระดับวัวชน ให้มีมาตรฐานดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา หรือ การผลักดันพืชกระท่อมให้เป็นผลิตภัณฑ์ ดังนั้น การทำงานการเมืองของตน จะมองผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง จึงไม่ค่อยถนัดกับการออกมาสร้างวาทกรรมที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง.-สำนักข่าวไทย