ทำเนียบรัฐบาล 27 มี.ค.-“อนุทิน” ชี้ นายกรัฐมนตรีที่มาจากเสียงข้างน้อยเป็นไปได้ยาก ส.ว. ทำได้แค่พายเรือมาส่ง ย้ำอยู่ยาก ไม่เชื่อจะมีสูตรพิสดารหลังเลือกตั้ง เพราะกติกาต้องเคารพเสียงข้างมาก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีการร่วมรับประทานอาหารร่วมกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มูลนิธิป่ารอยต่อว่า ทำงานร่วมกันมา 4 ปีกินข้าวด้วยกัน แปลกตรงไหน ตนไม่ได้ข้ามฟากไปกินกับอีกฝั่งหนึ่งซะที่ไหน และเรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นความลับ หากจะมีการพูดคุยถึงขั้นจัดตั้งรัฐบาลจะคุยกันแค่ 8 คนได้อย่างไร ดังนั้นการพูดคุยดังกล่าวไม่ใช่ความลับ เป็นการกินข้าวธรรมดา พร้อมไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องคดีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เพราะเจ้าตัวมั่นใจที่จะชี้แจงในข้อกล่าวหา
ดังนั้น การกินข้าวก็เหมือนการอัพเดทสถานการณ์ทางการเมือง ในวงการธุรกิจคู่แข่ง เขายังนัดกินข้าวกัน เพื่ออัพเดทสถานการณ์ ปัญหาความต้องการในหลายๆเรื่อง การไปกินข้าวกับพรรคการเมืองอื่นไม่ใช่ความลับอะไร กินกันอย่างไม่เป็นทางการ และถ้าจะกินให้ลับจริงๆทำไมจะลับไม่ได้ แต่ที่ออกมาครั้งนี้ แสดงว่า ไม่มีความลับจึงมีรูปออกมา ตอนนี้การสื่อข้อมูลข่าวสารไวมาก เผลอๆไลฟ์สดกันได้ด้วยซ้ำ อย่าไปซีเรียสอะไรมาก ทางการเมืองหลังจากนี้ต้องรอผลการเลือกตั้ง
นายอนุทิน กล่าวถึงเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลในอนาคตว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา คนที่มีเสียงข้างมาก คนที่มีเสียงข้างน้อย ต้องทำอย่างไร รอผลการเลือกตั้งให้ชัดเจน ซึ่งหลังปิดหีบประมาณประมาณสี่ห้าทุ่มก็จะเห็นเค้าลางแล้ว ว่าในวันนั้นจะดำเนินการอย่างไร เวลานี้พูดอะไรไปเหมือนไม่ให้เกียรติประชาชน
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยเตรียมจะเปิดตัว ส.ส. ทั่วประเทศเมื่อไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้รอดูในวันที่ 3 เมษายนที่จะมีการรับสมัคร ส.ส. เขต และในวันที่ 4 เมษายน ที่จะมีการรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งขณะนี้ เปิดตามลำดับอักษรว่าใน 100 คนนั้นมีใครบ้าง อยู่ระหว่างการรอเอกสารให้เรียบร้อย และจากนั้นจะเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคอย่างเร่งด่วน ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยลงตัวในทุกเรื่อง
เมื่อถามว่า การที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาโจมตีทำให้กระแสของพรรคภูมิใจไทยลดลงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราได้เร่งทำโพลและผลออกมาว่าไม่มีผลกระทบต่อกระแสของพรรคภูมิใจไทย ตรงกันข้ามคะแนนนิยมในตัวบุคคลของพรรค มีมากขึ้นด้วยซ้ำ
เมื่อถามว่า หลังการเลือกตั้งจะมีกติกาทางการเมืองแปลกๆออกมาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีใครรับกติกาแปลกๆ ต้องเป็นไปตามกติกาสากลที่เราทำกันอยู่ เช่น คนได้คะแนนสูงสุด ก็ต้องได้สิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล ถ้าจะจัดตั้งไม่สำเร็จ อันดับต่อไปก็จะจัดตั้งรัฐบาล สุดท้ายจะอยู่ว่าใครจะได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร อย่ากลัวรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะมันเกิดขึ้นได้ยาก และยังมีเวลา 60 วัน หลังเลือกตั้ง ที่จะรับรองผลการเลือกตั้ง มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล พูดคุยเจรจา เปลี่ยนแปลงอะไรทุกอย่างได้หมด ดังนั้น สิ่งที่พรรคการเมืองควรคิด ไม่คิดว่าจะจับมือกับใคร แต่จะทำอย่างไรให้ได้ ส.ส. เข้ามาในสภาให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ วันนี้คิดแค่นี้จริงๆ ในส่วนตัวตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ไปจนถึงวันที่ 14 พฤษภาคม ประสงค์จะลาราชการยาว คือระยะเวลาเดือนครึ่งได้หรือไม่ เพราะการประชุมประสานงานประสานงานกับส่วนราชการสามารถทำทางออนไลน์ได้
เมื่อถามว่า หากพรรคภูมิใจไทย ได้อันดับสองในการเลือกตั้ง และอันดับหนึ่งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ภูมิใจไทยจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า มีแนวทางอยู่แล้วที่ลำดับหนึ่งต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน เมื่อจัดตั้งไม่ได้ก็เป็นหน้าที่ของลำดับที่สองและลำดับที่สาม แต่ผลสุดท้ายจะมาจบที่เสียงข้างมาก ในสภาผู้แทนราษฎร เพราะจะนำไปสู่ความมีเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาล และการเป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่า จะมีความเป็นไปได้ที่มีสูตรการเมืองที่นายกรัฐมนตรีมาจากมาจากเสียงข้างน้อย จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับเลือกในสภา แต่ไม่เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายอนุทินกล่าวว่า โอ้โห แบบนั้นเหมือนตายทั้งเป็น คงไม่มีใครกล้าทำอย่างนั้น อย่าลืมว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่เราใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ในการกำหนดว่า สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)จะต้องมีส่วนร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ในที่สุดนายกรัฐมนตรีจะต้องอยู่ได้ เพราะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส.ว. มีหน้าที่พายเรือมาส่ง แต่จะอยู่คอยประคับประคองไม่ได้ มีปัญหาแล้วจะไปนั่งเรือ ส.ว. ไม่ได้ ส.ว. พายเรือมาส่งที่เรือ ส.ส. และสุดท้ายของ ส.ส. ที่พวกไม่มากพอไม่ได้ก็อยู่ แล้วใครอยากจะอยู่ในสภาพนั้น พร้อมย้ำว่า ตนไม่กังวลตรงนั้น ถ้ารวบรวมเสียงสนับสนุนไม่ถึงครึ่งหนึ่งของ ส.ส. บอกเลยว่าจะตั้งรัฐบาลยาก ลำบากแน่นอน นี่คือเหตุผลที่พยายามจะบอกว่า ทำอย่างไรให้ได้เสียงในสภามากที่สุด จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การบริหารราชการทางการเมืองเป็นไปได้เรียบร้อยมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ พรรคภูมิใจไทยยืนยันได้ว่า มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คือ ตนเองเพียงคนเดียวและเป็นบัญชีรายชื่อลำดับหนึ่ง ตามกติกา.-สำนักข่าวไทย