สมุทรปราการ 23 มี.ค.- “ธนาธร-ไอติม” นำทัพว่าที่ผู้สมัครฯ ก้าวไกลสมุทรปราการ 8 เขต ลงพื้นที่แนะนำตัว ชี้ ประเทศไทยจะไปต่อ ต้องเปลี่ยนการเมือง
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล ร่วมหาเสียงกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล ตลอดทั้งวัน
โดยช่วงเช้า นายธนาธรและนาวพริษฐ์ ลงพื้นที่ชุมชน ย่าน อ.พระสมุทรเจดีย์ พบปะพูดคุยกับประชาชนภายในหมู่บ้านสยามนิเวศน์ 1 และ 2 ร่วมกับ บุญเลิศ แสงพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 7 ก่อนเดินทางมายังตลาดเทศบาลเมืองพระประแดง ร่วมเดินหาเสียงพบปะชาวตลาดและชุมชนกับ วีรภัทร คันธะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 6
จากนั้นช่วงบ่าย เดินทางไปยังตลาดปากน้ำและชุมชนโดยรอบ ร่วมกับ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 1 และ น.ส.รัชนก สุขประเสริฐ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 2 ก่อนร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงที่ อ.สำโรง ร่วมกับ นายพิชัย แจ้งจรรยาวงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 3, นายวุฒินันท์ บุญชู ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 4, น.ส.นิตยา มีศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 และ นายตรัยวรรธน์ อิ่มใจ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 8
ในช่วงหนึ่งของการปราศรัย นายธนาธร ระบุว่าวันนี้ตนเดินตลาดมาทั้งวัน ก่อนหน้านี้ก็ได้เดินตลาดมาในทุกภาค พ่อค้าแม่ขายและประชาชนทุกที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไปต่อไม่ไหวแล้ว นี่คือผลพวงจากวิกฤติโควิดที่ไม่ได้เป็นความผิดของประชาชนเลย และนี่ยิ่งเป็นเหตุผลให้ประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างรัฐสวัสดิการขึ้นมา เพราะหากประชาชนอยู่ในสภาพอ่อนล้าเช่นนี้ ประเทศชาติจะเข้มแข็งได้อย่างไร
ประเทศไทยไม่สามารถสร้างอนาคตจากการแจกเงินอย่างเดียว แต่ต้องสร้างอุตสาหกรรมใหม่มาสร้างงานให้ประชาชน รองรับคนจบการศึกษาใหม่ปีละ 7-8 แสนตำแหน่ง ทุกวันนี้อุตสาหกรรมหลักของประเทศ ทั้งยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ล้วนแต่ไม่ได้เป็นอุตสาหกรรมของคนไทย และไม่สามารถพาประเทศไปไกลกว่านี้แล้ว ประเทศไทยสามารถสร้างอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมา มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองได้มากมายจากปัญหาที่ดำรงอยู่ เช่น รถเมล์ไฟฟ้า เพื่อแก้ทั้งปัญหามลพิษ การจราจร และการเข้าไม่ถึงระบบขนส่งสาธารณะของคนไทย ไปได้พร้อมๆ กัน เป็นต้น
นายธนาธร กล่าวว่า ทั้งหมดจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าการเมืองยังเป็นแบบนี้อยู่ จะสร้างสังคมและประเทศไทยที่มีอนาคต จะต้องมีการปฏิรูปในเรื่องยากๆ ในเรื่องที่จะต้องเจอตอ เช่น การปฏิรูปกองทัพ การต่อสู้กับทุนผูกขาด ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ และวันนี้พรรคที่ตนเห็นว่ามีเจตจำนงปฏิรูปในเรื่องยากๆ กล้าชนปัญหาที่ต้นตอแบบนี้ ก็มีอยู่เพียงพรรคเดียวเท่านั้นคือพรรคก้าวไกล
หลายคนบอกว่าพรรคอนาคตใหม่มาจนเป็นพรรคก้าวไกลในวันนี้เป็นพรรคที่สุดโต่ง แต่ความจริงแล้วทุกข้อเสนอของพรรคก้าวไกลคือข้อเสนอขั้นต่ำของทุกประเทศที่เจริญแล้วบนโลก คำถามคือสรุปแล้วพรรคก้าวไกลสุดโต่งหรือประเทศของเราล้าหลังเกินไปกันแน่ และการที่คนจำนวนหนึ่งไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงเป็นเพราะระบบแบบนี้กำลังเอื้อประโยชน์ให้คุณอยู่ใช่หรือไม่ ไม่ต้องไปมองที่ไหนไกล สมุทรปราการเป็นเมืองใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศไทย แต่คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นบ้างหรือไม่ภายใต้ระบบที่เป็นมา น้ำในคลอง ขยะหน้าบ้าน ฟุตบาทริมทาง ถนนหนทาง ดีขึ้นบ้างหรือไม่ จากการเมืองแบบเดิม
นายธนาธร กล่าวอีกไป ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีความสำคัญมาก หนึ่งเสียงของทุกคนกำหนดอนาคตของประเทศไทยได้ ขออย่าชินชากับการเมืองแบบเดิมๆ ที่ไล่เก็บบัตรประชาชนก่อนวันเลือกตั้ง ความยากจน ความไม่ยุติธรรม การเอารัดเอาเปรียบ จนยอมรับและรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ทั้งที่ความจริงแล้วอำนาจอยู่ในมือของทุกคน ที่จะทำให้ชีวิตของเราดีกว่านี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องยอมจำนน
“ภารกิจของคนรุ่นเรา คือการส่งต่อสังคมที่ดีกว่านี้ให้คนรุ่นต่อไปลำบากน้อยกว่าเรา อำนาจคือบัตรเลือกตั้งของทุกคน พรรคก้าวไกลเพียงลำพังไม่พอจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ต้องอาศัยแรงจากทุกคนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง อย่าให้ความอยุติธรรมเป็นส่วนหนึ่งจนชาชิน เพราะเราสร้างสังคมและประเทศที่ดีกว่านี้ให้ลูกหลานของเราได้” นายธนาธรกล่าว .-สำนักข่าวไทย