พิจิตร 11 มี.ค.-‘แพทองธาร’ ควง ‘เศรษฐา’ กราบหลวงพ่อเพชร พระคู่บ้านคู่เมือง จ.พิจิตร ก่อนปราศรัยใหญ่ปลุกเลือก ‘เพื่อไทย’ แลนด์สไลด์เมืองชาละวัน ด้าน ‘เศรษฐา’ เตรียมปราศรัยเรื่องจริงที่ปรากฏในบ้านเมือง น้อมรับคำเตือน ‘วันชัย-ชูวิทย์’
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 11 มี.ค. 2566 ที่วัดท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย เขต 1 นายปุณยวัจน์ เหลืองวิจิตร เขต 2 นายภูดิท อินสุวรรณ์ อดีต ส.ส.พิจิตร พรรคพลังประชารัฐ เขต 3 นายวิชัย ด่านวิจิตร ร่วมสักการะหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสนอายุกว่า 800 ปี ซึ่งหล่อทองด้วยสำริด โดยวัดท่าหลวง เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดพิจิตร สร้างขึ้นเมื่อปี 2388 ในสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3
ภายหลัง นพ.ชลน่าน น.ส.แพทองธาร นายเศรษฐา พร้อมคณะได้สักการะหลวงพ่อเสร็จสิ้น ได้มีประชาชนมอบภาพวาด ให้กับ น.ส.แพทองธาร ด้วย
จากนั้น น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ถึงการขึ้นเวทีปราศรัยที่จังหวัดพิจิตรว่า ก็คิดว่าวันนี้จะแนะนำนายเศรษฐา ให้ประชาชนได้เห็น ก็จะได้มาปราศรัยด้วยกันกับทีมพรรคเพื่อไทย ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นที่ปรึกษาและอยู่ในทีมเศรษฐกิจด้วย
ด้าน นายเศรษฐา ระบุถึงการขึ้นเวทีปราศรัยที่จังหวัดพิจิตรเป็นครั้งแรกว่า “ก็จริงๆ แล้ว เรื่องที่จะพูดไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นครั้งแรกที่จะได้พบปะกับพี่น้องประชาชนในเวทีใหญ่”
ถามว่า ได้ปรึกษากับ น.ส.แพทองธาร ที่เจนในเวทีปราศรัยแล้วหรือไม่ ทำให้ น.ส.แพทองธาร ตอบทันทีว่า “โอ้โห เกินไปๆ คุณเศรษฐาก็พูดบ่อยอยู่แล้วในเวทีธุรกิจ” ขณะที่นายเศรษฐา บอกว่าการปราศรัยเมื่อพูดออกมาก็ไหลลื่นไปเอง แต่การปราศรัยจะคนละโทนกับเวทีธุรกิจ “
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “เขาเพิ่มความตื่นเต้นให้เรา” ขณะที่นายเศรษฐากล่าวว่า คงไม่ต้องมีมุกอะไรในการปราศรัย เพราะก็เป็นความจริงที่ปรากฏอยู่ในบ้านเมืองอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า พื้นที่ ส.ส.เขตที่ผ่านมาเป็นของพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทยจะทำให้แลนด์สไลด์ใน จ.พิจิตรได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ระบุว่า เรามีความมั่นใจอย่างมาก ในนโยบายของเรา โดยคนที่เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร 3 เขตนั้น ครั้งนี้เราก็มีความมั่นใจแต่ก็ต้องได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนและพรรคก็ขอ ส.ส.ทั้ง 3 คนด้วย
นายเศรษฐา กล่าวถึงกรณีนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ออกมาเตือนหาก เป็นนักการเมืองต้องทิ้งภาพนักธุรกิจว่า ก็เป็นคำเตือน ซึ่งน้อมรับ โดยการที่ตนเข้ามาทำงานการเมืองก็มีขั้นตอนจะสลัดภาพ ตัวเองออกจากนักธุรกิจออกไป ไม่ว่าจะเป็นการลางานโดยไม่รับผลตอบแทนโอนหุ้นให้บุตรธิดา ก็ต้อง ดำเนินการจ่ายภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว แสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วนในระยะยาวก็ขอให้ดูกันต่อไปแล้วกัน ก็ขอขอบคุณสำหรับคำเตือนของนายวันชัย ก็จะไม่ลืมจะปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อเอาบ้านเมืองและประชาชนเป็นที่ตั้ง
ถามย้ำว่า ถ้าสลัดภาพไม่ออกก็จะซ้ำรอยเหมือน ดร.ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ระบุว่า “ผมตอบไปแล้วนะครับ ก็เป็นคำตอบอย่างนััน ก็ขอให้ดูไป” เมื่อถามย้ำอีกว่า ไม่กังวล จะซ้ำรอยเดิมกับที่พรรคเพื่อไทยเคยเจอมา นายเศรษฐา ระบุว่า ตนคิดว่าระยะเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์อย่างหนึ่งว่า ในอดีตได้เกิดอะไรขึ้น หลายๆ เรื่องไม่ว่า การรัฐประหาร การปกครองบ้านเมืองที่จริงๆแล้วเราก็ต้องดูกันไป ส่วนตนเพิ่งเข้ามา ยังไม่ได้เป็นอะไรนอกจากประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเท่านั้น
น.ส.แพทองธาร กล่าวเสริมว่า สิ่งที่ตนเองเห็นก็คือ ดร.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองอย่างมากมาย การที่เรายังขึ้นเวทีพูดถึงนโยบายเมื่อ 20 ปีที่แล้วยังสามารถใช้ได้และเพิ่มเทคโนโลยีเข้าไป ตนคิดว่าจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าประชาชนได้รับประโยชน์อะไรบ้างจากดร.ทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เคย เป็นนักธุรกิจมาก่อนก็แล้วแต่มุมมองของคน ตนก็รับฟังเช่นกัน
ถามถึงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทยที่ออกมาขย่มรายวัน นายเศรษฐา ต้นคิดว่าเป็นการเตือนมาแล้ว คงคิดว่าไม่มีอะไร ตนก็ขอน้อมรับไว้ และตนได้ตอบไปแล้วในหลายๆคำถาม ยืนยันไม่ได้กังวลใดๆ ตนรู้จักนายชูวิทย์ เพราะเป็นนักธุรกิจมา 30 กว่าปี รู้จักคนเยอะก็คงเป็นคำเตือน วิธีการเตือนของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปซึ่งก็ขอน้อมรับไว้ ทั้งนี้คงไม่จำเป็นต้องไปสื่อสารกับ นายชูวิทย์เพราะสิ่งที่นายชูวิทย์ได้พูดออกมานั้นก็เป็นการเตือนอยู่แล้ว ตนก็รับฟังแล้ว
“ผมว่าการที่ก้าวเข้าไปจากการเป็นนักธุรกิจการเมืองและเปลี่ยนบทบาทเป็นนักการเมืองจะบอกว่าไม่กลัวอะไรเลยมันก็ไม่ใช่ก็ยอมรับว่ามันมีความหวาดระแวงกลัวมากที่สุดกลัว แต่ที่กลัวมากที่สุดก็คือกลัวว่าจะไม่สามารถทำประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนได้ เพราะฉะนั้น เพราะฉะนั้นการลงพื้นที่วันนี้คือการมาพบปะกับพี่น้องประชาชนประชาชนพบกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ น่าจะเป็นบันไดขั้นหนึ่งที่ส่งต่อให้เรา มีสิทธิ์เข้าไปจัดการบริหารบ้านเมือง หวังว่าพี่น้องชาวพิจิตรคงจะเลือกพรรคเพื่อไทยยกทั้ง 3 เขต เพื่อให้ ส.ส. 310 เสียง ถือว่าเป็น คำเตือนเพราะเราอยู่ในพื้นที่ของสาธารณะที่ต้องรับคำเตือนคำแนะนำอยู่ที่การปฏิบัติตัวของตัวเราเองมากกว่า”.-สำนักข่าวไทย