มท.1 เน้นย้ำผู้ว่าฯ ต้องเป็นพ่อเมืองที่บริหารจัดการพื้นที่ทุกมิติ

กทม. 10 มี.ค.- มท.1 มอบนโยบายผู้บริหาร มท. – ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เน้นย้ำ ผู้ว่าฯ ต้องเป็นพ่อเมืองที่บริหารจัดการพื้นที่ในทุกมิติ พร้อมเร่งยกระดับการแก้ปัญหา PM2.5 ปัญหายาเสพติด และขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการขยะอย่างจริงจัง


วันนี้ (10 มี.ค. 66) เวลา 09.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทยให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยนายนริศ ขำนุรักษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.3) ร่วมมอบนโยบายด้วย โดยมี นายอนุชา โมกขะเวส ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารฝ่ายการเมือง คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม นายสมคิด จันทมฤก นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายธนิศร์ วงศ์ปิยะสถิตย์ นางสาวสิริมา วัฒโน นายสุภกิณห์ แวงชิน ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายรัฐพล นราดิศร รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แพทย์หญิงวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้แทนกรม ผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องทำหน้าที่เป็น “พ่อเมือง” เป็นผู้นำการบริหารพื้นที่ และเป็นผู้นำการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขเพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความเป็นอยู่ชีวิตที่ดี ทั้งการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย การส่งเสริมด้านการทำมาหากินและการหารายได้ของพี่น้องประชาชนซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยหยิบยกตัวอย่างกรณีการส่งเสริมการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ในทุกมิติ ทั้งการทอ การตัดเย็บผ้าไทย ผ้าขาวม้า หรือผ้าชนิดอื่น ๆ ตามอัตลักษณ์ของท้องถิ่นไทย ซึ่งที่ผ่านมาองค์กรภาครัฐยังขับเคลื่อนได้ระดับหนึ่ง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเป็นผู้นำการพัฒนาและร่วมกันบูรณาการกับทุกภาคส่วนช่วยกันสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน


“ในด้านปัญหายาเสพติดและการดูแลฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม เป็นประเด็นสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องตระหนักและต้องจริงจังในการแก้ไขปัญหา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ผอ.รมน.จังหวัด) ต้องจับมือกับทุกภาคส่วน ทั้งทหาร ตำรวจ สาธารณสุข วัด สถานศึกษา และภาคประชาสังคม ที่เป็นภาคีเครือข่าย ผนวกกำลังกับนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ระดมสรรพกำลังช่วยกันลด Demand Side และ Supply Side ของยาเสพติดให้ได้ ภายใต้แนวทางในการทำงาน (Framework) ที่เป็นโมเดลอย่างชัดเจน โดยในการลด Demand Side ที่เป็นต้นน้ำนั้น จะต้องไม่ให้มีผู้เสพรายใหม่เกิดขึ้น เริ่มต้นจากการทำให้สถาบันครอบครัวมีความเข้มแข็ง เพราะครอบครัวสำคัญที่สุด หากเราทำให้ไม่มี Demand Side ก็จะไม่เกิด Supply Side และปัญหายาเสพติดก็จะหมดไปจากสังคมไทยได้ นอกจากนี้ ในด้านการติดตามผู้ได้รับการบำบัดฟื้นฟู ให้ใช้กลไกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงไปติดตาม (Follow up) ดูแลผู้ป่วยยาเสพติดไม่ให้กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก พร้อมทั้งให้กำลังใจครอบครัว ช่วยประคับประคองดูแลให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น ด้วยความเข้าใจ และติดตามถามไถ่อย่างต่อเนื่อง” มท.1 กล่าวในช่วงต้น

มท.1 กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า เพื่อลดมลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ที่หลายพื้นที่กำลังประสบอยู่ในขณะนี้ ให้บูรณาการทุกหน่วยเข้มงวดกวดขันมาตรการที่สอดคล้องกับระดับของค่าฝุ่นละอองในพื้นที่ และหากว่ามีค่าฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องใช้มาตรการตามกฎหมาย ไม่ให้มีการกระทำกิจกรรมใด ๆ ที่ก่อให้เกิดมลพิษโดยเร่งด่วน ทั้งด้านการสัญจร-คมนาคม การก่อสร้างที่พักอาศัย หรือโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงกับสภาวะอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเผาในที่โล่ง การเผาในพื้นที่ป่า ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย ต้องสร้างความรับรู้เข้าใจกับประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแลและหากพบผู้กระทำความผิดต้องเร่งดำเนินคดีโดยทันที พร้อมทั้งให้ความรู้และระดมทีมระดับจังหวัดหาวิธีการที่นำเศษซากที่เหลือจากการเกษตรไปทำกระบวนการอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดประโยชน์ เช่น ทำถ่าน ทำฟืน เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดมลพิษมากขึ้นและกำหนดมาตรการแก้ปัญหาในระยะยาวให้ได้

“ในด้านการบริการภาครัฐที่ต้องปรับตัวให้สอดรับกับพลวัตความเปลี่ยนแปลงที่ก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบัน ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบและใช้งานแอปพลิเคชัน ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองได้พัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) เพื่ออำนวยความสะดวกและสนองตอบความต้องการของพี่น้องประชาชนในการติดต่อกับราชการโดยไม่ต้องเดินทางไปที่สำนักงานทะเบียน และให้กรมการปกครอง ได้ประสานความร่วมมือรวมทั้งชี้แจงให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทุกสังกัดได้รับทราบและเชื่อมต่อระบบฐานข้อมูลของหน่วยงานนั้น ๆ กับ DOPA-Digital ID เพื่ออำนวยความสะดวกและทำให้การบริการประชาชนในทุกมิติสอดรับกับการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน ซึ่งพร้อมที่จะเปิดตัวในชื่อแอปพลิเคชัน “ThaID”” มท.1 กล่าวเพิ่มเติม


พลเอก อนุพงษ์ฯ ยังได้กล่าวถึง การเตรียมความพร้อมสนับสนุนการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะถึงนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้นำท้องที่ เตรียมการสนับสนุนทั้งด้านสถานที่และบุคลากร การสนธิกำลังพลในการอำนวยความสะดวกในพื้นที่เลือกตั้ง รวมไปถึงการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ โดยเน้นย้ำว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ข้าราชการ กำนัน และผู้ใหญ่บ้านทุกคนเป็นข้าราชการและเป็นคนของทางราชการที่ต้องรับใช้พี่น้องประชาชน ดังนั้น ต้องวางตัวที่เป็นกลางทางการเมือง ตั้งมั่นทำหน้าที่ของตนอย่างสุจริต พร้อมทั้งกล่าวถึงการดำเนินงานในฐานะนายทะเบียนการจัดตั้งมูลนิธิ หรือการประกอบกิจการใด ๆ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามลงพื้นที่ตรวจสอบใบอนุญาตจัดตั้งมูลนิธิที่ผิดกฎหมายหรือมูลนิธิที่ไม่ดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับ หากพบเจอสามารถขอคำสั่งศาลเพื่อยกเลิกมูลนิธินั้นในทันที และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบวีซ่า (VISA) การทำงานของผู้ประกอบการชาวต่างชาติว่ามีใบอนุญาตและเอกสารที่เกี่ยวข้องถูกต้องหรือไม่ เพื่อป้องกันการแอบแฝงของนายทุนต่างชาติที่จะเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายหรือกระทำการโดยมิชอบภายในประเทศ อย่างเคร่งครัด

พลเอก อนุพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้ายว่า ในเรื่องการแก้ไขปัญหาขยะที่เป็นปัญหาหมักหมมและส่งผลกระทบทำให้เกิดภาวะโลกร้อน เพราะทุกวันนี้มีการทิ้งขยะไม่ถูกที่และไม่ทิ้งในที่ทิ้งขยะ ทำให้เรามักพบขยะได้ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่สาธารณะ ท่อระบายน้ำ แม่น้ำลำคลอง รวมไปถึงทะเล ซึ่งถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีกระบวนการจัดการขยะที่ดี แต่ถ้าคนทิ้งขยะไม่นำขยะไปทิ้งให้ถูกที่ แม้จะมีมาตรการดีแค่ไหน ก็ไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนันและผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนถึงคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ต้องช่วยกันควบคุมดูแล รณรงค์ส่งเสริมให้ชาวบ้านทิ้งขยะในที่ทิ้ง ตลอดจนสร้างเสริมนิสัยการเก็บขยะ เป็นมนุษย์ 3ช (3Rs) ใช้น้อย Reduce ใช้ซ้ำ Reuse นำกลับมาใช้ใหม่ Recycle และกำหนดให้หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมรับผิดชอบพื้นที่บริเวณโดยรอบ รวมถึงการจัดการน้ำเสีย ซึ่งที่กล่าวมาเป็น ความท้าทาย (Challenge) ของผู้ว่าราชการจังหวัด ที่จะทำให้พื้นที่ของเราเป็น “จังหวัดสะอาด” สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงมหาดไทยที่ครอบคลุมไปถึงเรื่องการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน และการส่งเสริมต่อยอดคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยน้อมนำพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มุ่งสร้างความมั่นคงทางอาหาร ส่งเสริมการปลูกพืชผักสวนครัว และการพึ่งพาตนเอง เฉกเช่นที่พระองค์ให้ความสำคัญกับ “ดิน”และ “น้ำ” ที่เป็นพื้นฐานสำคัญของมนุษย์โลก โดยเน้นย้ำว่า “ทำอย่างไรให้มีกินก่อน” ทำให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมีความสุขในการดำเนินชีวิต นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

ด้านนายนริศ ขำนุรักษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันโลกเราเข้าสู่โลกของเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต้องมีการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดและดำเนินต่อไปได้ กระทรวงมหาดไทยจึงมีนโยบายผลักดันให้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานเพื่ออำนวยความสะดวกและสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนให้เกิดเป็นรูปธรรม อีกประการหนึ่ง คือ เรื่องการอุปโภคบริโภคของพี่น้องประชาชน ประเทศไทยกำลังเข้าสู่หน้าแล้ง จึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการบริหารจัดการน้ำด้วย ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมีหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ คือ องค์การจัดการน้ำเสีย ที่สามารถเป็นผู้ช่วยและที่ปรึกษาด้านวิชาการในการดำเนินงานของผู้ว่าราชการจังหวัดได้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาค ท้องถิ่น และประชาชน และขอฝากให้เน้นย้ำข้าราชการทุกคนต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง เพราะเราจะมีผู้นำที่ดีได้ต้องมาจากการเลือกตั้งที่ดี .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

“เท้ง” เมินออปชันสุดท้ายเพื่อไทย มั่นใจ สส.ปชน.ไม่แตกแถว ย้ำไม่มีฟรีโหวต

รัฐสภา 4 ก.ย.- “เท้ง” ลั่น ไม่เสียดาย-ไม่ทบทวนมติโหวต “อนุทิน” นั่งนายกฯ เมินออปชันสุดท้ายเพื่อไทย ซัดไม่จริงใจ-ปล่อยข่าวชิงการเมือง มั่นใจ สส.พรรคประชาชน ไม่แตกแถว-ไม่มีฟรีโหวต นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ปฏิเสธกรณีที่มีกระแสข่าวความเห็นต่างภายในพรรคฯ ต่อการลงมติเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ย.) ว่า ไม่ได้มีความเห็นที่แตกต่างกันภายในพรรค และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จนถึงตลอดทั้งวัน ก็มีความชัดเจนแล้วว่า พรรคเพื่อไทย ยุติกระบวนการยุบสภา และเดินหน้าเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมย้ำว่า กระบวนการตัดสินใจของพรรคประชาชน สิ้นสุดลงตั้งแต่คณะกรรมการบริหารพรรคฯ แถลงข่าว และลงนามร่วมกับพรรคภูมิใจไทยแล้ว ส่วนข้อเสนอไพ่ใบสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย ที่จะยุบสภาทันทีหากนายชัยเกษม ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภานั้น หัวหน้าพรรคประชาชน ระบุว่า ถ้ามีการเสนอมาก่อนหน้านี้ และมีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ ก่อนพรรคฯ จะมีมติ ตนเชื่อว่า ตน และสส.ภายในพรรค จะรับไว้พิจารณา แต่กระบวนการที่ผ่านมา ยังคงมีการให้ข่าวกลับไป […]

ทบ.ชี้กัมพูชายั่วยุละเมิดข้อตกลง เกณฑ์คนประท้วงบ้านหนองจาน

4 ก.ย.- ทบ. เผยกรณีชาวกัมพูชาประท้วงที่บ้านหนองจาน ชี้เป็นการยั่วยุละเมิดข้อตกลงหยุดยิง กองกำลังบูรพาพร้อมตำรวจควบคุมฝูงชนเตรียมกำลังเพื่อป้องกันอธิปไตยและการกระทำผิดกฎหมาย วันนี้ (4 ก.ย.68) กองทัพบกได้รับรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ว่าพบประชาชนชาวกัมพูชาประมาณ 150 คน เข้ามารวมตัวประท้วงแสดงความไม่พอใจในบริเวณใกล้กับหลักเขตแดนที่ 46 บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยพบว่าประชาชนบางส่วนมีลักษณะพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แสดงท่าทียั่วยุเจ้าหน้าที่ พกพาไม้เป็นอาวุธ และบางรายมีลักษณะเป็นแกนนำของมวลชน ซึ่งสังเกตได้จากการใช้และพกพาวิทยุสื่อสารประจำตัว พร้อมพบว่ามีทหารกัมพูชาคอยสังเกตการณ์และร่วมอยู่ในกลุ่มมวลชนชาวกัมพูชาด้วย ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 โดยกองกำลังบูรพา ได้จัดกำลังพลร่วมกับชุดควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรสระแก้ว เข้าควบคุมสถานการณ์ พร้อมเตรียมดำเนินการกับกลุ่มผู้ประท้วง หากพบว่ามีการรุกล้ำอธิปไตยไทยและกระทำผิดกฎหมายในทันที ล่าสุด พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่าเมื่อเวลา 13.30 น. กองกำลังบูรพาได้รายงานเพิ่มเติมว่าทางกัมพูชามีการเกณฑ์ประชาชน ทั้งจากนอกพื้นที่ และที่สัญจรผ่านไปมา เข้ามาร่วมประท้วงและแสดงท่าทียั่วยุต่อทหารไทยในพื้นที่เพิ่มเติม ซึ่งการกระทำในครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงที่ทั้งไทยและกัมพูชาได้มีมติเห็นพ้องร่วมกันในการดำเนินการ จากการประชุม GBC และ RBC ที่ผ่านมา รวมทั้งโฆษกกองทัพบกได้ย้ำว่า […]

“ภูมิธรรม” โพสต์แจง 2 ฉบับ ย้ำเจตนารมณ์รัฐบาลคืนอำนาจให้ ปชช.

กทม. 4 ก.ย.- “ภูมิธรรม” โพสต์ข้อความชี้แจง 2 ฉบับ “เพื่อความกระจ่างชัดเรื่องการยุบสภา – เดินหน้าตามครรลองประชาธิปไตย” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจง 2 ฉบับ “เพื่อความกระจ่างชัดเรื่องการยุบสภา – เดินหน้าตามครรลองประชาธิปไตย” โดยฉบับที่ 1 ระบุว่า “เพื่อความกระจ่างชัดเรื่องการยุบสภา” ในช่วงที่การเมืองยังสับสน ผมขอเรียนชี้แจงให้เกิดความกระจ่างชัดในประเด็นร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรดังนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร และส่งให้สำนักงานองคมนตรีพิจารณาแล้วเมื่อเย็นวันที่ 2 กันยายน 2568 ต่อมาได้รับแจ้งจากสำนักงานองคมนตรี ว่ายังมีประเด็นข้อกฎหมายที่มีการโต้แย้งและยังไม่เป็นข้อยุติ โดยเฉพาะประเด็นอำนาจของรองนายกรัฐมนตรีผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีในการถวายคำแนะนำ จึงยังไม่เห็นสมควรนำร่างพระราชกฤษฎีกาขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในเวลานี้ รัฐบาลเคารพในขั้นตอนและหลักนิติธรรมทุกประการ และจะนำกลับมาทบทวนและพิจารณาเพื่อให้เกิดความเหมาะสมถูกต้อง แต่ขอย้ำชัดว่า เจตนารมณ์ของรัฐบาลคือการคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด จากนั้นได้โพสต์ ฉบับที่ 2 “เดินหน้าตามครรลองประชาธิปไตย” ระบุ เมื่อพรรคประชาชนได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะโหวตสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย และมีการบรรจุวาระเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว ทุกพรรคการเมืองต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตน ให้ประชาชนได้เห็นว่ากลไกสภายังคงทำงานตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ สำหรับพรรคเพื่อไทย เราพร้อมเสนอชื่อศาสตราจารย์ชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี และขอยืนยันต่อประชาชนว่า หากเราได้รับเสียงสนับสนุน […]

ชาวกัมพูชาลุกฮือประชิดชายแดนบ้านหนองจาน

4 ก.ย. – สระแก้วตึงเครียด! ชาวกัมพูชาลุกฮือประชิดชายแดนบ้านหนองจาน หลังไทยปักป้ายประกาศให้ออกจากพื้นที่ ขณะที่จังหวัดสุรินทร์ เจ้าหน้าที่พบหลักฐานชิ้นสำคัญลูกเหล็กสะเก็ดระเบิด “Ball Bearing” ในบ้านประชาชนเหยื่อจรวด BM-21 สถานการณ์ล่าสุดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา บ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย นำโดยกำลังทหาร กรมป่าไม้ ตำรวจตระเวนชายแดน และฝ่ายปกครองในพื้นที่ ได้ร่วมกันติดตั้งป้ายประกาศ 3 ภาษา (ไทย–อังกฤษ–เขมร) เพื่อแจ้งเตือนให้ชาวกัมพูชาที่บุกรุกเข้ามาในพื้นที่เขตไทย ออกจากบริเวณดังกล่าวโดยทันที หากฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำในพื้นที่เกินกว่า 25 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 2 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป การติดตั้งป้ายดังกล่าว ทำให้กลุ่มชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่บริเวณแนวชายแดนไม่พอใจ และได้รวมตัวกันจำนวนหนึ่ง เคลื่อนเข้ามาใกล้แนวชายแดนฝั่งไทย […]