มท.1 เน้นย้ำผู้ว่าฯ ต้องเป็นพ่อเมืองที่บริหารจัดการพื้นที่ทุกมิติ

กทม. 10 มี.ค.- มท.1 มอบนโยบายผู้บริหาร มท. – ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เน้นย้ำ ผู้ว่าฯ ต้องเป็นพ่อเมืองที่บริหารจัดการพื้นที่ในทุกมิติ พร้อมเร่งยกระดับการแก้ปัญหา PM2.5 ปัญหายาเสพติด และขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการขยะอย่างจริงจัง


วันนี้ (10 มี.ค. 66) เวลา 09.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทยให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยนายนริศ ขำนุรักษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.3) ร่วมมอบนโยบายด้วย โดยมี นายอนุชา โมกขะเวส ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารฝ่ายการเมือง คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม นายสมคิด จันทมฤก นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายธนิศร์ วงศ์ปิยะสถิตย์ นางสาวสิริมา วัฒโน นายสุภกิณห์ แวงชิน ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายรัฐพล นราดิศร รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แพทย์หญิงวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้แทนกรม ผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องทำหน้าที่เป็น “พ่อเมือง” เป็นผู้นำการบริหารพื้นที่ และเป็นผู้นำการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขเพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความเป็นอยู่ชีวิตที่ดี ทั้งการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย การส่งเสริมด้านการทำมาหากินและการหารายได้ของพี่น้องประชาชนซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยหยิบยกตัวอย่างกรณีการส่งเสริมการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ในทุกมิติ ทั้งการทอ การตัดเย็บผ้าไทย ผ้าขาวม้า หรือผ้าชนิดอื่น ๆ ตามอัตลักษณ์ของท้องถิ่นไทย ซึ่งที่ผ่านมาองค์กรภาครัฐยังขับเคลื่อนได้ระดับหนึ่ง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเป็นผู้นำการพัฒนาและร่วมกันบูรณาการกับทุกภาคส่วนช่วยกันสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน


“ในด้านปัญหายาเสพติดและการดูแลฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม เป็นประเด็นสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องตระหนักและต้องจริงจังในการแก้ไขปัญหา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ผอ.รมน.จังหวัด) ต้องจับมือกับทุกภาคส่วน ทั้งทหาร ตำรวจ สาธารณสุข วัด สถานศึกษา และภาคประชาสังคม ที่เป็นภาคีเครือข่าย ผนวกกำลังกับนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ระดมสรรพกำลังช่วยกันลด Demand Side และ Supply Side ของยาเสพติดให้ได้ ภายใต้แนวทางในการทำงาน (Framework) ที่เป็นโมเดลอย่างชัดเจน โดยในการลด Demand Side ที่เป็นต้นน้ำนั้น จะต้องไม่ให้มีผู้เสพรายใหม่เกิดขึ้น เริ่มต้นจากการทำให้สถาบันครอบครัวมีความเข้มแข็ง เพราะครอบครัวสำคัญที่สุด หากเราทำให้ไม่มี Demand Side ก็จะไม่เกิด Supply Side และปัญหายาเสพติดก็จะหมดไปจากสังคมไทยได้ นอกจากนี้ ในด้านการติดตามผู้ได้รับการบำบัดฟื้นฟู ให้ใช้กลไกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงไปติดตาม (Follow up) ดูแลผู้ป่วยยาเสพติดไม่ให้กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก พร้อมทั้งให้กำลังใจครอบครัว ช่วยประคับประคองดูแลให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น ด้วยความเข้าใจ และติดตามถามไถ่อย่างต่อเนื่อง” มท.1 กล่าวในช่วงต้น

มท.1 กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า เพื่อลดมลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ที่หลายพื้นที่กำลังประสบอยู่ในขณะนี้ ให้บูรณาการทุกหน่วยเข้มงวดกวดขันมาตรการที่สอดคล้องกับระดับของค่าฝุ่นละอองในพื้นที่ และหากว่ามีค่าฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องใช้มาตรการตามกฎหมาย ไม่ให้มีการกระทำกิจกรรมใด ๆ ที่ก่อให้เกิดมลพิษโดยเร่งด่วน ทั้งด้านการสัญจร-คมนาคม การก่อสร้างที่พักอาศัย หรือโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงกับสภาวะอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเผาในที่โล่ง การเผาในพื้นที่ป่า ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย ต้องสร้างความรับรู้เข้าใจกับประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแลและหากพบผู้กระทำความผิดต้องเร่งดำเนินคดีโดยทันที พร้อมทั้งให้ความรู้และระดมทีมระดับจังหวัดหาวิธีการที่นำเศษซากที่เหลือจากการเกษตรไปทำกระบวนการอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดประโยชน์ เช่น ทำถ่าน ทำฟืน เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดมลพิษมากขึ้นและกำหนดมาตรการแก้ปัญหาในระยะยาวให้ได้

“ในด้านการบริการภาครัฐที่ต้องปรับตัวให้สอดรับกับพลวัตความเปลี่ยนแปลงที่ก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบัน ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบและใช้งานแอปพลิเคชัน ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองได้พัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) เพื่ออำนวยความสะดวกและสนองตอบความต้องการของพี่น้องประชาชนในการติดต่อกับราชการโดยไม่ต้องเดินทางไปที่สำนักงานทะเบียน และให้กรมการปกครอง ได้ประสานความร่วมมือรวมทั้งชี้แจงให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทุกสังกัดได้รับทราบและเชื่อมต่อระบบฐานข้อมูลของหน่วยงานนั้น ๆ กับ DOPA-Digital ID เพื่ออำนวยความสะดวกและทำให้การบริการประชาชนในทุกมิติสอดรับกับการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน ซึ่งพร้อมที่จะเปิดตัวในชื่อแอปพลิเคชัน “ThaID”” มท.1 กล่าวเพิ่มเติม


พลเอก อนุพงษ์ฯ ยังได้กล่าวถึง การเตรียมความพร้อมสนับสนุนการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะถึงนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้นำท้องที่ เตรียมการสนับสนุนทั้งด้านสถานที่และบุคลากร การสนธิกำลังพลในการอำนวยความสะดวกในพื้นที่เลือกตั้ง รวมไปถึงการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ โดยเน้นย้ำว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ข้าราชการ กำนัน และผู้ใหญ่บ้านทุกคนเป็นข้าราชการและเป็นคนของทางราชการที่ต้องรับใช้พี่น้องประชาชน ดังนั้น ต้องวางตัวที่เป็นกลางทางการเมือง ตั้งมั่นทำหน้าที่ของตนอย่างสุจริต พร้อมทั้งกล่าวถึงการดำเนินงานในฐานะนายทะเบียนการจัดตั้งมูลนิธิ หรือการประกอบกิจการใด ๆ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามลงพื้นที่ตรวจสอบใบอนุญาตจัดตั้งมูลนิธิที่ผิดกฎหมายหรือมูลนิธิที่ไม่ดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับ หากพบเจอสามารถขอคำสั่งศาลเพื่อยกเลิกมูลนิธินั้นในทันที และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบวีซ่า (VISA) การทำงานของผู้ประกอบการชาวต่างชาติว่ามีใบอนุญาตและเอกสารที่เกี่ยวข้องถูกต้องหรือไม่ เพื่อป้องกันการแอบแฝงของนายทุนต่างชาติที่จะเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายหรือกระทำการโดยมิชอบภายในประเทศ อย่างเคร่งครัด

พลเอก อนุพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้ายว่า ในเรื่องการแก้ไขปัญหาขยะที่เป็นปัญหาหมักหมมและส่งผลกระทบทำให้เกิดภาวะโลกร้อน เพราะทุกวันนี้มีการทิ้งขยะไม่ถูกที่และไม่ทิ้งในที่ทิ้งขยะ ทำให้เรามักพบขยะได้ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่สาธารณะ ท่อระบายน้ำ แม่น้ำลำคลอง รวมไปถึงทะเล ซึ่งถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีกระบวนการจัดการขยะที่ดี แต่ถ้าคนทิ้งขยะไม่นำขยะไปทิ้งให้ถูกที่ แม้จะมีมาตรการดีแค่ไหน ก็ไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนันและผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนถึงคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ต้องช่วยกันควบคุมดูแล รณรงค์ส่งเสริมให้ชาวบ้านทิ้งขยะในที่ทิ้ง ตลอดจนสร้างเสริมนิสัยการเก็บขยะ เป็นมนุษย์ 3ช (3Rs) ใช้น้อย Reduce ใช้ซ้ำ Reuse นำกลับมาใช้ใหม่ Recycle และกำหนดให้หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมรับผิดชอบพื้นที่บริเวณโดยรอบ รวมถึงการจัดการน้ำเสีย ซึ่งที่กล่าวมาเป็น ความท้าทาย (Challenge) ของผู้ว่าราชการจังหวัด ที่จะทำให้พื้นที่ของเราเป็น “จังหวัดสะอาด” สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงมหาดไทยที่ครอบคลุมไปถึงเรื่องการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน และการส่งเสริมต่อยอดคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยน้อมนำพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มุ่งสร้างความมั่นคงทางอาหาร ส่งเสริมการปลูกพืชผักสวนครัว และการพึ่งพาตนเอง เฉกเช่นที่พระองค์ให้ความสำคัญกับ “ดิน”และ “น้ำ” ที่เป็นพื้นฐานสำคัญของมนุษย์โลก โดยเน้นย้ำว่า “ทำอย่างไรให้มีกินก่อน” ทำให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมีความสุขในการดำเนินชีวิต นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

ด้านนายนริศ ขำนุรักษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันโลกเราเข้าสู่โลกของเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต้องมีการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดและดำเนินต่อไปได้ กระทรวงมหาดไทยจึงมีนโยบายผลักดันให้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานเพื่ออำนวยความสะดวกและสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนให้เกิดเป็นรูปธรรม อีกประการหนึ่ง คือ เรื่องการอุปโภคบริโภคของพี่น้องประชาชน ประเทศไทยกำลังเข้าสู่หน้าแล้ง จึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการบริหารจัดการน้ำด้วย ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมีหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ คือ องค์การจัดการน้ำเสีย ที่สามารถเป็นผู้ช่วยและที่ปรึกษาด้านวิชาการในการดำเนินงานของผู้ว่าราชการจังหวัดได้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาค ท้องถิ่น และประชาชน และขอฝากให้เน้นย้ำข้าราชการทุกคนต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง เพราะเราจะมีผู้นำที่ดีได้ต้องมาจากการเลือกตั้งที่ดี .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]