ทำเนียบรัฐบาล 6 มี.ค.- นายกฯ ยินดีภาคอุตสาหกรรมการผลิตพลาสติกชีวภาพไทยเป็นอันดับ 2 ของโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยสู่ระดับสากล
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมการทำงานของทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้มีส่วนในการผลิตพลาสติกชีวภาพ ซึ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยแก้ปัญหาพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง ส่งเสริมการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น่ายินดีว่าประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ต่อจากสหรัฐ เนื่องจากมีวัตถุดิบ อาทิ อ้อย และมันสำปะหลัง ภายในประเทศจำนวนมากเพื่อการผลิต และด้วยศักยภาพกำลังการผลิตของประเทศอยู่ที่ 95,000 ตันต่อปี และมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตอีก 75,000 ตันต่อปี โดยกว่าร้อยละ 90 ของผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพเป็นไปเพื่อการส่งออก ส่วนที่เหลือจำหน่ายภายในประเทศ ซึ่งการผลิตพลาสติกชีวภาพไม่เพียงแต่เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรของไทยเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเป็นทางเลือกหนึ่งในการจัดการกับปัญหาที่เกิดจากพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งอีกด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีได้ประกาศให้ BCG เป็นวาระแห่งชาติ โดยมีเศรษฐกิจชีวภาพเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ หัวใจของเศรษฐกิจชีวภาพคือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนเป็นวัตถุดิบ ทั้งเพื่อผลิตพลังงาน อาหาร รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มอื่นๆ ทั้งนี้ โมเดลเศรษฐกิจ BCG ยังสนับสนุนให้ผู้ผลิตนำเอาเทคนิคต่างๆ มาใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ และก่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด หรือไม่มีผลกระทบเลยต่อสิ่งแวดล้อม
“รัฐบาลชื่นชมผู้ประกอบการไทยที่พัฒนาศักยภาพ และฝีมือจนทัดเทียมนานาประเทศ และในขณะเดียวกันเป็นอุตสาหกรรมที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ทั้งนี้ ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ให้การสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่ารูปแบบทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมจะทำให้เกิดความสมดุล ยั่งยืนในโลก และรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนเศรษฐกิจไทยที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน พร้อมเพิ่มศักยภาพสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระดับสากล” นายอนุชาฯ กล่าว .-สำนักข่าวไทย