พรรคการเมืองลุยพื้นที่เปิดหน้าชนไม่เกรงใจกันแล้ว

อสมท. 2 มี.ค. –“วันวิชิต” อาจารย์ภาควิชารัฐศาสตร์ มองพรรคการเมืองลุยลงพื้นที่เร็ว ไม่รอยุบสภา เป็นการเปิดเกมชน หมดเวลาเกรงใจ มีโอกาสตอบโต้จุดอ่อน โชว์จุดแข็งผ่านนโยบายมากขึ้น


นายวันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองเดินหน้าลงพื้นที่หาเสียงจัดเวทีปราศรัยโดยไม่รอวันยุบสภา ว่า นับจากนี้พรรคการเมืองคงไม่รอให้วันยุบสภาเป็นวันที่นับหนึ่งในการหาเสียงแล้ว เพราะการเลือกตั้งใกล้เข้ามาแล้ว และต้องเปิดเกมชนอย่างตรงไปตรงมา หมดเวลาเกรงใจกันแล้ว เพราะท้ายที่สุดความได้เปรียบทางการเมืองคือตัวเลขที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา ถ้าได้เกินเป้าหรือตามเป้า อำนาจต่อรองจะยิ่งมากขึ้น ที่สำคัญเป็นการทบทวนว่าตลอด4 ปีที่ผ่านมาแต่ละพรรคการเมืองมีผลงานอะไรบ้าง ติดขัดอุปสรรคปัญหาอย่างไร เพราะอาจมีบางพรรคการเมืองที่เล่นการเมืองแบบตัดแข่งตัดขาจะได้ชี้แจงกับประชาชนได้ถูก

นายวันวิชิต กล่าวว่า การทำการเมืองต่อเนื่องหลายวันจะได้แก้เกม แก้แท็คติก และยังได้ โปรโมทนโยบายใหม่ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อแต่ละพรรคมีนโยบายออกมาก็จะเกิดการเปรียบเทียบ ระหว่างนโยบายเก่ากับนโยบายใหม่และยังมีพรรคการเมืองอื่นด้วย จากนั้นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งก็จะมาเลือกว่านโยบายใดที่จูงใจและสร้างเงื่อนไขให้ตัวเองได้รับประโยชน์ เพราะฉะนั้นการทำนโยบายในการหาเสียงกกต. ต้องตรวจทานว่าเป็นนโยบายที่ทำได้หรือโฆษณาเกินจริง


“แต่ที่ผ่านมามีหลายพรรคการเมือง พอมาเป็นรัฐบาลก็ไม่ได้ทำตามนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ จะอ้างเรื่องงบประมาณหรือปัจจัยแทรกอื่นอย่างสถานการณ์ โควิด-19 แม้ดูว่าเป็นคำแก้ตัวแต่ก็ชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของพรรคการเมืองนั้น ๆ เช่น พรรคภูมิใจไทย มีนโยบายกัญชา ขับเคลื่อนโครงสร้างคมนาคมถือว่ามีความโดดเด่น แม้ว่าจะถูกจับผิดวิพากษ์วิจารณ์ แต่อย่างน้อยการบรรลุเป้า ทำตามนโยบายก็เห็นแนวคิด ความรู้สึกและกระแทกไปถึงประชาชนว่าตอบรับมากน้อยแค่ไหน หากไม่ดีก็หยุด หากดีก็ทำต่อเนื่อง” นายวันวิชิต กล่าว

นายวันวิชิต กล่าวว่า นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่พรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติประกาศออกมาก็แสดงให้เห็นว่า เรื่องนี้จะเป็นการกระตุ้นไปยังฐานเสียงของกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ส่วนพรรคเพื่อไทยก็โยนนโยบายแนวคิดเงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี 25,000 บาท ตามเงื่อนไขความสามารถ และค่าแรงขึ้นต่ำตามขึ้นบันไดภายใน 4 ปี แน่นอนว่าเป็นนโยบายดึงดูดและนำไปสู่การกระตุ้นความรู้สึกว่านำไปเปรียบเทียบกับรัฐบาลที่ผ่านมาแนวคิดที่แปลกใหม่หรือความมั่นใจที่พรรคเพื่อไทยคิดว่ามีโอกาสซึ่งก็เป็นทางเลือกอีกแบบนึง ขณะที่พรรคก้าวไกลมีความโดดเด่นเน้นเรื่องการปฏิรูปทั้งการเมือง กองทัพ และระบบสวัสดิการต่าง ๆ ซึ่งต้องการพุ่งเป้าไปยังฐานเสียงที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล จึงเป็นช่วงที่ต่างฝ่ายต่างเน้นจุดแข็งของตนเอง เพื่อนำไปสู่การแข่งขัน

“ในช่วงแรกของการหาเสียง แต่ละพรรคการเมืองจะเน้นไปที่นโยบายเบื้องต้นและกลุ่มฐานเสียงของแต่ละพรรค ส่วนกระบวนการต่อไปจะเป็นการเปรียบเทียบจุดแข็งและจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม เพื่อเชิญชวนว่าทำไมต้องเลือกนโยบายของพรรค จะเห็นว่าในช่วงหลังตอบโต้ลักษณะว่านโยบายเช่นนั้นทำไม่ได้จะเอาเงินงบประมาณมาจากไหน ซึ่งเป็นการลดคุณค่าหรือโจมตีไปยังจุดอ่อน พรรคที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องแก้ต่าง หรือสร้างชุดคำอธิบายมาทักท้วง ซึ่งวิธีการนี้ทำให้สังคมมีความสร้างสรรค์ เกิดการแลกเปลี่ยน และนำนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองมาศึกษา พูดคุยกันมากกว่าการโจมตีใส่ร้ายกัน เป็นการยกระดับคุณภาพการหาเสียง เมื่อก่อนจะใช้รูปแบบการกล่าวหากันโดยตรงว่าพรรคการเมืองนั้นซื้อเสียง พรรคนั้นคอรัปชั่น และอาจจะเป็นเพราะกฎหมาย การเลือกตั้งว่าหากมีการหาเสียงแบบใส่ร้ายป้ายสีก็อาจถูกฟ้องและถูกยุบพรรคได้ และทำให้เกิดอุปสรรคเท่ากับเป็นการบังคับให้ทุกภาพอยู่ในเกมที่สร้างสรรค์” นายวันวิชิต กล่าว


ส่วนรูปแบบที่พรรคการเมืองจะใช้สู้ศึกเลือกตั้งจะเปลี่ยนไป เน้นใช้นโยบายหาเสียงมากกว่าการโจมตี ซึ่งเป็นจากการเมืองแบบเดิมใช่หรือไม่ นายวันวิชิต  กล่าวว่า แน่นอนว่าการต่อสู้เชิงนโยบายจะแตกแขนงหลากหลายมากขึ้น จะเห็นได้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2562 โดยเฉพาะเวทีดีเบตที่ไม่ยึดติดตัวบุคคล ว่าต้องเป็นระดับหัวหน้าพรรคหรือแกนนำระดับต้น แต่พบว่ามีผู้เชี่ยวชาญแต่ละเรื่องของแต่ละพรรค เช่น นโยบายด้านพลังงาน นโยบายด้านความมั่นคง ฯ ซึ่ง แต่ละพรรคการเมืองก็จะส่งขุนพลที่ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรคมา เพื่อสร้างความหลากหลายและถือเป็นอาวุธเด็ด ว่าแต่ละพรรคมีบุคลากรที่มีความหลากหลาย มากความสามารถนำไปสู่การจูงใจ และดึงดูดใจประชาชนได้ศึกษากึ๋น และเห็นแนวทางของแต่ละพรรคการเมือง ว่านโยบายทำได้จริงหรือโฆษณาชวนเชื่อเท่ากับว่าเวทีดีเบตแบบนี้ ทำให้ประชาชน ได้เห็นและเรียนรู้ไปด้วยกันขณะเดียวกันเป็นการบังคับให้แต่ละพรรคการเมืองต้องปรับตัว หากไม่มีความพร้อมทุกมิติอย่างรอบด้าน ทุกนโยบาย พรรคนั้นอาจจะไม่ได้รับการเชิญไปร่วมเวทีดีเบตสุดท้ายก็จะเป็นตัววัดว่าพรรคไหนมีความเจนจัดรอบด้านเรื่องนโยบายมากกว่ากัน เป็นเรื่องเรียงลำดับของพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล และการออกเวทีดีเบต จะทำให้เห็นถึงการชิงไหวชิงพริบกันมากขึ้น

เมื่อถามว่าตัวบุคคลมีความสำคัญอย่างไร อย่างกรณีพรรคเพื่อไทยเปิดตัวนายเศรษฐา ทวีสิน ในช่วงนี้ นายวันวิชิต กล่าวว่า เป็นการยกระดับความมั่นใจ และเป็นการทำให้เห็นถึงความหลากหลาย ซึ่งกรณีของนายเศรษฐาเป็นการโยนก้อนหินถามทางมาหลายเดือนแล้ว และยังไม่แน่ชัดว่าจะเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แต่การเข้ามาเป็นที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจ ช่วยสะท้อนภาพให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยจริงจังกับการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ ถือเป็นการจุดประกายความหมาย ว่าต้องการเอาชนะในพื้นที่เขตเมือง ต้องยอมรับว่าในต่างจังหวัดพรรคเพื่อไทยถือว่ามีฐานเสียง ดังนั้นการมีมือเศรษฐกิจระดับมืออาชีพ ประสบความสำเร็จ ผ่านแวดวงธุรกิจมาก่อน จะเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือมากขึ้น พร้อมมองว่าจากนี้คนระดับมีชื่อเสียงของแต่ละพรรคการเมือง ถ้าจะไปดีเบตแบบแข่งขันซึ่งหน้า อาจจะเลี่ยง เพราะบางพรรคการเมืองระดับแกนนำไม่เจนจัดในการพูด แต่อาจเลือกวิธีการพูดเปิดใจมากกว่า เชื่อว่าจะได้เห็นแบบนี้มากขึ้น

ส่วนการเลือกตั้งจะจะดุเด็ด เผ็ดมันส์เพียงใด เพราะตอนนี้ก็เริ่มโจมตีดิสเครดิตกันแล้ว นายวันวิชิต กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าข่าวลือ หรือเฟคนิวส์ เริ่มมีมากขึ้นรายวัน อาจมาจากความไม่พอใจ ซึ่งประชาชนต้องดูว่านี่เป็นเกมการเมือง เห็นความไม่ตรงไปตรงมาทางการเมืองก็น่าจะปล่อยของออกมานานแล้ว แต่ดันมาปล่อยช่วงการเลือกตั้งเมือง เป็นการลดคุณค่า อย่างกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กับพรรคภูมิใจไทยก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องการเมืองล้วน เป็นการเมืองที่มีเรื่องเบื้องหลัง และใช้ความมีวาทะศิลป์ของนายชูวิทย์ หากมองในมุมการเมืองก็จะรู้ว่านี่คือการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติ แต่จะไปกระทบกับความรู้สึกของคนที่ไม่ได้สนใจการเมืองอย่างจริงจังกับน้ำหนักที่นายชูวิทย์กล่าว นี่ไม่ใช่กรณีแรกอาจมีกรณีบุคคลที่มีชื่อเสียงออกมาร้องเรียน เปิดโปง ส่วนหลักฐานจะมีหรือไม่ไม่ทราบ แต่เพื่อให้สังคมคล้อยตาม ซึ่งการทำให้มีเฟคนิวส์ลักษณะนี้เชื่อว่าจะมีไปจนถึงวันเลือกตั้ง

“การแข่งขันนโยบายเป็นการชี้วัดว่าประชาชนต้องการ ทิศทางประเทศอย่างไรทั้งเศรษฐกิจสังคม หากนโยบายไหนถูกใจกระชากใจประชาชนก็จะเป็นทิศทางบังคับว่าประเทศไทยจะก้าวไปในทางใดซึ่งการชูนโยบายในการแข่งขันทำให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองมากขึ้นไม่ยึดโยงกับปัจเจกบุคคลไม่ยึดโยงกับจิตวิญญาณของพรรคแต่ยึดโยงเรื่องการต่อสู้เชิงนโยบายที่สร้างสรรค์มากขึ้น” นายวันวิชิต กล่าว.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 11 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ โดยภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

เร่งหาสาเหตุ จนท.สวนสัตว์ลงจากรถ ก่อนถูกสิงโตรุมขย้ำ

10 ก.ย. – เหตุสลด จนท.สวนสัตว์เอกชนแห่งหนึ่งถูกสิงโตรุมขย้ำจนเสียชีวิต ขณะลงจากรถ ทางสวนสัตว์เร่งหาสาเหตุลงไปทำไม ทั้งที่เจ้าตัวทราบกฎของสวนสัตว์ดีอยู่แล้ว นักท่องเที่ยวอินเดียบันทึกเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เอกชนแห่งหนึ่งลงจากรถ ก่อนถูกสิงโตตัวแรกเข้ามากัดจากทางด้านหลัง แล้วลากไปให้เพื่อนสิงโตอีก 4 ตัว รุมขย้ำ โดยในคลิปเจ้าหน้าที่ไม่ได้ดิ้นขัดขืน และไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนนอนแน่นิ่งและถูกรุมกัดจนเสียชีวิต ขณะที่ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์สิงโตรุมขย้ำเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง ซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์ และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างนอกรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูรถทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้าเข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนรู้สึกแปลกใจอย่างมาก แต่เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาข้างหลัง ก่อนตะครุบเข้าทางด้านหลังเจ้าหน้าที่ทันที โดยเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าทีขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้นสิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ […]

เร่งซ่อมพนังกั้นน้ำยังขาดให้เสร็จภายในคืนนี้

ร้อยเอ็ด 10 ก.ย. – เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมถนนสายบ้านทรายมูล-โพธิ์ตาก ซึ่งเสมือนพนังกั้นน้ำยัง หลังถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนขาด เมื่อช่วงเช้าวานนี้ โดยต้องปรับแผนนำเสาไฟฟ้ามาวางขวางเป็นแนวบิ๊กแบ็ก เพื่อให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้. – สำนักข่าวไทย

ส่องสาเหตุรถชนโครมเดียว เสาไฟฟ้าล้ม 77 ต้น

เชียงใหม่ 10 ก.ย. – อุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำดื่มแหกโค้งพุ่งชนเสาไฟฟ้าที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สร้างความเสียหายหนัก เสาไฟฟ้าล้มกว่า 70 ต้น บ้านเรือนเสียหาย 20 หลัง สาเหตุเกิดจากอะไร. – สำนักข่าวไทย