พรรคการเมืองลุยพื้นที่เปิดหน้าชนไม่เกรงใจกันแล้ว

อสมท. 2 มี.ค. –“วันวิชิต” อาจารย์ภาควิชารัฐศาสตร์ มองพรรคการเมืองลุยลงพื้นที่เร็ว ไม่รอยุบสภา เป็นการเปิดเกมชน หมดเวลาเกรงใจ มีโอกาสตอบโต้จุดอ่อน โชว์จุดแข็งผ่านนโยบายมากขึ้น


นายวันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองเดินหน้าลงพื้นที่หาเสียงจัดเวทีปราศรัยโดยไม่รอวันยุบสภา ว่า นับจากนี้พรรคการเมืองคงไม่รอให้วันยุบสภาเป็นวันที่นับหนึ่งในการหาเสียงแล้ว เพราะการเลือกตั้งใกล้เข้ามาแล้ว และต้องเปิดเกมชนอย่างตรงไปตรงมา หมดเวลาเกรงใจกันแล้ว เพราะท้ายที่สุดความได้เปรียบทางการเมืองคือตัวเลขที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา ถ้าได้เกินเป้าหรือตามเป้า อำนาจต่อรองจะยิ่งมากขึ้น ที่สำคัญเป็นการทบทวนว่าตลอด4 ปีที่ผ่านมาแต่ละพรรคการเมืองมีผลงานอะไรบ้าง ติดขัดอุปสรรคปัญหาอย่างไร เพราะอาจมีบางพรรคการเมืองที่เล่นการเมืองแบบตัดแข่งตัดขาจะได้ชี้แจงกับประชาชนได้ถูก

นายวันวิชิต กล่าวว่า การทำการเมืองต่อเนื่องหลายวันจะได้แก้เกม แก้แท็คติก และยังได้ โปรโมทนโยบายใหม่ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อแต่ละพรรคมีนโยบายออกมาก็จะเกิดการเปรียบเทียบ ระหว่างนโยบายเก่ากับนโยบายใหม่และยังมีพรรคการเมืองอื่นด้วย จากนั้นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งก็จะมาเลือกว่านโยบายใดที่จูงใจและสร้างเงื่อนไขให้ตัวเองได้รับประโยชน์ เพราะฉะนั้นการทำนโยบายในการหาเสียงกกต. ต้องตรวจทานว่าเป็นนโยบายที่ทำได้หรือโฆษณาเกินจริง


“แต่ที่ผ่านมามีหลายพรรคการเมือง พอมาเป็นรัฐบาลก็ไม่ได้ทำตามนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ จะอ้างเรื่องงบประมาณหรือปัจจัยแทรกอื่นอย่างสถานการณ์ โควิด-19 แม้ดูว่าเป็นคำแก้ตัวแต่ก็ชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของพรรคการเมืองนั้น ๆ เช่น พรรคภูมิใจไทย มีนโยบายกัญชา ขับเคลื่อนโครงสร้างคมนาคมถือว่ามีความโดดเด่น แม้ว่าจะถูกจับผิดวิพากษ์วิจารณ์ แต่อย่างน้อยการบรรลุเป้า ทำตามนโยบายก็เห็นแนวคิด ความรู้สึกและกระแทกไปถึงประชาชนว่าตอบรับมากน้อยแค่ไหน หากไม่ดีก็หยุด หากดีก็ทำต่อเนื่อง” นายวันวิชิต กล่าว

นายวันวิชิต กล่าวว่า นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่พรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติประกาศออกมาก็แสดงให้เห็นว่า เรื่องนี้จะเป็นการกระตุ้นไปยังฐานเสียงของกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ส่วนพรรคเพื่อไทยก็โยนนโยบายแนวคิดเงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี 25,000 บาท ตามเงื่อนไขความสามารถ และค่าแรงขึ้นต่ำตามขึ้นบันไดภายใน 4 ปี แน่นอนว่าเป็นนโยบายดึงดูดและนำไปสู่การกระตุ้นความรู้สึกว่านำไปเปรียบเทียบกับรัฐบาลที่ผ่านมาแนวคิดที่แปลกใหม่หรือความมั่นใจที่พรรคเพื่อไทยคิดว่ามีโอกาสซึ่งก็เป็นทางเลือกอีกแบบนึง ขณะที่พรรคก้าวไกลมีความโดดเด่นเน้นเรื่องการปฏิรูปทั้งการเมือง กองทัพ และระบบสวัสดิการต่าง ๆ ซึ่งต้องการพุ่งเป้าไปยังฐานเสียงที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล จึงเป็นช่วงที่ต่างฝ่ายต่างเน้นจุดแข็งของตนเอง เพื่อนำไปสู่การแข่งขัน

“ในช่วงแรกของการหาเสียง แต่ละพรรคการเมืองจะเน้นไปที่นโยบายเบื้องต้นและกลุ่มฐานเสียงของแต่ละพรรค ส่วนกระบวนการต่อไปจะเป็นการเปรียบเทียบจุดแข็งและจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม เพื่อเชิญชวนว่าทำไมต้องเลือกนโยบายของพรรค จะเห็นว่าในช่วงหลังตอบโต้ลักษณะว่านโยบายเช่นนั้นทำไม่ได้จะเอาเงินงบประมาณมาจากไหน ซึ่งเป็นการลดคุณค่าหรือโจมตีไปยังจุดอ่อน พรรคที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องแก้ต่าง หรือสร้างชุดคำอธิบายมาทักท้วง ซึ่งวิธีการนี้ทำให้สังคมมีความสร้างสรรค์ เกิดการแลกเปลี่ยน และนำนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองมาศึกษา พูดคุยกันมากกว่าการโจมตีใส่ร้ายกัน เป็นการยกระดับคุณภาพการหาเสียง เมื่อก่อนจะใช้รูปแบบการกล่าวหากันโดยตรงว่าพรรคการเมืองนั้นซื้อเสียง พรรคนั้นคอรัปชั่น และอาจจะเป็นเพราะกฎหมาย การเลือกตั้งว่าหากมีการหาเสียงแบบใส่ร้ายป้ายสีก็อาจถูกฟ้องและถูกยุบพรรคได้ และทำให้เกิดอุปสรรคเท่ากับเป็นการบังคับให้ทุกภาพอยู่ในเกมที่สร้างสรรค์” นายวันวิชิต กล่าว


ส่วนรูปแบบที่พรรคการเมืองจะใช้สู้ศึกเลือกตั้งจะเปลี่ยนไป เน้นใช้นโยบายหาเสียงมากกว่าการโจมตี ซึ่งเป็นจากการเมืองแบบเดิมใช่หรือไม่ นายวันวิชิต  กล่าวว่า แน่นอนว่าการต่อสู้เชิงนโยบายจะแตกแขนงหลากหลายมากขึ้น จะเห็นได้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2562 โดยเฉพาะเวทีดีเบตที่ไม่ยึดติดตัวบุคคล ว่าต้องเป็นระดับหัวหน้าพรรคหรือแกนนำระดับต้น แต่พบว่ามีผู้เชี่ยวชาญแต่ละเรื่องของแต่ละพรรค เช่น นโยบายด้านพลังงาน นโยบายด้านความมั่นคง ฯ ซึ่ง แต่ละพรรคการเมืองก็จะส่งขุนพลที่ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรคมา เพื่อสร้างความหลากหลายและถือเป็นอาวุธเด็ด ว่าแต่ละพรรคมีบุคลากรที่มีความหลากหลาย มากความสามารถนำไปสู่การจูงใจ และดึงดูดใจประชาชนได้ศึกษากึ๋น และเห็นแนวทางของแต่ละพรรคการเมือง ว่านโยบายทำได้จริงหรือโฆษณาชวนเชื่อเท่ากับว่าเวทีดีเบตแบบนี้ ทำให้ประชาชน ได้เห็นและเรียนรู้ไปด้วยกันขณะเดียวกันเป็นการบังคับให้แต่ละพรรคการเมืองต้องปรับตัว หากไม่มีความพร้อมทุกมิติอย่างรอบด้าน ทุกนโยบาย พรรคนั้นอาจจะไม่ได้รับการเชิญไปร่วมเวทีดีเบตสุดท้ายก็จะเป็นตัววัดว่าพรรคไหนมีความเจนจัดรอบด้านเรื่องนโยบายมากกว่ากัน เป็นเรื่องเรียงลำดับของพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล และการออกเวทีดีเบต จะทำให้เห็นถึงการชิงไหวชิงพริบกันมากขึ้น

เมื่อถามว่าตัวบุคคลมีความสำคัญอย่างไร อย่างกรณีพรรคเพื่อไทยเปิดตัวนายเศรษฐา ทวีสิน ในช่วงนี้ นายวันวิชิต กล่าวว่า เป็นการยกระดับความมั่นใจ และเป็นการทำให้เห็นถึงความหลากหลาย ซึ่งกรณีของนายเศรษฐาเป็นการโยนก้อนหินถามทางมาหลายเดือนแล้ว และยังไม่แน่ชัดว่าจะเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แต่การเข้ามาเป็นที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจ ช่วยสะท้อนภาพให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยจริงจังกับการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ ถือเป็นการจุดประกายความหมาย ว่าต้องการเอาชนะในพื้นที่เขตเมือง ต้องยอมรับว่าในต่างจังหวัดพรรคเพื่อไทยถือว่ามีฐานเสียง ดังนั้นการมีมือเศรษฐกิจระดับมืออาชีพ ประสบความสำเร็จ ผ่านแวดวงธุรกิจมาก่อน จะเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือมากขึ้น พร้อมมองว่าจากนี้คนระดับมีชื่อเสียงของแต่ละพรรคการเมือง ถ้าจะไปดีเบตแบบแข่งขันซึ่งหน้า อาจจะเลี่ยง เพราะบางพรรคการเมืองระดับแกนนำไม่เจนจัดในการพูด แต่อาจเลือกวิธีการพูดเปิดใจมากกว่า เชื่อว่าจะได้เห็นแบบนี้มากขึ้น

ส่วนการเลือกตั้งจะจะดุเด็ด เผ็ดมันส์เพียงใด เพราะตอนนี้ก็เริ่มโจมตีดิสเครดิตกันแล้ว นายวันวิชิต กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าข่าวลือ หรือเฟคนิวส์ เริ่มมีมากขึ้นรายวัน อาจมาจากความไม่พอใจ ซึ่งประชาชนต้องดูว่านี่เป็นเกมการเมือง เห็นความไม่ตรงไปตรงมาทางการเมืองก็น่าจะปล่อยของออกมานานแล้ว แต่ดันมาปล่อยช่วงการเลือกตั้งเมือง เป็นการลดคุณค่า อย่างกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กับพรรคภูมิใจไทยก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องการเมืองล้วน เป็นการเมืองที่มีเรื่องเบื้องหลัง และใช้ความมีวาทะศิลป์ของนายชูวิทย์ หากมองในมุมการเมืองก็จะรู้ว่านี่คือการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติ แต่จะไปกระทบกับความรู้สึกของคนที่ไม่ได้สนใจการเมืองอย่างจริงจังกับน้ำหนักที่นายชูวิทย์กล่าว นี่ไม่ใช่กรณีแรกอาจมีกรณีบุคคลที่มีชื่อเสียงออกมาร้องเรียน เปิดโปง ส่วนหลักฐานจะมีหรือไม่ไม่ทราบ แต่เพื่อให้สังคมคล้อยตาม ซึ่งการทำให้มีเฟคนิวส์ลักษณะนี้เชื่อว่าจะมีไปจนถึงวันเลือกตั้ง

“การแข่งขันนโยบายเป็นการชี้วัดว่าประชาชนต้องการ ทิศทางประเทศอย่างไรทั้งเศรษฐกิจสังคม หากนโยบายไหนถูกใจกระชากใจประชาชนก็จะเป็นทิศทางบังคับว่าประเทศไทยจะก้าวไปในทางใดซึ่งการชูนโยบายในการแข่งขันทำให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองมากขึ้นไม่ยึดโยงกับปัจเจกบุคคลไม่ยึดโยงกับจิตวิญญาณของพรรคแต่ยึดโยงเรื่องการต่อสู้เชิงนโยบายที่สร้างสรรค์มากขึ้น” นายวันวิชิต กล่าว.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]