ชู “พล.อ.ประวิตร” นายกฯ บ้านเมืองสงบ

กรุงเทพฯ 28 ก.พ.-“นฤมล” ยัน “บัตรป้อม 700” ทำได้จริง เกลี่ยงบแก้ปัญหาเหลื่อมล้ำมาใช้ เตรียมเปิดนโยบายระดับภาค ยันไม่ดีลกับใคร รอผลเลือกตั้งก่อน มั่นใจ “พล.อ.ประวิตร” นายกฯ คนที่ 30 บ้านเมืองสงบ


นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรป้อม 700 ว่า ก่อนคลอดนโยบายดังกล่าวได้หารือในที่ประชุมและมีหลายความเห็น มีหลายตัวเลขที่นำเสนอ เพื่อต้องการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืนใน 4 มิติและ 700 บาทเป็นตัวเลขที่พรรคพิจารณาแล้วอย่างรอบคอบว่าสามารถทำได้

ส่วนนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติหรือพรรคอื่น ที่ออกมาทีหลัง ตัวเลข 1,000 บาท หรือในอนาคตอาจสูงกว่า นางนฤมล กล่าวว่า ไม่อยากให้พรรคพลังประชารัฐ มีภาพนโยบายประชานิยมหรือแจกเพียงอย่างเดียวแต่ต้องการให้เห็นภาพ นโยบายพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว มีสวัสดิการประชารัฐ เศรษฐกิจประชารัฐ และสังคมประชารัฐ 3 เรื่องหลัก ต้องบอกประชาชนชัด ๆ ว่าเศรษฐกิจฐานรากจะทำอะไร วิสาหกิจชุมชนเศรษฐกิจชุมชนมีอะไรบ้างที่เติมเช่นกองทุนหมู่บ้านหรือรูปแบบอื่น


“เป็นเรื่องธรรมชาติปกติที่ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง มักแข่งขันด้านนโยบายกัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะดูถึงความเป็นไปได้ ไม่ส่งผลภาระงบประมาณการคลังระยะยาว ไม่กระทบต่อการจ่ายภาษีเป็นภาระหนี้ของประเทศในระยะยาว เพราะท้ายที่สุดจะทำไม่ได้อย่างยั่งยืน” นางนฤมล กล่าว

สำหรับข้อสงสัยว่าจะนำงบประมาณจากส่วนไหนมาดำเนินการ  นางนฤมล กล่าวว่า จะจัดสรรเกลี่ยงบประมาณจากการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจมาใช้ และจะมีเฉพาะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จะนำเงินไปช่วยคนมีรายได้น้อย และจะเกลี่ยเม็ดเงินตรงอื่นมาแก้ให้ตรงจุด เพราะตรงนี้ถือเป็นการให้ปลา แต่ต้องฝึกจับปลา เป็นการฝึกทักษะอาชีพ ให้เบ็ดตกปลา และแก้ปัญหาหนี้สินโดยเฉพาะหนี้นอกระบบ

“พรรคเปิดนโยบายต่อยอดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การดูแลประชาชนให้ครบ4 มิติ นโยบาย มีเรามีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน และมีน้ำไม่มีจน ส่วนนโยบายเร่งด่วนหลังจากนี้คือเรื่องค่าของชีพ ที่จะช่วยประชาชนทั่วไปซึ่งแบกภาระ หากตรึงราคาพลังงานลงมาได้ในแนวทางที่เป็นไปได้จะได้ช่วยลดภาระประชาชน ลดค่าของชีพจึงจะมีนโยบายมาตรการด้านพลังงานซึ่งขณะนี้ยังคุยกันอยู่เรื่องตัวเลขและวิธีการในรายละเอียด แต่รอตัวเลขที่เป็นไปได้ไม่ส่งกับผลกระทบและยั่งยืน เพราะไม่อยากให้สัญญาแล้วทำไม่ได้ จึงต้องรับฟังข้อเสนอจากหลายฝ่าย เพราะห่วงเรื่องภาระการคลัง เรื่องราคาพลังงานซับซ้อน” นางนฤมล กล่าว


นางนฤมล กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐยังเตรียมนโยบาย ระดับภาค ที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่และภาคต่าง ๆ จึงจะออกนโยบายเป็นรายภาคเหนือ กลาง อีสาน ใต้ และอยากให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษในแต่ละภาค เพื่อดึงเศรษฐกิจและการจ้างงานความเจริญไปสู่แต่ละภาคไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในตัวเมืองหรือมีแค่อีอีซีในภาคตะวันออกเท่านั้นแต่อยากให้เกิดทั่วทั้งประเทศซึ่งเป็นแนวคิดของคณะทำงานที่เสนอกัน และรับฟังจากคนในพื้นที่โดยตรง เมื่อเกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ ก็มีนโยบายเศรษฐกิจประชารัฐจะเข้าไปจับสานต่อ

นางนฤมล ยืนยันความพร้อมนโยบายชุดใหญ่ ของพรรคพลังประชารัฐ แต่รายละเอียดส่วนอื่นๆ หมวดหมู่การนำเสนอในรูปแบบป้ายหาเสียงสื่อสารไปยังประชาชน จะทยอยออกมา เพราะต้องรอดูในสังเวียน ว่า จะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ในลำดับต่อๆไปจะเน้นเศรษฐกิจชุมชน เศรษฐกิจฐานราก เอสเอ็มอี ที่จะทำให้กับพี่น้องคนตัวเล็กให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในห้วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว เช่นเดียวกับ เรื่องการวางตัวบุคคล

“ไม่กังวลเรื่องคนจะออกจากพรรค ยอมรับว่าเมื่อ4-5 เดือนที่ผ่านมาค่อนข้างกังวล แต่ขณะนี้พรรคเปิดตัวไป 98-99% แล้ว แม้บางคนที่ยังไม่ออกแต่ก็มีความชัดเจนว่าจะไม่อยู่กับพรรคได้แจ้งและได้เตรียมตัวว่าที่ผู้สมัครคนอื่นไว้รองรับแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังจะมีคนเข้ามาร่วมงานกับพรรคอีกเรื่อยๆ จนถึงภาวะล้นมีผู้ประสงค์ลงสมัครมากกว่าจำนวนเขตที่มี แต่ ยังไม่มีบิ๊กดีลเหมือนพรรคสร้างอนาคตไทยก่อนหน้านี้

ส่วนในพื้นที่กทม. นางนฤมล กล่าวว่า เดิมได้ 12 ที่นั่งเกิน1 ใน 3 ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ตั้งเป้ารักษาที่นั่งไว้เดิมให้ได้ ซึ่งกทม.มีลักษณะแตกต่างกับพื้นที่อื่น ไม่ได้ตัดสินใจที่นโยบาย อาจตัดสินใจที่ตัวผู้สมัครหรือจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐ หรือสิ่งที่พรรคไหนทำแล้วมีความหวัง ทำให้ประเทศหลุดพ้นจากกับดัก หลุดจากความเป็นขั้วทางการเมืองที่ทะเลาะกันมาร่วม 20 ปี

“ที่ผ่านมาคนกรุงเทพฯ มักให้โอกาสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสมอ แต่การให้โอกาสกลับกลายเป็นความขัดแย้งขึ้นมาได้อีก ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่อยากทะเลาะจึงอยากเลือกพรรคที่ไม่มีฝักฝ่ายหรือพรรคที่อยู่ฝั่งประชาชนซึ่งเป็นจุดยืนเดียวกันกับพรรคที่ต้องการทำงานเพื่อประชาชนไม่ต้องการทะเลาะกับใคร ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไร จึงเอาจุดยืนเมื่อปี 2562 มาใช้อีกครั้ง คือเรื่องของการก้าวข้ามความขัดแย้ง” นางนฤมล กล่าว

นางนฤมล กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐไม่จับขั้วทางการเมือง เปิดดีล กับเพื่อไทย หรือพรรคการเมืองอื่น กระแสที่ออกมาเป็นการคาดการณ์ของคนนอก ยืนยันไม่มีพรรคการเมืองไหนพูดคุยกันล่วงหน้า เพราะต้องรอดูผลลัพธ์จากการเลือกตั้ง เพราะถ้าจับมือกันก็ต้องหลบเลี่ยงเบี่ยงให้กัน แต่พลังประชารัฐสู้ทุกที่ทุกเขต หลายพื้นที่ในภาคอีสานสู้กับพรรคเพื่อไทย จึงไม่มีดีลแน่นอน แต่หลังเลือกตั้งออกมาแล้ว ใครได้เท่าไหร่จะทำอะไรให้ประชาชนบ้าง จุดยืนคืออะไร ตรงนั้นค่อยมาเจรจากัน หลังเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนทำงานร่วมกับทุกพรรค เพราะขั้วของพรรคคือประชาชน และต้องการยุติความขัดแย้งในประเทศ

นางนฤมล กล่าวถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคคือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเพียงคนเดียว  ส่วนที่พรรคถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะได้ที่นั่งน้อยกว่าครั้งที่ผ่านมาก็น้อมรับคำวิจารณ์เพื่อมาวิเคราะห์ตัวเอง เพราะเป็นประโยชน์จากสิ่งที่คนอื่นมองเข้ามาให้เราเห็นว่าเราต้องแก้ตรงไหน ไม่ได้เห็นว่าเป็นคำปรามาส แต่มองเป็นคำแนะนำ เพราะยังปรับตัวได้จนถึงวันเลือกตั้ง

“ทุกคนในพรรคเห็นตรงกันหมดว่าพล.อ.ประวิตร มีจุดเด่นคือความตั้งใจที่จะทำให้ประชาชน เวลาไปสั่งงานที่ไหน เวลาลงพื้นที่ เวลาประชุม จะบอกว่าให้เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง อย่าเอาว่าเป็นพวกใคร ถ้าประชาชนได้ประโยชน์ต้องทำให้ ไม่ใช่ให้ทำในสิ่งที่พรรคได้เปรียบ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สำคัญ ที่จะเป็นผู้นำพาประเทศเพื่อขจัดความขัดแย้ง บุคลิกลักษณะความตั้งใจเป็น เช่นนั้น” นางนฤมล กล่าว

นางนฤลมล เชื่อว่า หากพล.อ.ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ความสงบจะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง ตัวพล.อ.ประวิตรและพรรคพลังประชารัฐจะไม่เข้าไปเป็นคู่ขัดแย้ง ทุกอย่างมีจุดร่วม จะเห็นการเมืองนิ่งได้ และถ้าทำได้จริง ก้าวข้ามความขัดแย้งได้จริง จะเกิดเสถียรภาพทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองและประเทศจะเดินไปได้.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]