ส.ว.ถกญัตติเห็นสมควรส่งครม.ตัดสินใจทำประชามติยกร่างรธน.ใหม่หรือไม่

รัฐสภา 21 ก.พ.- ส.ว.ถกญัตติเห็นสมควรส่งเรื่องทำประชามติให้ยกร่างรธน.ใหม่พร้อมการเลือกตั้ง หรือไม่  ด้านกมธ.ย้ำรายงานมองว่าญัตติที่เสนอไม่มีกรอบส.ส.ร. และอาจทำไม่ทันเลือกตั้งครั้งนี้ ชี้ยังไงก็ต้องทำประชามติถึง 3 ครั้ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภาวันนี้ ( 21 ก.พ. )มีพล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม  มีการพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบผลการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรในญัตติ ขอให้สภามีมติส่งเรื่องที่มีเหตุสมควรจะให้มีการออกเสียงประชามติให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการ พร้อมกับรายงานของคณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาญัตติขอให้สภามีมติส่งเรื่องที่มีเหตุสมควรจะให้มีการออกเสียงประชามติให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการ ที่เสนอโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.พรรคก้าวไกล และ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ รายงานผลการศึกษาที่พบว่า เหตุผลที่เสนอให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะมีที่มาจากการทำรัฐประหาร ยังไม่เป็นเหตุผลอันสมควร เนื่องจากรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับของประเทศไทยมีที่มาต่างกัน แต่สุดท้ายก็มีผลบังคับใช้เหมือนกัน และสามารถแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาในฉบับเดิมให้มีความเหมาะสมได้ และในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ก็ไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับ ส.ส.ร. อีกทั้งญัตติที่เสนอไม่ได้ระบุกรอบ ขอบเขต ที่ชัดเจน มีลักษณะมุ่งเพียงการตั้งคำถามแต่ไม่ได้มีสาระสำคัญที่แสดงถึงข้อบกพร่องเกี่ยวกับเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน จึงอาจกระทบหลักการปกครอง และโครงสร้างของประเทศไทย


ทั้งนี้การจัดทำประชามติ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มีกรอบคือไม่เร็วกว่า 90 วัน และไม่ช้ากว่า 120 วัน ดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยที่จะสามารถดำเนินการไปพร้อมกับการเลือกตั้งได้ แม้ว่ากฎหมายไม่ได้ห้าม และหากต้องดำเนินการทำประชามติ ก็ต้องทำถึง 3 ครั้ง ใช้งบประมาณครั้ง 3,500 ล้านบาท รวมแล้วต้องใช้งบประมาณมากกว่าหมื่นล้านบาท 

นายสมชาย ยืนยันว่า กรรมาธิการฯไม่ได้มีความขัดข้อง หากสังคมต้องการที่จะทำประชามติ และหากต้องการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็สามารถทำได้ แต่ต้องพิจารณาถึงความถูกต้องมิให้ขัดหรือแย้งกับข้อกฎหมาย

ขณะที่การอภิปราย โดยสมาชิกมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับผลการศึกษาของกรรมาธิการฯ อย่าง นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายยืนยันว่า จะรับญัตติทั้ง 2  ที่เสนอมาจากสภาผู้แทนราษฎร พร้อมระบุเหตุผลว่า ญัตติดังกล่าวเป็นเพียงการสอบถามไม่ใช่การระบุถึงรายละเอียดและขั้นตอนตามที่กรรมาธิการฯได้สรุปรายงานมา ซึ่งสภามีหน้าที่ในการแจ้งเรี่อง และสุดท้ายคณะรัฐมนตรีเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ดังนั้นขั้นตอนยังมีอีกมากโดยบทสรุปยังไม่ได้ชัดเจนว่าจะต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาแทน ด้านกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา เห็นด้วยกับรายงานของกรรมาธิการฯ เนื่องจากมองว่า การขอแก้ไขว่า ทำไปเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองที่ต้องการปลดล็อคจุดแข็งของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน คือการปราบโกง และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งของประชาชนรอบใหม่หากส่งญัตติดังกล่าวไปให้คณะรัฐมนตรี. สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย