ศบ.ทก. ลั่น “กัมพูชา”ต้องจริงใจ-หยุดยิงเป็นที่ประจักษ์

27 ก.ค. – ศบ.ทก. ยันไทยจะหยุดยิงต่อเมื่อกัมพูชาแสดงความจริงใจและหยุดยิงเป็นที่ประจักษ์ ชี้เลี่ยงเจรจาหลายครั้ง และยังเสริมกำลังและอาวุธหนักต่อเนื่อง ซัดใช้กระแสรักชาติปลุกระดม ขณะ กต.ไทยย้ำจุดยืนในวง UNSC กัมพูชา ใช้ประชาชนเป็นโล่กำบัง โจมตีพลเรือนต่อเนื่องไร้มนุษยธรรม จ่อยื่น ICRC หลังยิงอาวุธหนัก เข้า รพ. และ รพ.สต.-บ้านเรือนประชาชน จ.สุรินทร์


พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงข่าวประเด็นสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แถลงว่าจากประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าวในเรื่องของการเรียกร้องของบางประเทศให้ไทยและกัมพูชาหยุดยิง ฝ่ายไทยขอชี้แจงว่าด้วยในหลักการดังกล่าว แต่จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจและเข้าร่วมหารือในขั้นตอนในรายละเอียดต่างๆ ด้วย รวมทั้งหยุดยิงเป็นที่ประจักษ์

อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ที่ผ่านมาก็เห็นได้ว่าฝ่ายกัมพูชาก็ยังคงมีการส่งกำลังทหารเข้าปะทะบริเวณใกล้เคียงพื้นที่เขาพระวิหารในเวลา 02.10 น. ประกอบด้วยการยิงจรวดบีเอ็มสองหนึ่ง เข้ามายังฝ่ายไทยและตกบริเวณบ้านตาโส หมู่10 ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเวลา 06.10 น. ซึ่งเป็นเป้าหมายของพลเรือน ทำให้บ้านของพลเรือนเสียหายและนอกจากนี้ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ในเวลา 15.30 น. กระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชาก็พุ่งเป้าใส่โรงพยาบาลในพื้นที่ ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศรีสะเกษ และโรงพยาบาลบ้านกรวดจังหวัดบุรีรัมย์ รวมทั้งมีการใช้ประชาชนเป็นโล่ห์กำบังในการตั้งอาวุธยิง ซึ่งถือเป็นการใช้ประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างไร้หลักมนุษยธรรม


ในเรื่องของความเป็นมนุษย์ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจน นอกจากนั้นเราขอประนามไปในความไม่จริงใจในเรื่องการพิสูจน์ของฝ่ายกัมพูชา โดยที่ผ่านมากัมพูชาได้ปฏิเสธและเลื่อนการหารือในเวทีทวิภาคีหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น เจบีซี จีบีซี หรืออาร์บีซี เพราะฝ่ายไทยมองว่าการประชุมต่างๆ เหล่านี้สามารถนำประเด็นต่าง ๆ ที่มีข้อขัดแย้งระหว่างสามารถนำมาพูดคุยหารือในเวทีต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาสังเกตได้ว่าฝ่ายกัมพูชามีการเสริมกำลังทางทหาร มีการเตรียมที่มั่นดัดแปลงบริเวณชายแดนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาออตตาวา นอกจากนี้ยังมีการแสดงท่าทียั่วยุ ส่งเสริมการปลุกระดมมวลชนชาวกัมพูชาทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าสู่พื้นที่ความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดน โดยใช้กระแสชาตินิยมปลุกปั่นยกระดับให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ตลอดจนการแสดงออกถึงท่าทีของความพร้อมในการใช้กำลังทหารผ่านการโพสต์ผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริงและกล่าวหาประเทศไทยอย่างไร้หลักฐานที่เป็นส่วนหนึ่งของความไม่พอใจและนำไปสู่ความไม่รุนแรงต่อกันในเวลาต่อมา

ส่วนสถานการณ์ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชายังคงดำเนินการใช้อาวุธหนักทั้งปืนใหญ่ปืนใหญ่วิถีโค้ง จรวดหลายลำกล้อง รวมทั้งปรากฏข่าวสารความเคลื่อนไหวว่าอาจจะมีการใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพ เช่น PHL-03 RM-70 70 และบีเอ็ม 21 แบบติดลำกล้องเพิ่มเติมด้วย สำหรับยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในวันนี้นับตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นมา เสียชีวิต ที่เป็นพลเรือน 13 ราย บาดเจ็บสาหัสเพิ่มอีก 1 ราย เป็นจำนวน 11 ราย บาดเจ็บปานกลาง 12 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย3 ราย รวมยอดทั้งหมด 49 ราย แม้ตัวเลขนี้ยังไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่คงต้องชื่นชมในเรื่องของหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งกระทรวงมหาดไทยและสาธารณสุขในการอพยพประชาชน ออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน

ขอเน้นย้ำปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเกิดจากนโยบายของรัฐบาลกัมพูชาล้วนๆ ไม่ได้เกิดจากพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้ง 2 ประเทศ จึงขอวิงวอนให้พี่น้องชาวไทย หลีกเลี่ยงการแสดงความรุนแรง ด้วยการใช้ถ้อยคำการใช้คำดูถูกเหยียดหยามชาวกัมพูชาที่เข้ามาพำนักหรือทำงานในไทยอย่างสุจริต เช่น ผู้ใช้แรงงานก็ดี นักเรียนนักศึกษาชาวกัมพูชาก็ดี แม้กระทั่งผู้ประกอบการในทุกสาขา วิชาชีพต่าง ๆ และแม้กรณีที่ทางกัมพูชาก้าวร้าวก็ขอให้ใช้สติและเหตุผลในการตอบโต้และขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการได้กฎหมายต่อไป


ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( United Nations Security Council: UNSC) แบบปิดเมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมาตามเวลานิวยอร์ก ได้มีการหารือโดยมี 15 รัฐสมาชิก ซึ่งมีไทยและกัมพูชาคู่กรณีเข้าร่วมซึ่งโอกาสนี้ฝ่ายไทยได้มีการย้ำจุดยืนต่อชาวโลกด้วยหลักฐานที่หนักแน่นและข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่มและเปิดฉากยิงรวมถึงมีการโจมตีเป้าหมายพลเรือนไทยโดยมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมากรวมถึงต้องอพยพหลักแสนคนซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง

สำหรับการหารือ ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council: UNSC) มีการกล่าวถึงหลักการกว้างๆ ในทิศทางเดียวกันคือเรียกร้องให้ทั้งฝ่ายลดความตึงเครียด โดยการยุติการยิงและใช้หลักการทางการฑูต รวมถึงสนับสนุนบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขความขัดแย้งตามหลักการกฎบัตรอาเซียน

และยังมีการ ย้ำว่าสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ โดยในการหารือครั้งนี้ UNSC ไม่ได้มีมติหรือการออกเอกสารผลลัพธ์ใดๆ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีเพราะแสดงว่ารัฐสมาชิกต่างๆ ก็มีความเข้าใจและจุดยืนของฝ่ายไทย

ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์นำการกระทำอันร้ายแรงของกัมพูชาที่ละเมิดอนุสัญญาเจนีวาที่เกี่ยวกับการคุ้มครองหน่วยแพทย์และสถานพยาบาลและข้อ 18 อนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 เกี่ยวกับภารกิจเรื่องการคุ้มครองโรงพยาบาลฝ่ายพลเรือน

โดยกระทรวงการต่างประเทศจะมีหนังสือถึงคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เพื่อแสดงถึงการละเมิดกฏหมายระหว่างประเทศ (ICRC) อย่างร้ายแรง รวมถึงจะมีการพบสำนักงาน ICRC ที่ประจำประเทศไทยในวันอังคารที่จะถึงนี้เพื่อหาชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นนี้

อย่างไรก็ตามย้ำว่าประเทศไทยต้องการสื่อสารไปยังประชาคมพบว่าการกระทำอย่างไร้มนุษยธรรมอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา เป็นสิ่งที่ต่างประเทศต้องร่วมกันประณาม เพราะยังคงมีการโจมตีสถานที่ต่างๆ ของไทยอยู่ ดังนั้นฝ่ายกัมพูชาต้องแสดงถึงความจริงใจถึงการหยุดยิงก่อน โดยเฉพาะการที่ไม่เลือกเป้าหมาย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศก็ยังต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงต่อสื่อต่างประเทศกรณีกัมพูชาใช้อาวุธร้ายแรงโจมตีบ้านเรือนประชาชนที่จังหวัดสุรินทร์เมื่อเช้านี้ และตอบโต้กรณีที่ไทยกล่าวอ้างว่าไทยเป็นผู้เริ่มก่อน.-312-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศุภจี” เปิดใจครั้งแรก จะทุ่มเททำงานระยะสั้นให้เกิดประโยชน์

พรรคภูมิใจไทย 10 ก.ย.-“ศุภจี” เปิดใจครั้งแรก ขอนำประสบการณ์ที่มีทั้งหมด ทุ่มเททำงานระยะสั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอบคุณเสียงชื่นชม-ความคาดหวัง เป็นกำลังใจทำงาน รับทำไม่ได้ทุกเรื่อง แต่จะเลือกทำสิ่งที่เกิดผลอย่างดีที่สุด นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเปิดใจถึงความมุ่งมั่นที่เข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ว่า ตนมีความตั้งใจเหมือนนายกฯ พูดไปแล้วว่า ระยะเวลาสั้นๆ นี้ เป็นระยะเวลาที่มีความท้าทาย และมีความสำคัญมาก ประเทศเราต้องเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าจะระยะเวลาสั้นแค่ไหน “ดิฉันในฐานะที่มีโอกาสได้ทำงานมาหลากหลาย รวมถึงงานระหว่างประเทศด้วย ตั้งใจจะนำเอาประสบการณ์ ความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมด มาทุ่มเทให้ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งมีธงเดียวกับนายกฯ คือ ทำประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติและพี่น้องประชาชนให้ได้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ” นางศุภจี กล่าว เมื่อถามว่า สังคมชื่นชมและคาดหวังผลงานต่อจากนี้ นางศุภจี กล่าวว่า ขอบคุณที่ได้รับการชื่นชม และได้รับการคาดหวัง ถือเป็นกำลังใจที่ดีอย่างยิ่ง และจะยิ่งเป็นกำลังใจที่ทำให้ทุกคนไม่ผิดหวัง ดังนั้นก็จะประสานมือกับทีมงานทุกคนภายใต้นโยบายของนายกฯ และนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ทำเรื่องเศรษฐกิจของประเทศไทยให้กลับมาให้ได้ ภายในระยะเวลาอันสั้น เมื่อถามว่า ถือเป็นการบ้านที่หนักหรือไม่ เพราะเข้ามาในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศเป็นแบบนี้ นางศุภจี กล่าวว่า […]

ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์

กัมพูชา 10 ก.ย.- ไทย-กัมพูชา เดินหน้าคืนสันติภาพชายแดน ผลประชุม GBC สมัยพิเศษ ที่เกาะกง สรุป 5 ประเด็นสำคัญ ตั้งแต่ถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ ไปจนถึงจัดการพื้นที่พิพาท รมช.กลาโหม ย้ำสองประเทศต้องอยู่ร่วมกันด้วยสันติวิธี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ วันที่ 10 กันยายน 2568 ณ จังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตามผลการประชุม GBC ที่มาเลเซียที่ผ่านมา เพื่อนำสันติภาพและความสงบสุขกลับมาสู่พื้นที่ชายแดนได้อย่างถาวร พร้อมย้ำถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในภาพรวม หลังการหยุดยิงดำเนินมากว่า 1 เดือน ว่ามีความสงบมากขึ้น แม้ยังมีข้อกังวลบางประการที่ต้องแก้ไข เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กลับมาเต็มร้อย โดยผลการประชุมสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ 1. การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูง ออกจากพื้นที่ชายแดนกลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการ GBC และ RBC จะหารือกันภายใน 3 […]

พนังกั้นน้ำขาด ทะลักท่วมนาข้าว-ถนนถูกตัดขาด

ร้อยเอ็ด 10 ก.ย. – ผลพวงอุทกภัยจากพายุหนองฟ้า ทำพนังกั้นลำน้ำยัง บ้านทรายมูล ต.ขวาว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ทรุดตัวและขาด ส่งผลมวลน้ำทะลักท่วมนาข้าวเกือบพันไร่ เส้นทางสัญจรถูกตัดขาด ภาพนาทีน้ำจากตอนบนในพื้นที่ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ไหลทะลักท่วมพื้นที่ ทำให้พนังกั้นลำน้ำยัง บ้านทรายมูล ต.ขวาว อ.เสลภูมิ ถูกน้ำกัดเซาะจนทรุดและขาดกว้างประมาณ 5 เมตร ยาว 6 เมตร และเอ่อเข้าท่วมนาข้าวของชาวบ้าน 3 ตำบล คือ ต.ขวาว, ต.นางาม และ ต.นางาม ชาวบ้านและผู้นำชุมชนต้องระดมเครื่องจักรกล ถุงบิ๊กแบ็ก เข้าอุดพนังที่ขาด เพราะวิตกว่ามวลน้ำจำนวนมากจะทำให้นาข้าวที่กำลังหว่านปุ๋ยรับรวง จำนวนเกือบ 1,000 ไร่ เสียหาย จนไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ได้สั่งการให้ ปภ. ประสานนำเครื่องจักรกลหนักเข้าเสริมกั้นน้ำ นำถุงบิ๊กแบ็ก 280 ถุง เข้า จัดวาง […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย