นายกฯ ย้ำไม่ปล่อยทุจริต ลงโทษทุกคน ขออย่ายุแยงให้ขัดแย้ง

รัฐสภา 16 ก.พ. – นายกฯ ร่ายยาว ย้ำไม่ปล่อยทุจริต ลงโทษทุกคน แต่ขออย่าอยู่เบื้องหลังยุแยงให้ขัดแย้ง ยันจำเป็นต้องจัดหายุทโธปกรณ์ใหม่ บอกทหารอยู่กับความเสี่ยงทุกวัน เหตุยุทโธปกรณ์มีอายุมากกว่า 40 ปี ท้าฝ่ายค้านลองนั่ง C-130 พร้อมขอบคุณข้อมูลฝ่ายค้านนำไปปรับปรุง แนะรัฐบาลหน้าทำให้ดีกว่าก็แล้วกัน


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เรื่องการแก้ปัญหาด้านที่ดิน ว่า รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเป็นไปตามกฎหมายที่ได้กำหนดไว้ ตนคิดว่าคงเป็นไปได้ยาก แต่ทำอย่างไรให้ถูกต้อง ให้ทุกคนได้มีที่อยู่ที่อาศัยที่ทำกิน และสามารถที่จะส่งต่อไปให้ทายาทได้ แต่ถ้าหากเป็นโฉนดไปทั้งหมดก็จะหมดไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้มีที่ดินเพียงพอให้กับใครทั้งสิ้น ในอดีตก็เร่งรัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้มีการเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินไม่เหมาะสม ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับภาครัฐ ซึ่งเราต้องมีนโยบายการบริหารที่ดินอย่างบูรณาการ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเรื่องของนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรที่ดินของประเทศ ปี 2566 จนถึงปี 2580 จัดทำแนวเขตที่ดินของรัฐให้มีความชัดเจนเพิ่ม และรักษาพื้นที่ป่าธรรมชาติและป่าเศรษฐกิจไปด้วย รวมทั้งนำที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด กระจายการถือครองที่ดินของประเทศให้มีการกระจายตัวมากขึ้น โดยเป้าหมาย 5 ปีนั้น คือการปรับปรุงแผนที่แนวเขตของรัฐ ซึ่งทำเสร็จแล้ว ส่วนเป้าหมายระยะ 10 ปี คือการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งข้อพิพาทระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐ และเป้าหมายระยะ 15 ปี คือเพิ่มพื้นที่ป่า โดยยอมรับว่า มีปัญหาอยู่พอสมควร หลายคนอยู่มาก่อน หลายคนอยู่ในพื้นที่ทับซ้อน วันนี้ก็ต้องเคลียร์ตรงนี้ให้ได้ เราก็ต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการทำงาน


“ผมรักประชาชนอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องมีกฎหมายกฎกติกากันบ้าง ทั้งนี้ มีการอนุมัติหลักการจัดที่ดินทำกินให้กับชุมชนไปแล้ว โดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ เพราะเกรงว่าให้ไปแล้ว ที่ดินมีจำกัด หลายคนอาจจะเดือดร้อน เอาไปขาย เอาไปจำนองอีก ก็ไม่มีที่อยู่เช่นกัน วันนี้ทำประโยชน์ให้มีที่อยู่อาศัยได้ และส่งต่อให้ลูกหลานได้ ขณะนี้ทำไปแล้ว 1.3 ล้านไร่ ท่านบอกว่าไม่มีผลงานเลย ผมว่าไม่ใช่ละมั้ง การทำงานใดๆ ก็ตามต้องมีหลักการ ไม่ใช่ว่าทำอย่างไรก็ได้ การที่ผู้อภิปรายพูดมา ลองทำดูว่าจะวุ่นวายขนาดไหน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า ตนไม่เคารพพระ การที่ผู้อภิปรายเอารูปมาแสดงในห้องนี้ ตนมองว่าไม่สมควร การที่ตนกำกับดูแลในเรื่องศาสนา ก็มีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ อยู่กับตนด้วย และก็มีสำนักพุทธฯ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่สามารถสั่งการอะไรได้เอง เพราะทั้งหมดต้องปรึกษาอยู่ในการอนุมัติอนุญาตของกรรมการมหาเถรสมาคม และในส่วนสำนักพุทธฯ ก็เป็นเลขาของมหาเถรสมาคม ฉะนั้นต้องมีการปรึกษาหารือความเห็นชอบอะไรต่างๆ

“ส่วนที่กล่าวหาว่าผมไปโอบคอพระนั้น ผมจำได้ว่าผมเดินอยู่กับพระ และท่านก็มาเกาะเหมือนเดินไปด้วยกัน ท่านก็มาแตะหลังผม ผมก็ประคองท่านไป แสดงถึงความไม่เคารพพระตรงไหน อีกรูปนั้น ฉวยโอกาสรูปที่ผมพนมมือแล้วพระท่านนั่งอยู่ ผมก็ยกมือไหว้เพื่อเดินผ่าน เพื่อทำอย่างอื่น ทำไมผมถึงไม่เคารพพระ ขอให้เข้าใจด้วย ผมคนไทยพุทธอยู่แล้ว ดูแลทุกศาสนาให้เกิดความสุข อยู่ร่วมกันในพหุสังคมทุกศาสนา 5 ศาสนาในประเทศไทย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวขอบคุณข้อมูลต่างๆ อันเป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ หลายอย่างเป็นข้อมูลที่ดี เพื่อปรับปรุงการทำงานต่อไป และทุกคนต้องเข้าใจว่า รัฐบาลต้องดูแลคนทั้งประเทศ และเราก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ก็คงไม่ใช่เฉพาะเจ้าหน้าที่ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกันดูแลให้สังคมปลอดภัย คนดี คนไม่ดี ใครก็แล้วแต่ ก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมายบ้านเมือง ในฐานะรัฐบาลก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้สังคมอยู่ร่วมกันเป็นสังคมที่มีคุณธรรม ไม่ขัดแย้งด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ด้วยการยุแยงตะแคงรั่ว หรืออยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเหล่านี้คืออันตรายของประเทศไทย ตนเองขอยืนยันในความสุจริตว่า ทุกคนนั้นอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน หากมีการกระทำความผิดก็จะไม่มีการยกเว้น เราต้องทำให้กฎหมายเป็นกฎหมาย ต้องเคารพในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ หลายคนบอกว่า ตนทำความผิด ไม่มีการตรวจสอบ ทั้งที่ตนถูกตรวจสอบมาตลอด มีเรื่องมาทุกครั้ง ฟ้องมาเป็นร้อยคดีแล้ว ตนก็ชี้แจงไป จัดผู้แทนไปแก้คดี 300-400 คดีแล้ว ตนไม่ถูกตรวจสอบตรงไหน ตนไม่เข้าใจ ป.ป.ช. ตนก็แจ้งบัญชีทรัพย์สินไปแล้ว ครั้งที่แล้วที่บอกว่าตนไม่ได้แจ้ง ตนก็แจ้งไปแล้ว แม้กฎหมายบอกว่าไม่ต้องแจ้ง แต่ไม่เปิดเผยก็เรื่องของ ป.ป.ช. เข้าใจหรือยัง พูดอยู่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องเข้าใจก่อนว่า การปฏิรูปประเทศนั้นต้องอาศัยเวลาและความร่วมมือ ถึงจะไปได้ ความเห็นของท่านอันที่ดีกลับมาพิจารณา ถ้าได้ผลก็ทำให้ แต่ถ้ามีผลกระทบต่อคนอื่นก็จำเป็นต้องหารือกันให้ได้ข้อสรุปออกมา การปฏิรูปเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำวันเดียวเสร็จ เพราะปัญหาทับซ้อนมายาวนาน เราต้องมีแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทำแผนระยะสั้น ระยะยาว การพูดอย่างเดียวและไม่ได้ทำ พูดยังไงก็พูดได้ ถ้าทำก็จะเจอปัญหาอย่างที่ว่า แล้วจะแก้ยังไง ถ้าไม่ใช้หลักการที่ยอมรับได้ บางอย่างก็เห็นผลแล้ว บางอย่างก็กำลังจะสัมฤทธิ์ผลเมื่อถึงเวลาของมัน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ พวกเราต้องอดทนยอมรับความเปลี่ยนแปลง เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องของกฎหมาย 6 กฎหมายที่ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมให้แก่ประเทศชาติและประชาชนโดยรวม ได้แก่ 1. พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ ทำทุกอย่างให้โปร่งใส 2. พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ 3. พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ 4. พ.ร.ก.แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 5. พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย ช่วยสังคมแทนการรับโทษทางอาญา 6. พ.ร.บ.กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา อย่างไรก็ขอให้ผู้กู้รายเก่าชำระคืนด้วย เมื่อตนพูดตอนนี้ไปแล้วก็ไปติดตามว่าจะได้ประโยชน์ตรงนี้อย่างไร หากไม่ฟังกันเลยก็ไม่ได้ประโยชน์ทั้งสิ้น ก็จะมีแต่ปัญหา และหน้าที่ตรงนี้ เราต้องร่วมมือกันระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อแก้กฎหมายที่ล้าสมัยเหล่านี้ให้ได้ดีที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเรื่องของการปฏิรูปกองทัพ ได้มีการปรับลดกำลังพลกระทรวงกลาโหมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กองทัพมีความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน นำระบบข้าราชการพลเรือนกลาโหมมาใช้ เพื่อลดจำนวนข้าราชการระดับสูง

“ทหารเกณฑ์ก็มีในส่วนของคนสมัครใจด้วย ผมเห็นว่าทุกอย่างกำลังเคลื่อนที่ไปได้ด้วยดี หลายคนบอกว่า ไม่ต้องมีหรอก ทหารเอาไว้ไปเป็นแล้วกัน มีเรื่องมาก็ไปอยู่ชายแดนกับเขาด้วยแล้วกัน มีเหตุการณ์ต่างๆ ก็ไปช่วยเขาด้วยแล้วกัน ไปช่วยกันแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งกับเขาด้วยแล้วกัน อย่าพูดปากเปล่าเฉยๆ วันนี้ก็รู้อยู่แล้วว่าโลกเป็นอย่างไร จะบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรเลย ความขัดแย้งพร้อมที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลา เรื่องการปรับปรุงสวัสดิการกองทัพ เน้นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของกำลังพล รวมถึงครอบครัว เรื่องที่กล่าวมา ผมจะสอบสวนทุกอันในเรื่องผลประโยชน์อะไรก็แล้วแต่ ถึงบอกว่าคนดีคนชั่วก็มี ถ้ามีเรื่องขึ้นมาก็ต้องดำเนินคดี ตรวจสอบลงโทษไม่มีข้อยกเว้น เรื่องยุทโธปกรณ์จำเป็นต้องมีความพร้อม วันนี้ถ้าบอกว่าไม่พร้อมไม่ต้องมีก็ได้ ซื้อแล้วจะมีการทุจริตการโกง ผมว่าคิดแบบนี้ไม่ได้ ตรรกะไม่ได้ ถ้าโกงก็เล่นงานไป ก็ลงโทษไป ก็ติดคุกไป ถ้าพูดอย่างนี้ก็ไม่ต้องทำอะไรเลยหรือไง วันหน้าผมขอเชิญคนที่พูดไปขึ้นเครื่องบิน C-130 สักลำจะกล้าขึ้นไหม เพราะซ่อมมาอายุ 40 ปีแล้ว แต่ละลำเขาเสี่ยงกันเท่าไหร่ กล้าขึ้นหรือไม่ การจัดหายุทโธปกรณ์ก็ต้องคำนึงถึงภัยคุกคามใน 5-10 ปีข้างหน้าไปด้วย ผิดก็คือผิด ไม่ใช่อันนี้ก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่จำเป็น เอาไว้ถึงเวลาท่านมาเป็นให้ผมก็แล้วกัน เมื่อถึงเวลาจำเป็นก็ไม่มีเวลาไปเกณฑ์ใครมาได้อยู่แล้ว ท่านบอกว่าเรียกมาฝึกสักเดือนแล้วค่อยไปรบ ผมถามว่าจะรบได้ไหม กล้าไปอยู่ชายแดนไหม เช้า กลางวัน เย็น กลางคืน เป็นเดือนๆ มืดๆ มีใครกล้ามาเลย สมัครมาเลย มุ่งเน้นการซ่อมปรับปรุง วันนี้ซ่อมแล้วซ่อมอีก มีอยู่ 10 คัน ซ่อมไปซ่อมมา เหลือคันเดียวแล้ว จะพร้อมรบได้อย่างไร ในยามไม่มีการรบ เขาเรียกว่าการเตรียมกำลัง เตรียมยุทโธปกรณ์ให้พร้อม ให้พอเพียง ให้เป็นศักยภาพของเรา เพื่อที่จะระงับความขัดแย้งต่างๆ ไม่ใช่เพื่อไปสู้รบกับเขา ไม่มีอะไรที่สำคัญหรือไม่สำคัญ แต่ต้องมองในภาพรวม การเป็นรัฐบาลไม่ใช่จะหาเสียงให้ๆ แจกๆ ต้องดูทุกคนทุกส่วนให้ได้รับความยุติธรรม ให้มีการเจริญเติบโตก้าวหน้า ให้เติบโตเข้มแข็ง นั่นคือศักยภาพของประเทศไทย ยืนยันว่าดำเนินการทั้งหมดในส่วนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทุกวันนี้ก็พยายามซ่อมให้รบได้ ให้วิ่งได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไหร่ไม่รู้ ต้องเตรียมความพร้อมไหม อันนี้ตัดทิ้งหมด อันนั้นก็ไม่ซื้อ อันนี้ก็ไม่ให้ใช้ เพราะกลัวว่าจะซื้อแล้วโกง ก็ไปหาหลักฐานมาว่าโกงตรงไหน โกงเท่าไหร่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีเรือหลวงสุโขทัย คณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงมีอยู่หลายคณะด้วยกัน คณะทำงานตรวจสอบสาเหตุที่อับปางทั้ง 2 คณะ กำลังเร่งดำเนินการสอบผู้เกี่ยวข้องหาข้อเท็จจริงโดยเร็ว พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิดตามระเบียบที่เกี่ยวข้องควบคู่ไปกับคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง มีสมาชิกท่านหนึ่งรอบรู้มากในการสร้างเรือ ตนขอคำแนะนำด้วยแล้วกัน เพราะรู้หมดทุกชิ้นส่วนเลย อันนี้เป็นเรื่องของทางเทคนิค ก็ต้องให้ความเป็นธรรมเขาบ้าง คนเสียชีวิตทุกคนไม่อยากให้มีใครเสียชีวิตอยู่แล้ว กำลังพลที่เสียชีวิตก็ช่วยเหลือทุกอย่าง สิทธิที่พึงได้รับขั้นต้น และการเสนอเลื่อนชั้นเงินเดือน การเสนอขอพระราชทานยศ เลื่อนยศสูงขึ้น พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ บำเหน็จตกทอด บำนาญพิเศษ บรรจุทายาททดแทน ท่านต้องคิดอะไรให้เป็นรูป ถ้าคิด 1 ต้องได้ 2, 2 ต้องได้ 3 ตนคิดว่าไม่ใช่ต้องเอา 1 2 3 4 5 มารวมกันแล้วคิดออกมาถึงจะทำงานได้

ส่วนการปฏิรูปตำรวจเป็นเรื่องสำคัญ ต้องทำทันที ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ใช่การสร้างปัญหาใหม่ ถ้าใครคิดว่าเสียเงินแต่งตั้งตำรวจ มาหาตน เพราะตนไม่เคยมีนโยบายให้ใครไปเรียกรับผลประโยชน์ ถ้าใครปล่อยปละละเลย ขอให้มีหลักฐานมา ตนสอบสวนให้ ดำเนินการให้ วันนี้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญอย่าไปให้เขา

“ถ้าเขาเรียก แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ถ้าผิดยอมรับผิด ถ้าผิดแล้วไปเสนอเงินให้เขา ก็เป็นอยู่แบบนี้ ถ้าไม่ผิดเรียกเงินก็เล่นงานให้เต็มเครื่องเต็มที่ ผมสนับสนุนท่านอยู่แล้ว ปัญหาเหล่านี้ทับซ้อนมานาน ท่านคิดหรือว่า ผมจะไม่ให้ความสนใจ ผมทำทุกเรื่องทุกกระทรวงทุกกิจกรรม แต่ปัญหามันต้องมี ผมยืนยันหลักการว่า ผมจะทำอย่างเต็มที่ และอย่างน้อยที่ทำมาทั้งหมด ทำได้ดีกว่าก่อนหน้านั้นหลายเรื่องด้วยกัน มากมายหลายเรื่อง มากกว่าที่ผ่านมาเยอะแยะ มองดูส่วนดีบ้าง ส่วนไม่ดีก็ต้องมี ก็ต้องแก้ไขกันต่อไป ใครจะเป็นนายกฯ ก็แล้วแต่ ก็แก้ให้ดีกว่าที่ผมแก้ก็แล้วกัน บางพรรคผมยังไม่รู้เลยว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรค ใครจะเป็นนายกฯ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ถามสมาชิกที่ยกมือว่า “คนที่ยกมือ ใครเป็นนายกฯ พรรคท่านครับ” ก่อนจะนั่งลง จบการชี้แจง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บ้านหนองจาน” วุ่น เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่ทหารไทย

สระแก้ว 25 ส.ค. – ชายแดนสระแก้วตึงเครียด ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่บ้านหนองจาน ทหารไทยเจ็บ 1 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 แจงเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศเสียงตามสาย เรียกระดมชาวบ้านให้ออกมารวมตัวกันยังพื้นที่พิพาทติดแนวชายแดน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ และที่ดินของกัมพูชา เข้าร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึง เกิดเหตุเหตุจราจลขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชาบางส่วนพากันบุกเข้ามารื้อรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยขึงกั้นไว้เพื่อป้องกันการรุกล้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประชาชนจากฝั่งกัมพูชายังคงทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ด้านกองกำลังทหารไทยจึงได้เสริมกำลังเข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการบานปลาย ที่น่าสังเกตคือ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดเพลงเสียงดังสนั่น คาดว่าเป็นเพลงปลุกใจ เพื่อสร้างขวัญและกระตุ้นให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความฮึกเหิมมากขึ้น เสียงเพลงดังกล่าวได้ถูกเปิดก้องไปทั่วบริเวณแนวชายแดน สร้างความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยทหารไทยยังคงตรึงกำลังแน่นหนา เพื่อเฝ้าระวังการปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนกลางเพื่อรายงานความคืบหน้าและเตรียมมาตรการรองรับ กองทัพภาคที่ 1 แจงแล้ว ปมชาวบ้านเขมรรื้อรั้วหนาม ล่าสุด กองทัพภาคที่ […]

ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ

สวีเดน 25 ส.ค.-ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ “มาริษ-ผบ.ทอ.” ร่วมเป็นสักขีพยาน ชูเป็นเขี้ยวเล็บป้องกันตัว พ่วง Offset Policy พัฒนาอุตสาหกรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 17.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย รัฐบาลไทยและสวีเดน ได้บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ดร.พอล ยอนซอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน ร่วมเป็นสักขีพยาน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้าง “เขี้ยวเล็บ” […]

มทภ.2 ชี้หากพบกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้

เกษตรศาสตร์ 25 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ชี้หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้ แต่ยิงแจ้งเตือนก่อน หากยังขัดขืนสั่งยิงทันที เชื่อประชุม RBC 27 ส.ค.นี้ ราบรื่นดี มองหากกัมพูชาไม่รับเงื่อนไขเก็บทุ่นระเบิด เตรียมเก็บหลักฐานฟ้อง UN วันนี้ (25 ส.ค. 68) ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ หากฝ่ายกัมพูชาไม่ตกลงที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด ว่า ถ้าไม่เก็บกู้ก็จะรายงานไปที่ UN และทำบันทึกไว้เพื่อเป็นการประท้วง ส่วนการประชุม RBC ที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 มีการตอบรับเรื่องเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ควรจะมีการตอบรับด้วยหรือไม่เพื่อแสดงถึงความจริงใจ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า […]