นายกฯ แจงตัวเลขลงทุนในไทย พื้นที่ EEC มีการลงทุนแล้วจริง

รัฐสภา 15 ก.พ. – นายกรัฐมนตรี ชี้แจงตัวเลขการลงทุนในไทย พื้นที่ EEC มีการลงทุนแล้วจริง รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนดูแลผู้ประกอบการ ทั้งรายใหญ่ และ SMEs


วันนี้ (15 กุมภาพันธ์ 2566) เวลา 19.00 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

การลงทุนเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ มีปัจจัยหลายส่วนที่ต้องเปรียบเทียบ อาทิ ปัจจัยของขั้วอำนาจของโลก ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ แต่ไทยมีจุดเด่นทางด้านคุณภาพโครงสร้างพื้นฐาน ทักษะแรงงาน อุตสาหกรรมสนับสนุน ซึ่งจะเหมาะกับการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีมากกว่าใช้แรงงาน แรงงานไทยเป็นแรงงานต่างด้าวทั้งสิ้น ต้องพัฒนาฝีมือแรงงานไทย ค่าแรงขึ้นก็เป็นประโยชน์แก่คนไทย ปัจจุบันต้องเป็นการลงทุนเทคโนโลยีขั้นสูง


เป้าหมายการดึงดูดการลงทุนนั้น เปลี่ยนจากโครงการดึงดูดการลงทุนที่ใช้แรงงานเป็นหลัก มาเป็นกิจการที่ใช้ทักษะขั้นสูง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แรงงานส่วนใหญ่ของไทยเป็นแรงงานต่างด้าวทั้งสิ้น มีแรงงานต่างด้าวสองแสนคนจากสามแสนคน จึงต้องพัฒนาแรงงานไทย 100,000 คน ให้มีคุณภาพ พัฒนาฝีมือแรงงาน โดยปัจจุบันต้องปรับให้เป็นกิจการที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งอุตสาหกรรมพวกนี้มีการขยายตัวของการลงทุนเพิ่มขึ้น ได้แก่ เทคโนโลยีชีวภาพ ธุรกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมอากาศยาน อุตสาหกรรมพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการศึกษา และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ มีการขอรับการส่งเสริม จำนวน 2,108 โครงการ เงินลงทุน 379,097 ล้านบาท โดยอุตสาหกรรมดิจิทัลและระบบอัตโนมัติมีการเติบโตมากกว่า 200% ในปี 2565 และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพมีการเติบโตมากกว่า 100% ในช่วงโควิด เพราะฉะนั้น ความเข้มแข็งในวันนี้เป็นผลมาจากความสำเร็จในการสร้างความเชื่อมั่น และการยอมรับในระดับสากล ทั้งในเรื่องการรับมือสถานการณ์โควิด ระบบสาธารณสุข การบริการ การบริหารความเสี่ยงในสถานการณ์วิกฤติ การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ มีการบริหารจัดการที่ดี มีวินัยการเงินการคลัง ความต่อเนื่องในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ สิ่งเหล่านี้คือการบริหารเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย

ส่วนการลงทุนใน EEC โครงการที่มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนได้เริ่มมีการลงทุนจริงแล้ว ข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ได้มีการดำเนินการขอออกบัตรส่งเสริมแล้ว 5,976 โครงการ ได้เริ่มลงทุนตามโครงการแล้ว 4,925 โครงการ หรือคิดเป็นอัตราเฉลี่ยร้อยละ 82 ของจำนวนโครงการที่ออกบัตรส่งเสริมทั้งหมด แต่หากพิจารณาเฉพาะคำขอที่ยื่นในปี 2561-2563 (ไม่นับรวมปี 2564-2565 ซึ่งเพิ่งอนุมัติไปไม่นาน) จะมีอัตราการเริ่มลงทุนสูงถึงร้อยละ 93 ของจำนวนโครงการที่ออกบัตรส่งเสริมทั้งหมด โครงการที่ได้ยื่นขอรับการส่งเสริมในพื้นที่ EEC ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ได้มีการทยอยลงทุนจริง จากข้อมูลล่าสุด (ณ เดือนธันวาคม 2565) คำขอใน EEC ที่ยื่นในช่วงปี 2561-2565 ได้ดำเนินการขอออกบัตรส่งเสริมแล้ว จำนวน 1,687 โครงการ ในจำนวนนี้ได้มีการเริ่มลงทุนตามโครงการแล้ว จำนวน 1,437 โครงการ หรือคิดเป็นอัตราเฉลี่ยร้อยละ 85 ของจำนวนโครงการที่ออกบัตรส่งเสริมทั้งหมด แต่หากพิจารณาเฉพาะคำขอที่ยื่นในปี 2561-2563 (ไม่นับรวมปี 2564-2565 ซึ่งเพิ่งอนุมัติไปไม่นาน) จะมีอัตราการเริ่มลงทุนสูงถึงร้อยละ 95 ของจำนวนโครงการที่ออกบัตรส่งเสริมทั้งหมด ซึ่งการลงทุนใน EEC คาดว่าจะเริ่มผลิดอกออกผลได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป เพราะต้องมีช่วงเวลาในการก่อสร้างโครงการ และติดตั้งเครื่องจักร ก่อนที่จะเริ่มการผลิต มีรายได้เป็นภาษีให้กับประเทศ และจ้างงานคนไทย

นโยบายส่งเสริมการลงทุนเปิดกว้างให้กับผู้ประกอบการทุกชาติ ทุกระดับ ทุกขนาด โดยในแต่ละปี โครงการที่มีหุ้นไทยทั้งสิ้นและโครงการร่วมทุนระหว่างไทย-ต่างชาติ จะมีสัดส่วนถึงประมาณ 2 ใน 3 ของโครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมทั้งหมด นักลงทุนไทยทั่วไปจะได้รับสิทธิประโยชน์ไม่แตกต่างจากนักลงทุนต่างชาติ ด้วยเกณฑ์เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 ล้านบาท และหากเป็น SMEs ที่มีหุ้นไทยข้างมาก ก็จะได้รับการผ่อนปรนเงื่อนไขเงินลงทุนขั้นต่ำเหลือเพียง 5 แสนบาท และได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องจักรใช้แล้วในประเทศได้บางส่วนเพื่อลดต้นทุน อีกทั้งยังจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมพิเศษ Cap วงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น 2 เท่าของโครงการทั่วไปอีกด้วย ดังนั้น นโยบายส่งเสริมการลงทุนจึงมิได้เอื้อประโยชน์แก่นายทุนรายใหญ่ ตั้งแต่ปี 2558-2565 พบว่ามีการขอรับการส่งเสริมในโครงการระดับ SMEs (มีมูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 200 ล้านบาท และเป็นหุ้นไทยข้างมาก) จำนวน 5,111 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 214,174 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42 ของจำนวนโครงการขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการสนับสนุนให้ SMEs ไทยมีการลงทุนประกอบธุรกิจของตัวเอง นอกจากการให้สิทธิประโยชน์แล้ว BOI ยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่จะช่วยสนับสนุน SMEs เช่น การสนับสนุนการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม เพื่อช่วยสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนที่เป็น SMEs ไทย โดยที่ผ่านมามีผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนของไทยเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ กว่า 1,000 ราย ส่งผลให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถขยายตลาดชิ้นส่วนได้มากขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากการประเมินในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา (ปี 2558-2565) พบว่ามีมูลค่าการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมรวมกว่า 224,300 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง


การฟื้นตัวเรื่องโควิด-19 นั้น นายกรัฐมนตรีขอขอบคุณความร่วมมือคนไทยทั้งประเทศ โดย “ปีแรก” ของการระบาด ประเทศไทยถือว่าเป็นอันดับ 2 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชีย ที่สามารถฟื้นตัวจากโควิด-19 ได้ดี เป็นอันดับ 6 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชีย ที่มีการบริหารจัดการเกี่ยวกับโรคระบาดและด้านสุขภาพได้ดีที่สุด ไทยเป็นอันดับ 5 ของโลก ที่มีความมั่นคงทางสุขภาพ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เลือกประเทศไทยเป็น 1 ใน 4 ประเทศจากทั่วโลก และเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการดำเนินโครงการกลไกทบทวนการเตรียมความพร้อมกรณีภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health and Preparedness Review : UHPR) และถอดบทเรียนความสำเร็จการรับมือวิกฤติโควิด และประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นที่ตั้งสำนักงานเลขาธิการของ “ศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่” (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases : ACPHEED) ที่ส่งเสริมโอกาสให้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางทางการแพทย์และสาธารณสุข” (Medical Hub) แห่งหนึ่งในโลก และต่อยอดเป็นตลาดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้ในอนาคต เป็นการเอาชนะสงครามโควิดของรัฐบาลได้อย่างงดงาม

การท่องเที่ยว ในปี 2565 หลัง “เปิดประเทศ” อย่างเป็นระบบ นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้าไทยตามเป้า 10 ล้านคน รัฐบาลมั่นใจว่าปี 2566 จะมีชาวต่างชาติมาเยือนไทยไม่น้อยกว่า 23.5 ล้านคน สร้างรายได้จากกิจกรรมต่างๆ รวมถึง 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมชาวจีนที่ยังคงปิดประเทศ

รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลกระทบ คือ สถานการณ์ระหว่างประเทศ และรัฐบาลพยายามใช้อำนาจภายในขอบเขตของกฎหมาย ขอให้รับทราบการทำงานของรัฐบาล

จากการหาเสียงของพรรคการเมือง ขอให้คำนึงถึงการเพิ่มภาระงบประมาณจำนวนมากให้กับประเทศ การกำหนดงบประมาณต้องพิจารณาถึงกฎกติกา เม็ดเงิน การใช้งบประมาณ ไม่ให้ผิด พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง

สำหรับรายได้รัฐบาลไทย ในปี 2556 มี 2,156,677 ล้านบาท ในปี 2557 มีประมาณ 2,078,000 ล้านบาท ในปี 2558 มีประมาณ 2.2 ล้านบาท ปี 2559 มีประมาณ 2.3 ล้านบาท ปี 2560 มีประมาณ 2.3 ล้านบาท ปี 2561 มีประมาณ 2.5 ล้านบาท ปี 2562 มีประมาณ 2.5 ล้านบาท ปี 2563 มีประมาณ 2.3 ล้านบาท ปี 2564 มีประมาณ 2.4 ล้านบาท ปี 2565 มีประมาณ 2.6 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่ารายได้มีการเพิ่มมากขึ้น และสำหรับรายจ่ายก็ได้นำไปดูแลประชาชน ทั้งโครงการคนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประกันสุขภาพทั้งแพทย์สมัยใหม่และแพทย์แผนไทย ยกระดับ อสม. ส่งเสริมการตรวจคัดกรองโรคต่างๆ เป็นต้น จึงเห็นได้ว่า ทุกวันนี้รัฐบาลพยายามดูแล ประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะได้เผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้เพื่อให้ทราบโดยทั่วกันต่อไป. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บ้านหนองจาน” วุ่น เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่ทหารไทย

สระแก้ว 25 ส.ค. – ชายแดนสระแก้วตึงเครียด ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่บ้านหนองจาน ทหารไทยเจ็บ 1 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 แจงเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศเสียงตามสาย เรียกระดมชาวบ้านให้ออกมารวมตัวกันยังพื้นที่พิพาทติดแนวชายแดน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ และที่ดินของกัมพูชา เข้าร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึง เกิดเหตุเหตุจราจลขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชาบางส่วนพากันบุกเข้ามารื้อรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยขึงกั้นไว้เพื่อป้องกันการรุกล้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประชาชนจากฝั่งกัมพูชายังคงทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ด้านกองกำลังทหารไทยจึงได้เสริมกำลังเข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการบานปลาย ที่น่าสังเกตคือ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดเพลงเสียงดังสนั่น คาดว่าเป็นเพลงปลุกใจ เพื่อสร้างขวัญและกระตุ้นให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความฮึกเหิมมากขึ้น เสียงเพลงดังกล่าวได้ถูกเปิดก้องไปทั่วบริเวณแนวชายแดน สร้างความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยทหารไทยยังคงตรึงกำลังแน่นหนา เพื่อเฝ้าระวังการปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนกลางเพื่อรายงานความคืบหน้าและเตรียมมาตรการรองรับ กองทัพภาคที่ 1 แจงแล้ว ปมชาวบ้านเขมรรื้อรั้วหนาม ล่าสุด กองทัพภาคที่ […]

ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ

สวีเดน 25 ส.ค.-ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ “มาริษ-ผบ.ทอ.” ร่วมเป็นสักขีพยาน ชูเป็นเขี้ยวเล็บป้องกันตัว พ่วง Offset Policy พัฒนาอุตสาหกรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 17.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย รัฐบาลไทยและสวีเดน ได้บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ดร.พอล ยอนซอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน ร่วมเป็นสักขีพยาน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้าง “เขี้ยวเล็บ” […]

มทภ.2 ชี้หากพบกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้

เกษตรศาสตร์ 25 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ชี้หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้ แต่ยิงแจ้งเตือนก่อน หากยังขัดขืนสั่งยิงทันที เชื่อประชุม RBC 27 ส.ค.นี้ ราบรื่นดี มองหากกัมพูชาไม่รับเงื่อนไขเก็บทุ่นระเบิด เตรียมเก็บหลักฐานฟ้อง UN วันนี้ (25 ส.ค. 68) ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ หากฝ่ายกัมพูชาไม่ตกลงที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด ว่า ถ้าไม่เก็บกู้ก็จะรายงานไปที่ UN และทำบันทึกไว้เพื่อเป็นการประท้วง ส่วนการประชุม RBC ที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 มีการตอบรับเรื่องเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ควรจะมีการตอบรับด้วยหรือไม่เพื่อแสดงถึงความจริงใจ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า […]