ฝ่ายค้านชี้เป็นยุคที่การเมืองไทยเป็นธนกิจการเมือง

รัฐสภา 15 ก.พ. – เริ่มแล้ว! ยุทธการกระชากหน้ากากคนดี “ชลน่าน” ซัด รัฐบาลแก้เศรษฐกิจล้มเหลว ใช้เงินสร้างคะแนนนิยม ทำการเมืองไทยเข้าสู่ธนกิจการเมือง เรียกร้องกินเนสส์บุ๊กเรคคอร์ดเป็นยุคที่ยาบ้าถูกที่สุด


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธาน วาระเพื่ออภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่วาระ นายชวนแจ้งถึงการลาออกจากตำแหน่งส.ส.ของนางแพงศรี พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ และน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ทำให้มีส.ส. คงเหลือ 418 คน องค์ประชุมคือ 209 คน

ประธานสภาฯ ย้ำกับสมาชิกว่า ผู้เสนอญัตติมีสิทธิ์แถลงเหตุผล จากนั้นเป็นการอภิปรายของสมาชิก ขณะที่การตอบชี้แจงของรัฐมนตรี สามารถให้รัฐมนตรีที่ได้มอบหมายตอบแทนได้ หากรัฐมนตรีถูกพาดพิงด้วยเรื่องส่วนตัว อนุญาตให้รัฐมนตรีคนนั้นชี้แจงได้ ขณะที่การอภิปรายต้องอยู่ในประเด็น ไม่วนเวียน ไม่ซ้ำซาก ไม่ใส่ร้ายเสียดสีบุคคล ห้ามนำเอกสารหรือวัตถุใดมาแสดงในที่ประชุม เว้นแต่ประธานอนุญาต การอภิปรายจะเป็นการแสดงวุฒิภาวะของสมาชิก จึงขอให้ดำเนินการตามข้อบังคับการประชุมสภา เพราะประชาชนเจ้าของประเทศและอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงกำลังติดตามอยู่


จากนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงหลักการและเหตุผลของญัตติการเปิดอภิปรายทั่วไปว่า การบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน 12 ประการที่รัฐบาลประกาศว่าจะเร่งดำเนินการก็ไม่ได้ปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การแก้ปัญหาการดำรงค์ชีวิตของประชาชน ที่พบว่าประชาชนระดับรากหญ้าอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่ามาตรฐาน มีความเหลื่อมล้ำระหว่างคนในสังคมสูงมาก เกิดภาวะรวยกระจุกจนกระจาย คนไร้ที่อยู่อาศัยมีเพิ่มมากขึ้น ปัญหาประมงพื้นบ้านยังไม่ได้รับการแก้ไข ขณะที่ประมงระดับชาติก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากการตราพระราชกำหนดของรัฐบาล

ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า การบริหารประเทศของคณะรัฐมนตรีไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชน ใช้จ่ายงบประมาณและการก่อหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล ส่งผลให้หนี้สินต่อครัวเรือนและต่อหัวประชากรสูงขึ้น ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจและความเดือดร้อนของประชาชนได้ ทำให้การบริหารงานด้านเศรษฐกิจล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แต่มุ่งเน้นใช้เงินเพื่อประโยชน์ทางการเมือง สร้างคะแนนนิยมของรัฐบาล ทำให้การเมืองไทยเข้าสู่ธนกิจทางการเมือง เอื้อประโยชน์กับกลุ่มทุนและพวกพ้องของตัวเอง ทำให้เกิดการผูกขาดและการแสวงหาประโยชน์จากโครงการของรัฐและทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยต้องปิดตัว มีปัญหาทุจริต การพนันที่ปล่อยให้องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติมาใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งทำมาหากิน ส่งผลให้เกิดความล้มเหลวในการป้องกันและแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นอกจากนี้การป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัยก็ไร้ประสิทธิภาพแผ่นดินของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ประเทศชาติสูญเสียโอกาส

“แปดปีที่แปดเปื้อน ใช้ ม.44 ปิดเหมืองทองอัคราจนบริษัทแม่ฟ้องร้อง และยังใช้งบประมาณมหาศาลกว่า 24.5 ล้านล้านบาท แต่ผลงานต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ขอบคุณนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลจนความจริงปรากฏในสังคม ลูกหลานเราจะได้ตาสว่างว่าคนดีที่ใส่หน้ากากอยู่นี้ เบื้องหลังเป็นอย่างไร ทำไมการทุจริต การซื้อขายตำแหน่งมาระบาดหนักในยุคนี้ แถมตบทรัพย์เป็นอาจิณ จะบอกว่า ก็เพราะผมตรวจสอบเก่ง ก็ตอบได้นะครับ ผมอยากฟัง ท่านต้องชี้ให้เห็นว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่วันนี้ การซื้อขายตำแหน่ง มันค้นพบในการดำรงตำแหน่งของท่านจำนวนมาก ยกตัวอย่าง อธิบดีท่านหนึ่ง กระทำความผิด แต่กลับย้ายมาอยู่ที่สำนักนายกฯ ท่านทำเพื่ออะไร มีการตั้งข้อสังเกตว่า ทำเพื่อปกป้องหรือไม่ เพราะมีความใกล้ชิดเป็นน้องชายของเพื่อนสนิทท่าน” นพ.ชลน่าน กล่าว


ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า วันนี้ธนกิจการเมือง ใช้เงินเป็นใหญ่ เพื่อทำงานการเมือง เพื่อต้องการอยู่ในอำนาจ เขาให้พล.อ.ประยุทธ์ อยู่แค่ 8 ปีแต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่พอ ศาลให้อยู่ต่อ 2 ปี พล.อ.ประยุทธ์ก็ประกาศว่าจะอยู่ต่อ และไม่ได้บอกว่าจะอยู่แค่ 2 ปี ยังพูดกำกวม ถ้าเป็น ม.151 ตนจะกล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์ว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด

นพ.ชลน่าน กล่าวถึงปัญหายาเสพติดว่า ยุคนี้แพงหมด ยกเว้นยาเสพติด ซึ่งกินเนสส์บุ๊กบันทึกสถิติได้ ก็อยากให้บันทึกว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ราคายาบ้าถูกที่สุด และสารตั้งต้นที่ถูกลงและหาง่าย ทำให้วันนี้คนผลิตยาบ้าได้มาก  พร้อมตั้งคำถามว่า มีการเวียนของกลางกลับมาใช้หรือไม่ เพราะเผาทำลายของกลางจำนวนมาก แต่ยาบ้าที่อยู่ในระบบก็ยังมีจำนวนมากมายมหาศาล

ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว กล่าวถึงกรณีที่บอร์ด สปสช.ไม่เซ็นอนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณให้กับพี่น้องประชาชนที่จะได้รับการดูแลเรื่องส่งเสริมสุขภาพปี 2566 จำนวนประมาณ 14 ล้านคน จนเกิดการเรียกร้อง ในที่สุดรัฐมนตรีเลือกที่จะอนุมัติเฉพาะคนที่มีสิทธิ์ในบัตรทอง แต่คนนอกสิทธิ์บัตรทองไม่ได้รับการอนุมัติ จำนวนเงินประมาณ 5 พันล้านบาท วันนี้สถานบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขเดือดร้อนอย่างมาก

“ข้อเท็จจริงที่ผมได้มา แปลกมาก เกิดจากความหวังดีของคณะที่ปรึกษานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อไม่ให้รัฐมนตรีทำผิดกฎหมาย ไม่ให้เซ็นอนุมัติเบิกจ่าย มิเช่นนั้น เป็นอันตรายต่ออนาคตที่กำลังจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ถือเป็นการปกป้องคนหนึ่งคน แต่คน 14 ล้านคนเดือดร้อน เอาวิธีคิดแบบนี้มาจากไหน ถ้าผมเป็นนายกฯ ผมปลดที่ปรึกษาของรัฐมนตรีแบบนี้แล้ว ท่านนายกฯ ต้องไปดูรายละเอียด อันนี้คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน สิทธิ์สวัสดิการ สิทธิ์ประกันสังคม สิทธิ์ท้องถิ่น สิทธิ์รัฐวิสาหกิจ ปี66 ลดลงอย่างแจ่มชัด เรื่องวัคซีน เรื่องการดูแลสุขภาพ ถุงยางอนามัย ยาเอดส์ กระทบไปหมด นี่หรือคนดี ภาพรวมที่ผมพูดมาทั้งหมดจะถูกกระชากเป็นชิ้นๆ ไม่ใช่เฉพาะหน้ากาก แต่จะกระชากให้ถึงก้นบึ้งของหัวใจท่านว่า หัวใจทำด้วยอะไร ท่านคิดอย่างไร สมองท่านเป็นอย่างไร” นพ.ชลน่าน กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรอบเวลาการอภิปรายทั่วไปตามม.152 มีเวลารวม 32 ชั่วโมง ให้เวลาฝ่ายค้าน 24 ชั่วโมง และรัฐบาล 8 ชั่วโมง ซึ่งวันแรกประชุมระหว่างเวลา 09.30 น.– 02.30 น.  ฝ่ายค้านจะใช้เวลาในการอภิปรายไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง ในกรอบเวลาไม่เกินเวลา 23.00 น. และเวลาจากนั้น จัดสรรให้คณะรัฐมนตรีตอบคำถามชี้แจง ส่วนในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ จะเริ่มอภิปรายในเวลา 09.00 น. ให้แล้วเสร็จภายในเวลา 24.00 น.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย