รัฐสภา 15 ก.พ. – เริ่มแล้ว! ยุทธการกระชากหน้ากากคนดี “ชลน่าน” ซัด รัฐบาลแก้เศรษฐกิจล้มเหลว ใช้เงินสร้างคะแนนนิยม ทำการเมืองไทยเข้าสู่ธนกิจการเมือง เรียกร้องกินเนสส์บุ๊กเรคคอร์ดเป็นยุคที่ยาบ้าถูกที่สุด
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธาน วาระเพื่ออภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่วาระ นายชวนแจ้งถึงการลาออกจากตำแหน่งส.ส.ของนางแพงศรี พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ และน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ทำให้มีส.ส. คงเหลือ 418 คน องค์ประชุมคือ 209 คน
ประธานสภาฯ ย้ำกับสมาชิกว่า ผู้เสนอญัตติมีสิทธิ์แถลงเหตุผล จากนั้นเป็นการอภิปรายของสมาชิก ขณะที่การตอบชี้แจงของรัฐมนตรี สามารถให้รัฐมนตรีที่ได้มอบหมายตอบแทนได้ หากรัฐมนตรีถูกพาดพิงด้วยเรื่องส่วนตัว อนุญาตให้รัฐมนตรีคนนั้นชี้แจงได้ ขณะที่การอภิปรายต้องอยู่ในประเด็น ไม่วนเวียน ไม่ซ้ำซาก ไม่ใส่ร้ายเสียดสีบุคคล ห้ามนำเอกสารหรือวัตถุใดมาแสดงในที่ประชุม เว้นแต่ประธานอนุญาต การอภิปรายจะเป็นการแสดงวุฒิภาวะของสมาชิก จึงขอให้ดำเนินการตามข้อบังคับการประชุมสภา เพราะประชาชนเจ้าของประเทศและอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงกำลังติดตามอยู่
จากนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงหลักการและเหตุผลของญัตติการเปิดอภิปรายทั่วไปว่า การบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน 12 ประการที่รัฐบาลประกาศว่าจะเร่งดำเนินการก็ไม่ได้ปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การแก้ปัญหาการดำรงค์ชีวิตของประชาชน ที่พบว่าประชาชนระดับรากหญ้าอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่ามาตรฐาน มีความเหลื่อมล้ำระหว่างคนในสังคมสูงมาก เกิดภาวะรวยกระจุกจนกระจาย คนไร้ที่อยู่อาศัยมีเพิ่มมากขึ้น ปัญหาประมงพื้นบ้านยังไม่ได้รับการแก้ไข ขณะที่ประมงระดับชาติก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากการตราพระราชกำหนดของรัฐบาล
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า การบริหารประเทศของคณะรัฐมนตรีไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชน ใช้จ่ายงบประมาณและการก่อหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล ส่งผลให้หนี้สินต่อครัวเรือนและต่อหัวประชากรสูงขึ้น ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจและความเดือดร้อนของประชาชนได้ ทำให้การบริหารงานด้านเศรษฐกิจล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แต่มุ่งเน้นใช้เงินเพื่อประโยชน์ทางการเมือง สร้างคะแนนนิยมของรัฐบาล ทำให้การเมืองไทยเข้าสู่ธนกิจทางการเมือง เอื้อประโยชน์กับกลุ่มทุนและพวกพ้องของตัวเอง ทำให้เกิดการผูกขาดและการแสวงหาประโยชน์จากโครงการของรัฐและทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยต้องปิดตัว มีปัญหาทุจริต การพนันที่ปล่อยให้องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติมาใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งทำมาหากิน ส่งผลให้เกิดความล้มเหลวในการป้องกันและแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นอกจากนี้การป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัยก็ไร้ประสิทธิภาพแผ่นดินของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ประเทศชาติสูญเสียโอกาส
“แปดปีที่แปดเปื้อน ใช้ ม.44 ปิดเหมืองทองอัคราจนบริษัทแม่ฟ้องร้อง และยังใช้งบประมาณมหาศาลกว่า 24.5 ล้านล้านบาท แต่ผลงานต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ขอบคุณนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลจนความจริงปรากฏในสังคม ลูกหลานเราจะได้ตาสว่างว่าคนดีที่ใส่หน้ากากอยู่นี้ เบื้องหลังเป็นอย่างไร ทำไมการทุจริต การซื้อขายตำแหน่งมาระบาดหนักในยุคนี้ แถมตบทรัพย์เป็นอาจิณ จะบอกว่า ก็เพราะผมตรวจสอบเก่ง ก็ตอบได้นะครับ ผมอยากฟัง ท่านต้องชี้ให้เห็นว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่วันนี้ การซื้อขายตำแหน่ง มันค้นพบในการดำรงตำแหน่งของท่านจำนวนมาก ยกตัวอย่าง อธิบดีท่านหนึ่ง กระทำความผิด แต่กลับย้ายมาอยู่ที่สำนักนายกฯ ท่านทำเพื่ออะไร มีการตั้งข้อสังเกตว่า ทำเพื่อปกป้องหรือไม่ เพราะมีความใกล้ชิดเป็นน้องชายของเพื่อนสนิทท่าน” นพ.ชลน่าน กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า วันนี้ธนกิจการเมือง ใช้เงินเป็นใหญ่ เพื่อทำงานการเมือง เพื่อต้องการอยู่ในอำนาจ เขาให้พล.อ.ประยุทธ์ อยู่แค่ 8 ปีแต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่พอ ศาลให้อยู่ต่อ 2 ปี พล.อ.ประยุทธ์ก็ประกาศว่าจะอยู่ต่อ และไม่ได้บอกว่าจะอยู่แค่ 2 ปี ยังพูดกำกวม ถ้าเป็น ม.151 ตนจะกล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์ว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด
นพ.ชลน่าน กล่าวถึงปัญหายาเสพติดว่า ยุคนี้แพงหมด ยกเว้นยาเสพติด ซึ่งกินเนสส์บุ๊กบันทึกสถิติได้ ก็อยากให้บันทึกว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ราคายาบ้าถูกที่สุด และสารตั้งต้นที่ถูกลงและหาง่าย ทำให้วันนี้คนผลิตยาบ้าได้มาก พร้อมตั้งคำถามว่า มีการเวียนของกลางกลับมาใช้หรือไม่ เพราะเผาทำลายของกลางจำนวนมาก แต่ยาบ้าที่อยู่ในระบบก็ยังมีจำนวนมากมายมหาศาล
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว กล่าวถึงกรณีที่บอร์ด สปสช.ไม่เซ็นอนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณให้กับพี่น้องประชาชนที่จะได้รับการดูแลเรื่องส่งเสริมสุขภาพปี 2566 จำนวนประมาณ 14 ล้านคน จนเกิดการเรียกร้อง ในที่สุดรัฐมนตรีเลือกที่จะอนุมัติเฉพาะคนที่มีสิทธิ์ในบัตรทอง แต่คนนอกสิทธิ์บัตรทองไม่ได้รับการอนุมัติ จำนวนเงินประมาณ 5 พันล้านบาท วันนี้สถานบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขเดือดร้อนอย่างมาก
“ข้อเท็จจริงที่ผมได้มา แปลกมาก เกิดจากความหวังดีของคณะที่ปรึกษานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อไม่ให้รัฐมนตรีทำผิดกฎหมาย ไม่ให้เซ็นอนุมัติเบิกจ่าย มิเช่นนั้น เป็นอันตรายต่ออนาคตที่กำลังจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ถือเป็นการปกป้องคนหนึ่งคน แต่คน 14 ล้านคนเดือดร้อน เอาวิธีคิดแบบนี้มาจากไหน ถ้าผมเป็นนายกฯ ผมปลดที่ปรึกษาของรัฐมนตรีแบบนี้แล้ว ท่านนายกฯ ต้องไปดูรายละเอียด อันนี้คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน สิทธิ์สวัสดิการ สิทธิ์ประกันสังคม สิทธิ์ท้องถิ่น สิทธิ์รัฐวิสาหกิจ ปี66 ลดลงอย่างแจ่มชัด เรื่องวัคซีน เรื่องการดูแลสุขภาพ ถุงยางอนามัย ยาเอดส์ กระทบไปหมด นี่หรือคนดี ภาพรวมที่ผมพูดมาทั้งหมดจะถูกกระชากเป็นชิ้นๆ ไม่ใช่เฉพาะหน้ากาก แต่จะกระชากให้ถึงก้นบึ้งของหัวใจท่านว่า หัวใจทำด้วยอะไร ท่านคิดอย่างไร สมองท่านเป็นอย่างไร” นพ.ชลน่าน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรอบเวลาการอภิปรายทั่วไปตามม.152 มีเวลารวม 32 ชั่วโมง ให้เวลาฝ่ายค้าน 24 ชั่วโมง และรัฐบาล 8 ชั่วโมง ซึ่งวันแรกประชุมระหว่างเวลา 09.30 น.– 02.30 น. ฝ่ายค้านจะใช้เวลาในการอภิปรายไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง ในกรอบเวลาไม่เกินเวลา 23.00 น. และเวลาจากนั้น จัดสรรให้คณะรัฐมนตรีตอบคำถามชี้แจง ส่วนในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ จะเริ่มอภิปรายในเวลา 09.00 น. ให้แล้วเสร็จภายในเวลา 24.00 น.-สำนักข่าวไทย