“จิราพร” อ้อนคนอีสานเลือก พท. ปักธงประชาธิปไตย ได้กินดีอยู่ดี

อุดรธานี 15 ม.ค. – “จิราพร” ยัน เลือกตั้ง 66 ชี้ชะตาอนาคตประเทศ อ้อนคนอีสานเลือกเพื่อไทย ปักธงประชาธิปไตย ได้ความกินดีอยู่ดี


(15 มกราคม 2566) นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กล่าวบนเวที ‘ครอบครัวเพื่อไทย อีสานยามใด๋เพื่อไทยทอนั่น’ ณ ทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี ว่า มีคนจำนวนหนึ่งดูถูกคนอีสานว่า ขี้เกียจ จน ด้อยการศึกษา ตนในฐานะลูกหลานชาวอีสาน ขอยืนยันว่า คนอีสาน อดทน ซื่อสัตย์ สู้ชีวิต มีศักยภาพ ขาดอยู่อย่างเดียว คือ โอกาส โดยตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา มีหลายพรรคการเมืองเข้ามานำเสนอนโยบาย แต่ส่วนใหญ่ทำไม่สำเร็จ จนมีพรรคพรรคไทยรักไทย ที่ได้นำเสนอนโยบายต่อพี่น้องประชาชน และทำได้ทุกนโยบาย เช่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค , 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (โอทอป) , กองทุนหมู่บ้าน , พักหนี้เกษตรกร ฯลฯ

นอกจากนี้พรรคไทยรักไทยยังได้มีโครงการครัวไทยสู่ครัวโลก ที่นำวัฒนธรรมสร้างรายได้มาสู่ชาวอีสาน ด้วยการโปรโมทส้มตำ จนปัจจุบันส้มตำได้กลายเป็นเมนูอาหารของไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก พรรคไทยรักไทยจึงเป็นพรรคที่มองเห็นถึงศักยภาพชาวอีสาน เห็นอกเห็นใจพี่น้องประชาชน พี่น้องชาวรากหญ้า จึงทำให้ ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่ยังคงนั่งอยู่ในหัวใจของพี่น้องชาวอีสานมาจนถึงทุกวันนี้


เช่นเดียวกับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศนโยบายราคาข้าวตันละ 15,000-20,000 บาท ราคายางพารากิโลกรัมละ 80 บาท วางโครงการระยะยาว ทั้งโครงการสร้างอนาคตไทย 2 ล้านล้านบาท เพื่อยกระดับการคมนาคมขนส่งทั่วประเทศ เพื่อให้พี่น้องประชาชนเดินทางและค้าขายสะดวก วางแผนการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ แก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง เมื่อเกิดการรัฐประหารในปี 2557 อีสานยังประสบปัญหาน้ำท่วมสลับน้ำแล้ง รถไฟความเร็วสูง กทม.-นครราชสีมา ก่อสร้างได้เพียง 3.5 กิโลเมตรเท่านั้น ทั้งหมดคือค่าเสียโอกาสที่พี่น้องประชาชนได้รับ อาจเป็นเพราะรัฐบาลยังแก้ปัญหาค่าป้ายสถานีกลางบางซื่อ 33 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้ข้อยุติ

นอกจากนี้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ยังได้เคยประกาศนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน และเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท แม้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่เมื่อชนะการเลือกตั้งเป็นรัฐบาล ประสบกับวิกฤตอุทกภัยในปี 2554 แต่หลังจากนั้นเมื่อเศรษฐกิจขยายตัว พร้อมกับการลดภาษีนิติบุคคล รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์สามารถผลักดันนโยบายได้สำเร็จ ทั้งหมดคือดีเอ็นเอที่ส่งต่อมายังพรรคเพื่อไทย จึงเป็นแรงสนับสนุนว่า วิสัยทัศน์ที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย บุตรสาวคนสุดท้องของ ดร.ทักษิณ ประกาศไว้เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565 ประกาศว่าภายในปี 2570 ค่าแรงขั้นต่ำจะปรับขึ้นมาอยู่ที่วันละ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรีเริ่มที่เดือนละ 25,000 บาท เหตุใดจะทำไม่ได้

นางสาวจิราพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเป็นที่เข้าใจได้ว่า เสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่สามารถทำนโยบายดังกล่าวได้ เพราะเคยมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งเคยสัญญากับพี่น้องประชาชนว่า หากเป็นรัฐบาลแล้วจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400-425 บาท เงินเดือนปริญญาตรีอยู่ที่ 20,000 บาท เมื่อได้เป็นรัฐบาลในขณะนี้ไม่สามารถทำได้ตามที่ประกาศเอาไว้ เพราะฉะนั้นวิธีที่จะหยุดพลเอกประยุทธ์ หยุดเผด็จการสืบทอดอำนาจ คือเสียงของพี่น้องประชาชนเลือกเพื่อไทย


พื้นที่ภาคอีสานคือฐานที่มั่นของฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งในปัจจุบันและในอดีต ที่ราบสูงแห่งนี้สร้างขุนพลทางการเมืองจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะเป็นครูครอง จันดาวงศ์ เจ้าของวลี ‘เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ’ รวมถึงครูเตียง สิริขันธ์ กลุ่มเสรีไทยที่เคยกอบกู้ชาติสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เช่นเดียวกันคนเสื้อแดง ที่ร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ซึ่ง จ.อุดรธานี คือเมืองหลวงของพี่น้องเสื้อแดงที่ร่วมกันต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่จนทำให้พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทยได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุด นี่คือพลังของชาวอีสานที่มีความคิดก้าวหน้า มีอุดมการณ์ทางการเมือง ไม่ยอมก้มหัวให้เผด็จการ

ดังนั้น ในการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง เป็นการเลือกตั้งครั้งใหญ่ ครั้งประวัติศาสตร์ การเลือกตั้งครั้งนี้ จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทย เป็นครั้งที่ชี้ชะตาว่าจะพาพี่น้องประชาชนลงเหวไปพร้อมกับพลเอกประยุทธ์ ที่มองไม่เห็นอนาคต หรือจะพาออกจากก้นเหว เดินหน้าเส้นทางประชาธิปไตย ไปสู่การอยู่ดีกินดี

“ถึงแม้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะทิ้งพรรคพลังประชารัฐไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ และในอนาคตอาจจะไปสังกัดพรรคอื่น แต่ตราบใดที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ อย่าว่าแต่แรงขั้นต่ำ หางานทำยังหายากเลย แม้พลเอกประยุทธ์ จะพยายามกระเสือกระสนอยู่ในอำนาจมากแค่ไหน คนรอบข้างจะพยายามเข็ญให้อยู่ในอำนาจมากแค่ไหน แต่ไม่มีอะไรใหญ่ไปกว่าเสียงของพี่น้องประชาชน ไม่มีอำนาจใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าอำนาจของพี่น้องประชาชน การเลือกตั้งครั้งนี้ ขอพี่น้องประชาชนใช้หนึ่งเสียงหนึ่งสิทธิ ร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศ เปลี่ยนแปลงรัฐบาล เอาพลเอกประยุทธ์ออกไป เอาเพื่อไทย มาทำงาน ช่วยกันปักธงประชาธิปไตยในภาคอีสาน คืนความกินดีอยู่ดีให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ” นางสาวจิราพร กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]