กทม. 8 ม.ค.- “นิกร” เชื่อ “กกต.” คลอดโมเดลแบ่งเขตเลือกตั้ง-ฟังเสียงพรรคการเมือง พร้อมวอนให้ฟังข้อเสนอ กมธ.ทำกฎหมายลูก เสนอแบ่งเขต มีจำนวนราษฎรห่างกันไม่เกิน 10%
นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีมีการเผยแพร่ตารางคำนวณส.ส.ตามรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2564 ตามฐานข้อมูลราษฎร 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 400 เขต ว่า ตนเชื่อว่าข้อมูลดังกล่าวจะเป็นฐานที่ คณะกรรมการการเลือกกตั้ง (กกต.) นำไปกำหนดเกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่ เพราะเมื่อทราบถึงข้อมูลจำนวนประชากร ที่ชัดเจนตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยแล้ว จึงนำไปคำนวณตามจำนวนเขตที่มี คือ 400 เขต เท่ากับว่าในแต่ละเขตจะมีจำนวนประชากรเท่ากับ 1.65 แสนคน หลังจากนี้เชื่อว่ากกต.จะออกแบบเขตเลือกตั้ง และสอบถามความเห็นจากพรรคการเมือง
นายนิกร กล่าวอีกว่า ตนเชื่อว่าการแบ่งเขตเลือกตั้งจะทำได้เร็ว และไม่มีปัญหา และคาดหวังว่า กกต.จะรับฟังและนำข้อสังเกต ของอดีตคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ซึ่งกมธ.คณะดังกล่าวมีผู้แทนของสำนักงาน กกต. ร่วมเป็น กมธ.ด้วย ที่เคยกำหนดไว้ในร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 6 ซึ่งแก้ไขมาตรา 26(5) ว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งต้องแบ่งพื้นที่ให้มีเขตติดต่อกันและจำนวนราษฎรแต่ละเขตใกล้เคียงกัน โดยกำหนดให้ผลต่างของจำนวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้งไม่เกิน 10% แม้ว่าร่างกฎหมายลูกของกมธ.จะไม่ผ่านชั้นพิจารณาของสภาฯ ก็ตาม
“ผมเชื่อว่ากกต.มีบทเรียนจากการแบ่งเขตเลือกตั้งเมื่อปี 2562 และทราบถึงปัญหาที่กมธ.วิสามัญซึ่งประกอบด้วยทุกพรรคการเมืองและส.ว.สะท้อนในชั้นกมธ.แล้ว จึงเชื่อว่าในทางพฤตินัย กกต.จะรับฟังและนำไปปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา เช่นการฟ้องร้อง กกต. เป็นต้น” นายนิกร กล่าว
นายนิกร กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตเกี่ยวกับประเด็นการจัดทำบัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขต ของกมธ. ระบุว่า หมายเลขประจำตัวผู้สมัครและช่องทำเครื่องหมายต้องแบ่งเป็น 2 แถวหรือ 3 แถวในแนวตั้ง แล้วแต่จำนวนผู้สมัคร โดยต้องทำให้ผู้ใช้สิทธิไม่สับสนในการทำเครื่องหมายลงคะแนน ว่า เป็นช่องลงคะแนนหรือช่องหมายเลขผู้สมัคร.-สำนักข่าวไทย