รัฐสภา 6 ธ.ค. -“มงคลกิตติ์”ยันพรรคไทยศรีวิไลย์ต้าน แนวคิดขายชาติ-ขายกรรมสิทธิ์ที่ดินบรรพบุรุษ พร้อมเสนอแก้ไขกฎหมายภาษีที่ดิน-การแข่งขันทางการค้า ป้องกันการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีที่ดิน และผูกขาดของเจ้าสัวเมืองไทย
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ แถลงคัดค้านร่างกฎหมายที่เปิดให้ขายที่ดินให้ชาวต่างชาติ โดยระบุว่า เป็นเพราะหลังการระบาดของโควิด-19 มีการกว้านซื้อที่ดิน จากธุรกิจที่เจ๊ง ประกอบกับมีรายได้จากโครงการของรัฐบาล จึงซื้อที่ดินไว้รอกฎหมายขายชาติผ่าน ก็จะได้ขายที่ดิน แต่ตนไม่เห็นด้วยและในฐานะ ส.ส.จะขัดขวางให้ถึงที่สุด ขณะเดียวกันพรรคยังเสนอแก้ไข พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. เพื่อปกป้องการผูกขาด ควบรวมกิจการ สร้างสมดุลการค้า เพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่สามารถประกอบอาชีพ เพื่อให้คานอำนาจตลาด ราคา ต้นทุน ไม่ให้เอกชนรายใหญ่สามารถควบคุมราคา ควบคุมรัฐ ควบคุมพรรคการเมือง ไม่ให้ควบรวมกิจการเกินกว่า 30% ของตลาด ถ้าเกินต้องขายหุ้นส่วนให้กับประชาชนเป็นเจ้าของ หรือถ้าฝืนกระทำความผิดไม่ยอมทำตามกฎหมาย ให้รัฐสามารถยึดกิจการนั้นเป็นของรัฐเสีย และ มีโทษจำคุกไม่น้อยกว่า 10-20 ปี
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า พรรคยังเสนอแก้ไข พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. เพื่อปรับเพดานการเก็บภาษีที่ดินที่มีราคาประเมินราชการและเอกชนสูง เกิน ตารางวาละ 1 แสนบาทขึ้นไป และถือโดยเอกชน หรือ บุคคล ในจำนวนตั้งแต่ 1 ตารางวา เป็นต้นไปในอัตรา 0.3% ของราคาประเมิน จากเดิมอัตราภาษีที่ดินประเภทรกร้างว่างเปล่า มีอัตราการเสียภาษีต่ำ ส่งผลให้ผู้ถือครองที่ดินอยู่ในมือคนรวยถึงเจ้าสัว กฎหมายเดิมยังเปิดช่องให้นำที่ดินที่ยังไม่ทำประโยชน์ สามารถเปลี่ยนเป็นทำเกษตรกรรม เพื่อหลีกเลี่ยงในเรื่องการเสียภาษี โดยจะเห็นได้จากที่ดินของเจ้าสัวในเมืองไทย เช่น ที่ดินสวนมะนาวย่านธุรกิจ ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิต ที่ดิน 3 ไร่ เป็นสวนกล้วย ตารางวาละ 3 ล้านบาท ของกลุ่ม ปราสาททองโอสถ ที่ดินแปลง รัชดาภิเษก เนื้อที่ 24 ไร่ ปลูกมะนาว ราคา ตารางวาละ 1 ล้านบาท ของ บริษัทแหลมทองค้าสัตว์ ที่ดินหัวมุมถนนพระราม 9 หลังเซ็นทรัลพระราม9 ทำสวนผักครบวงจร มี 75 ไร่ ของกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา ราคา ตารางวาละ 1.1-1.2 ล้านบาท และที่ดินซานติก้าผับ มีแปลงมะนาว-มะละกอ ราคา 2.5 ล้านบาท/ตารางวา. สำนักข่าวไทย