รัฐสภา 2 พ.ค.- สปท.เห็นชอบรายงานแนวทางขับเคลื่อนการปฏิรูปการใช้สื่อออนไลน์เชิงบวกและสร้างสรรค์ ขณะที่สมาชิกสปท.ขอให้กมธ.ทบทวนการออกใบรับรองวิชาชีพสื่อ
การประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) พิจารณารายงานผลการศึกษาและข้อเสนอแนะด้านยุทธศาสตร์และแนวทางการขับเคลื่อนการปฏิรูปการใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์ ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอร่างพ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน และ ร่างพ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน
พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ประธานกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า จากการศึกษาพบข้อมูลว่าสื่อหลัก ทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ รวมถึงสื่อออนไลน์ สร้างผลกระทบต่อจิตใจประชาชน หากไม่กำกับดูแล อาจเกิดการล่วงละเมิดสิทธิถึงขั้นสูญเสียทรัพย์สิน และหากยังปล่อยไว้จะกระทบต่อความมั่นคงชาติ ต้องปฏิรูปปลูกฝังจิตสำนึกตั้งแต่วัยเด็ก และต้องอบรมต่อเนื่องให้ประชาชนตระหนักรู้ภัยของการเสพสื่อ พร้อมต้องกำหนดยุทธศาสตร์การใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์ด้วย
นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต กรรมาธิการฯ กล่าวว่า กรรมาธิการฯ ได้เสนอให้ตั้งคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนการใช้สื่อสร้างสรรค์ เป็นกลไกการบริหารจัดการการใช้สื่อออนไลน์เชิงบวกและสร้างสรรค์ พร้อมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและกระบวนการตรวจสอบประเมินผลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ขณะที่สมาชิก สปท.บางส่วน อาทิ นายกษิต ภิรมย์ อภิปรายไม่เห็นด้วยกับการให้นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการดังกล่าว เพราะนายกรัฐมนตรีไม่ใช่หนุมานที่จะทำหน้าที่ได้ทุกคณะกรรมการ
นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิก สปท. อภิปรายว่า ขอให้กรรมาธิการฯทบทวนและแก้ไขการออกใบรับรองหรือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน เพราะการออกใบรับรองที่สื่อต้องผ่านการอบรมและเจ้าของกิจการต้องผ่านการอบรมด้วย ทั้งที่ความจริงสื่อควรมีสิทธิเสรีภาพ ไม่ควรถูกบังคับให้เปิดเผยความคิด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องแสดงที่มาของบัญชีทรัพย์สิน เพราะใช้ภาษีประชาชน แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องเปิดเผยความความคิด
“แล้วเหตุใดสื่อจึงต้องดำเนินการตามที่ร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. …. ทั้งที่สื่อส่วนใหญ่เป็นเอกชนใช้เงินทุนตัวเอง และสื่อก็มีสิทธิเสรีภาพจะเปิดเผย หรือไม่เปิดเผยก็ได้ ต้องระมัดระวัง หากถูกนำไปตัดตอนวิพากษ์วิจารณ์บางส่วน อาจถูกตั้งคำถามว่า สปท.กำลังจะไปเขียนอะไรที่ควบคุมขนาดนั้นหรือไม่” นายคำนูณ กล่าว
จากนั้น พล.อ.อ.คณิต กล่าวว่า กรรมาธิการจะแก้ไขและปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. …. ตามข้อสังเกตของ สปท.ภายใน 30 วัน ซึ่งจะเริ่มพิจารณาได้ในสัปดาห์หน้า โดยวางแนวทางให้งเจ้าหน้าที่ถอดคำอภิปรายของสปท.ทั้ง 20 คนเพื่อนำความเห็นที่เป็นประโยชน์มาปรับปรุง อาทิ คำนิยามของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน เพราะมีข้อท้วงติงว่าไม่ควรเหมารวม ควรแยกรายละเอียดเป็นสื่อแต่ละประเภท เช่น สื่อกระแสหลัก สื่อทางเลือก สื่อออนไลน์ หรือการเผยแพร่ข้อมูลผ่านกลุ่มแฟนเพจเฟซบุ๊ค
“ส่วนข้อเสนอของผมที่ให้เขียนบทเฉพาะกาลกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของ 2 ตัวแทนเจ้าหน้าที่รัฐในสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติ เพียง 5 ปี จากนั้นจะไม่ให้ตัวแทนเจ้าหน้าที่รัฐร่วมเป็นสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติอีกต่อไปนั้น ยังตอบไม่ได้ว่าจะแก้ไขหรือไม่ เพราะเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวที่เสนอต่อที่ประชุมและยังไม่ใช่มติของกรรมาธิการ ขณะที่สมาชิก สปท. ไม่ได้ตอบรับหรือแสดงความเห็นสนับสนุนแต่อย่างใด” พล.อ.อ.คณิต กล่าว
จากนั้นที่ประชุมสปท.มีมติเห็นชอบรายงานผลการศึกษาและข้อเสนอแนะด้านยุทธศาสตร์และแนวทางการขับเคลื่อนการปฏิรูปการใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์ ด้วยคะแนนเสียง 154 ต่อ 1 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง ก่อนรวบรวมความเห็นนำไปศึกษาต่อไป.-สำนักข่าวไทย