นายกฯ ชูเศรษฐกิจ BCG ตอบโจทย์การพัฒนายั่งยืน

อิมแพ็ค เมืองทองธานี 28 พ.ย.- นายกฯ ย้ำเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศในทุกมิติ ชูเศรษฐกิจ BCG ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม ตอบโจทย์การพัฒนาแบบยั่งยืน มุ่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์พร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานศตวรรษที่ 21


พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานกิจกรรมนำเสนอผลการพัฒนาต้นแบบนโยบายภายใต้โครงการพัฒนานักบริหารระดับสูง : ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง (หลักสูตร ป.ย.ป.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ผู้เข้าร่วมโครงการพัฒนานักบริหารระดับสูง : ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง (หลักสูตร ป.ย.ป.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า รองหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า เจ้าหน้าที่ภาครัฐในส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีรับฟังการนำเสนอผลการพัฒนาต้นแบบนโยบายเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการในเชิงบูรณาการตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และหมุดหมายจาก (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ตามลำดับ ดังนี้


  1. การพัฒนาศักยภาพของประเทศไทยให้พร้อมเผชิญภัยคุกคามที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ โดย พลเอก สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ นำเสนอต้นแบบนโยบาย “การสร้างกลไก พื้นที่ เวที หรือ Platform การเสริมสร้างความสามัคคีปรองดองเพื่อการพัฒนาประเทศ”
  2. การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและลดความเสี่ยงจากอุทกภัย โดย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยการน้ำแห่งชาติ นำเสนอต้นแบบนโยบาย “การสร้างตัวแบบนโยบาย และขยายผลการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน”
  3. การพัฒนาสมรรถนะทุนมนุษย์เพื่อรองรับการพัฒนาในอนาคต โดยนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และนายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร นำเสนอต้นแบบนโยบาย “การสร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนาทักษะสำคัญของกำลังคนในอนาคต” โดยจะมีการนำต้นแบบนโยบายดังกล่าวไปปรับปรุง พัฒนา และใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นการสร้างนักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติที่เน้นการทำงานเชิงบูรณาการในการปฏิบัติให้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรมผ่านการปฏิบัติจริง และเป็นการพัฒนาทักษะสมรรถนะของข้าราชการให้เป็นข้าราชการแห่งศตวรรษที่ 21 ต่อไป

จากนั้น นายวิษณุ กล่าวให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะด้านการแก้ปัญหาความขัดแย้ง เน้นย้ำการเปิดพื้นที่หรือเวทีหรือแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมและยังไม่มีหน่วยงานเจ้าภาพรับผิดชอบ ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าวต้องไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ไม่มีการตัดสิน เปิดโอกาสให้ทุกคนเรียนรู้และหาวิธีการแก้ไขด้วยตัวเอง มีเวทีเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจ

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายว่า การนำเสนอผลการพัฒนาต้นแบบนโยบายภายใต้โครงการพัฒนานักบริหารระดับสูง : ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เป็นโอกาสดีในการหารือเพื่อวางแนวทางการพัฒนาและกำหนดนโยบายต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติจริงได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการร่วมมือกันระหว่างกระทรวง ลดการทำงานแนวดิ่ง หรือการทำงานแบบไซโล เพิ่มการทำงานแนวราบ และขับเคลื่อนร่วมกันทั้งองคาพยพ ซึ่งหัวใจของการทำงานในปัจจุบัน ต้องมีการปรับตัวและปรับรูปแบบการทำงานให้มีความยืดหยุ่น เพื่อให้พร้อมเผชิญกับความผันผวนไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงในมิติต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ เช่น ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการเมืองระหว่างประเทศ ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี และการเกิดโรคอุบัติใหม่

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความท้าทายสำหรับประเทศไทยคือการทำให้ประเทศเติบโตได้บนความสมดุล ยั่งยืน และมีภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาที่ทั่วโลกให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยรัฐบาลได้นำแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม BCG Model เป็นหลักในการพัฒนาเพื่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนไปพร้อมกัน ซึ่งประเทศไทยมีข้อได้เปรียบด้านความหลากหลายทางธรรมชาติ และร่ำรวยวัฒนธรรมที่เป็น SOFT POWER หากต่อยอดขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย จะทำให้เศรษฐกิจ BCG เติบโต และสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก


นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นและจริงใจอย่างยิ่งในการเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศชาติในทุกมิติ ให้มีความเจริญก้าวหน้า ทัดเทียมนานาอารยประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ทุกกลุ่ม ทุกภาคส่วน ให้ได้รับโอกาสการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างเท่าเทียม ทั่วถึง และเป็นธรรม ซึ่งนอกจากนโยบายเศรษฐกิจ BCG ที่มีส่วนช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ พร้อมตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว รัฐบาลยังให้ความสำคัญสูงสุดกับการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ให้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานในศตวรรษที่ 21 และเป็นพลเมืองคุณภาพที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมืองต่อไป พร้อมส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและคำนึงถึงสังคมผู้สูงอายุควบคู่ไปด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเร่งลงทุนเพื่ออนาคต ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม โทรคมนาคม ดิจิทัล 5G ซึ่งจะรองรับการเชื่อมโยงกันของคน แรงงาน ข้อมูล ความรู้ และเงิน ส่งเสริมการค้าการลงทุนให้กระจายตัวไปสู่ทุกพื้นที่ของประเทศ เปลี่ยนยุค “รวยกระจุก จนกระจาย” ให้กลายเป็นประชาชนมีความสุข มีรายได้ดี ตลอดจนการขับเคลื่อนภาคเกษตรกรรมยุคใหม่ให้เป็น Smart Farmer และผลักดัน 12 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาส สร้างงาน สร้างรายได้ ให้แก่ประชาชน ทั้งนี้ การพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน เป็นหน้าที่ของทุกคน ที่จะต้องร่วมมือกัน โดยส่วนราชการเป็นฟันเฟืองใหญ่และมีความสำคัญในการดำเนินการ ตั้งแต่การวางนโยบายจนถึงขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ การให้บริการประชาชนที่สะดวก รวดเร็ว โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริม ซึ่งเป็นโอกาสดีที่โครงการฯ เปิดโอกาสให้ระดับผู้บริหารได้ทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ บูรณาการทำงานจนสำเร็จเห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งการพัฒนาต้นแบบนโยบายฯ เพื่อรองรับการพัฒนาในอนาคต มีความเชื่อมโยงกับแนวทางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนแม่บท และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 จึงถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการขับเคลื่อนกลไกภาครัฐในการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ แบบบูรณาการกันต่อไป

นายกรัฐมนตรีกำชับขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการปฏิบัติ ได้แก่ สทนช. เร่งพัฒนาการแจ้งเตือนภัยด้านน้ำให้เสร็จโดยเร็ว และให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลพัฒนา Application ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลสินค้า การท่องเที่ยว เกษตร และการเตือนภัย นอกจากนี้ ขอให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการบูรณาการระดับพื้นที่ร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยควรนำตัวแบบนโยบายจากอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ไปขยายผลการทำงานให้ครอบคลุมทั้ง 22 ลุ่มน้ำ 76 จังหวัด 878 อำเภอ ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อป้องกันปัญหาภัยแล้ง และอุกทกภัยในอนาคต ซึ่งปัญหาเรื่องน้ำเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนจำนวนมาก หากสามารถดำเนินการได้เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและส่งผลดีกับประชาชน พร้อมเน้นย้ำให้ทุกคน ทุกฝ่ายช่วยกันทำงานเชื่อมโยงและสนับสนุนข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างหน่วยงานด้วย

นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำเรื่องการกำหนดนโยบาย ที่ควรร่วมรับฟังปัญหาจากกลุ่มเป้าหมายหรือผู้ประสบปัญหาโดยตรงอย่างแท้จริง ดังนั้นการทดสอบต้นแบบนโยบายฯ จึงควรนำไปทดสอบกับพื้นที่หรือสถานการณ์จริง เมื่อได้ต้นแบบที่เหมาะสมแล้วให้มีการถอดบทเรียนเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่อื่น ๆ ให้สอดคล้องกับบริบทที่เหมาะสมต่อไป เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้ตรงจุด และขอให้การทำงานอย่างบูรณาการร่วมกันในหลักสูตรฯ “เป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่สิ้นสุด” ยังคงร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทุกภารกิจสัมฤทธิ์ผลตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยนำหลักการและแนวทางที่ได้รับไปพัฒนาและประยุกต์ใช้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปฏิบัติงานภาครัฐ ที่เน้นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมให้มีการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนนำกระบวนนวัตกรรมเชิงนโยบายที่เป็นประโยชน์ไปต่อยอดและขยายผลในการกำหนดนโยบายเรื่องอื่น ๆ ในอนาคตต่อไป รวมทั้งให้มีการนำความรู้และรูปแบบการทำงานใหม่ ๆ ไปขยายผลให้เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง สร้างความเข้มแข็งให้ประเทศชาติและประชาชน นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนสืบไป และขอให้มีการรายงานความก้าวหน้าพร้อมสรุปผลการดำเนินการ รวมถึงรายงานผลการนำต้นแบบนโยบายไปสู่การปฏิบัติ แก่สำนักงาน ป.ย.ป. เป็นระยะด้วย

ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ชื่นชมและกล่าวขอบคุณปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการทุกระดับ ผู้เข้าร่วมหลักสูตรฯ รวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ให้ความสำคัญและบูรณาการการบริหารราชการแผ่นดินและการทำงานระหว่างกระทรวงโดยการหารือและกำหนดทิศทางร่วมกันอย่างจริงจัง ตั้งแต่กระบวนการคิด กระบวนการทำให้เกิดการลงมือปฏิบัติจริงเป็นรูปธรรม รวมถึงการใช้นวัตกรรมรูปแบบใหม่ในการกำหนดนโยบายที่สามารถแก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ดียิ่งขึ้นจากกระบวนการ Policy Lab จนสำเร็จบรรลุตามวัตถุประสงค์

ทั้งนี้ ก่อนการรับฟังผลการพัฒนาต้นแบบนโยบายฯ นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการการสร้างกลไกพื้นที่เวทีหรือแพลตฟอร์มการเสริมสร้างความสามัคคีปรองดองเพื่อการพัฒนาประเทศโดยการเปิดพื้นที่กิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ ชมต้นแบบนวัตกรรมเทคโนโลยีบริหารจัดการข้อมูลน้ำแบบองค์รวมพร้อมระบบการสื่อสารแบบสองทางเพื่อประชาชน การสร้างตัวแบบและการขยายผลการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนตามแนวพระราชดำริ การพัฒนาทักษะสำคัญของกำลังคนในอนาคตเพื่อค้นหาทักษะสมรรถนะที่สำคัญสำหรับคนไทยโดยเฉพาะวัยแรงงานและพัฒนากลไกในการสร้างความร่วมมือสำหรับทุกภาคส่วนตามกระบวนการ Design Thinking และชมกระบวนการศึกษาการพัฒนาทักษะสำคัญด้าน EV ของกำลังคนในอนาคต .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]