กทม.19 พ.ย.- โพล ชี้ ประชาชน เชื่อกลุ่มทุน-พรรคการเมือง เตะตัดขาขวางนโยบายกัญชาเหตุเสียประโยชน์ ระบุคนเข้าใจดีว่า “ภท.”เจ้าของนโยบายกัญขา ต้องการข่วยคนตัวเล็กตัวน้อย เพราะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่จัดในข่ายยาเสพติด
ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) รเปิดเผยว่า ตนได้ร่วมกับ นางจุฬารัตน์ นิรัติศยกุล นักวิชาการอิสระด้านการเกษตรและการพัฒนาชนบท ดำเนินการสำรวจ เรื่อง กัญชา กับ การเตะตัดขา กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศดำเนินโครงการจากผู้ถามผู้ตอบและเครื่องมือวัด จำนวน 1,226 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15 – 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา โดนพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 55.6 มีความรู้มากถึงมากที่สุดว่า กัญชาเป็นพืชที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพไม่จัดอยู่ในพวกยาเสพติดอื่น ๆ ในขณะที่ ร้อยละ29.8 มีความรู้ระดับปานกลาง และร้อยละ 14.6 ระบุมีความรู้น้อยถึงไม่รู้เลย อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.8 เชื่อว่ามีขบวนการกลุ่มทุน กลุ่มการเมืองทั้งคนไทยและต่างชาติ เสียผลประโยชน์จากนโยบายกัญชาเพื่อสุขภาพของพรรคภูมิใจไทย ในขณะที่ ร้อยละ 22.2 ไม่เชื่อ
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.6 รับรู้ว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมืองเดียวที่กล้าเปลี่ยนแปลง ทำเพื่อชาวบ้านประชาชน คนตัวเล็กตัวน้อยให้มีและใช้กัญชาได้อย่างปลอดภัย และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.3 รับรู้ว่า การขัดขวางนโยบายกัญชาของพรรคภูมิใจไทยเป็น เกมการเมือง เตะตัดขา โดยพรรคการเมืองที่ไม่ต้องการให้พรรคภูมิใจไทยได้เปรียบจากนโยบายเพื่อชาวบ้านประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยได้ประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.9 เห็นด้วยมากถึงมากที่สุดกับ พรรคภูมิใจไทย กำลังทำเรื่องกัญชาเพื่อ ประโยชน์ของชาวบ้านประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยระดับฐานรากของสังคมได้รับประโยชน์ ร้อยละ 20.5 เห็นด้วยปานกลางและร้อยละ 19.6 เห็นด้วยน้อย ถึง ไม่เห็นด้วยเลย
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.3 เห็นด้วยมากถึงมากที่สุดกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่กล้าได้ กล้าเสีย ทำเรื่องกัญชาเพื่อชาวบ้านประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยได้ประโยชน์มีและใช้กัญชาอย่างปลอดภัย ในขณะที่ ร้อยละ 20.0 เห็นด้วยปานกลาง และร้อยละ 20.7 เห็นด้วยน้อย ถึง ไม่เห็นด้วยเลย
ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.6 ระบุเป็นไปได้มากถึงมากที่สุดที่จะเข้าร่วม ส่งเสริมการปลูกกัญชา เพื่อเหตุผลทางการแพทย์และการวิจัย เพื่อคนไทย ชาวบ้านคนตัวเล็กตัวน้อยเข้าถึงยารักษาโรคจากพืชกัญชาด้วยความปลอดภัย ในขณะที่ ร้อยละ 19.7 ระบุเป็นไปได้ระดับปานกลาง และร้อยละ 18.7 เป็นไปได้น้อย ถึง เป็นไปไม่ได้เลย ที่สำคัญคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ57.8 ระบุเป็นไปได้ค่อนข้างมากถึงมากที่สุดที่จะเลือกพรรคภูมิใจไทย ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้งในขณะที่ ร้อยละ 17.3 ระบุเป็นไปได้ระดับปานกลาง และร้อยละ 24.9 ระบุเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยถึงเป็นไปไม่ได้เลย
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มประชาชนทั่วไปกับกลุ่มกระแสในสังคมข้อมูลข่าวสารมีความแตกต่างกันเพราะประชาชนทั่วไปส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจว่า กัญชาเป็นพืชที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพแยกออกจากยาเสพติดและการเสพติดอยู่ที่ตัวคนแต่ละคนมากกว่าว่าจะเสพติดอะไรได้ทั้งนั้นไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องกัญชาเพียงอย่างเดียวและเมื่อพิจารณาเรื่องกัญชาเพื่อสุขภาพจะพบว่ามีขบวนการกลุ่มทุนและกลุ่มการเมืองหลายกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกัญชาของพรรคภูมิใจไทยแต่ชาวบ้านประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยต่างได้ประโยชน์เป็นส่วนใหญ่ในการมีและใช้กัญชาอย่างปลอดภัย ผลที่ตามมาคือการยกระดับความเป็นไปได้ในการมีส่วนร่วมส่งเสริมสนับสนุนการมีและใช้กัญชาอย่างปลอดภัยและตัดสินใจจะเลือกพรรคภูมิใจไทยถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า ประชาชนมองเห็นถึงความกล้าได้กล้าเสียของนายอนุทิน ชาญวีรกูลที่แสดงความเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของชาวบ้านประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยให้มีและใช้กัญชาอย่างปลอดภัย หลุดออกจากวงจรอุบาทว์เดิม ๆ ที่มีการเอาข้อกฎหมายต่าง ๆ ในอดีตมาแสวงหาผลประโยชน์และหากินกับชาวบ้านและประชาชนโดยอ้างถึงความผิดให้ประชาชนทั่วไปหวาดกลัว เสียงจากประชาชนคือ “ใช้ใต้ดินก็ตามจับ ขอขึ้นบนดินก็ขัดขวาง ตกลงประเทศนี้ต้องการให้พวกเราลงใต้ดินต่อไปใช่ไหม” การนำกัญชาให้กลับมาอยู่ในมือประชาชน คือ ปฏิบัติการจริง ของ นโยบายเศรษฐกิจใหม่หรือ BCG ระดับชุมชน” เพราะ กัญชา คือ พืชเศรษฐกิจใหม่ หนึ่งในความหลากหลายทางชีวภาพของไทยที่หาได้ยากจากที่ใดในโลก การให้ชาวบ้านได้กินใช้กัญชาอย่างถูกต้องและปลอดภัย คือ เศรษฐกิจชีวภาพระดับฐานรากและยังเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวไปพร้อมกันตามโมเดลเศรษฐกิจใหม่ (Bio-Circular-Green Economy, BCG Economy) ลดความเหลื่อมล้ำชุมชนเข้มแข็ง แข่งขันระดับโลกได้ในขณะที่ นักวิชาการอิสระด้านการเกษตรและการพัฒนาชนบท
นางจุฬารัตน์ นิรัติศยกุล กล่าวว่า ประเด็น “การใช้ประโยชน์จากกัญชา” ที่กำลังเป็นข้อถกเถียงอยู่ในขณะนี้ เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการต่อสู้ทางการเมือง ระหว่างการเมืองเพื่อประชาชนกับการเมืองเพื่อกลุ่มทุน แม้ทราบกันมาโดยตลอดว่า กัญชา คือยาประจำบ้านของคนไทยมานับแต่อดีต และเป็นหนึ่งในความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญของแผ่นดิน โดยมีหลักฐานการใช้กัญชาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยโบราณทั้งในการแพทย์แผนไทยและยาสมุนไพร แต่ปัจจุบันการใช้กัญชาในประเทศไทยกลับเป็นสิ่งต้องห้าม ความพยายามให้ “กัญชาให้กลับมาอยู่ในมือประชาชน เพื่อการกินใช้และรักษาตนเอง” กลับยังถูกขัดขวาง โดยมีการนำประเด็นเรื่อง“กัญชาเป็นยาเสพติด” มาสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อสังคม ทั้งที่ กัญชาติดยากกว่าเหล้าและบุหรี่ ข้อเสนอคือเร่งรัดออกแนวทางการใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์ให้ลงไปถึงระดับชาวบ้านโดยเร็ว “ให้กัญชาอยู่ในมือชาวบ้านอย่างปลอดภัย” และนำประเด็น “กัญชา” กลับไปพิจารณาในสภา เพื่อให้เกิดข้อถกเถียงสาธารณะ เปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับรู้ข้อเท็จจริงและเห็นธาตุแท้ของนักการเมือง เพื่อการตัดสินใจเลือกตั้งในเวลาอันใกล้นี้.-สำนักข่าวไทย