ไทย-เวียดนาม แลกเปลี่ยนความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ 5 ฉบับ

ทำเนียบฯ 16 พ.ย. – นายกรัฐมนตรี พร้อมภริยา ให้การต้อนรับ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ลงนามแลกเปลี่ยนความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ 5 ฉบับ ตั้งเป้ามูลค่าการค้า 25,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ เห็นพ้องให้มีการประชุม ครม. ร่วม ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 4 ที่เวียดนาม และขับเคลื่อนสันติภาพในภูมิภาค ให้เมียนมากลับคืนสันติสุข


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ให้การต้อนรับ นายเหวียน ซวน ฟุก (H.E. Mr. Nguyen Xuan Phuc) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล และเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ โดยมีพิธีตรวจแถวทหารกองเกียรติยศผสม ที่บริเวณสนามหญ้า หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนที่ประธานาธิบดีเวียดนาม จะลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึก ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบโถเบญจรงค์ และผ้าไทยลายยกดอกสำหรับตัดชุดให้ประธานาธิบดีเหงียน ซวน ฟุก ขณะที่ประธานาธิบดีเวียดนามได้มอบโถแจกันรูปคู่กับ พล.อ ประยุทธ์ พร้อมผ้าตัดชุด ผ้าพันคอผู้หญิง

จากนั้น นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พร้อมคณะ ร่วมการหารือข้อราชการแบบเต็มคณะ และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามแลกเปลี่ยนความตกลงและแถลงการณ์ร่วมกระชับความสัมพันธ์ทุกสาขา โดยมีการลงนามทั้งหมด 5 ฉบับ


  1. แผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งระหว่างไทย – เวียดนาม ระยะปี พ.ศ. 2565-2570
    2.ความตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางการศาลในคดีแพ่งระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
    3.บันทึกความเข้าใจเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง ระหว่างจังหวัดขอนแก่น กับนครดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
  2. บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งเวียดนาม
    5.สัญญาสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยกับธนาคารพาณิชย์เพื่อการค้าระหว่างประเทศแห่งเวียดนาม

โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับประธานาธิบดีเวียดนาม ที่เยือนไทยอย่างเป็นทางการ ถือเป็นโอกาสพิเศษ ทั้งในฐานะเพื่อนเก่าที่ใกล้ชิดของตน ที่ได้ทำงานร่วมกันตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเวียดนาม และถือเป็นการเยือนไทยครั้งแรก ในระดับประมุข ในรอบ 24 ปี ซึ่งการเยือนครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความท้าทายทางการเมือง และความผันผวนทางเศรษฐกิจ ระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันทุกประเทศได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากโควิด-19 จากการหารือร่วมกัน ในวันพรุ่งนี้จะหารือธุรกิจไทยเวียดนาม ที่จะมีนักธุรกิจชั้นนำสองประเทศ กว่า 300 คน เพื่อขับเคลื่อน เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ให้เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกัน ฉลองครอบรอบ 10 ปี หุ้นส่วนยุทธศาตร์ไทยเวียดนาม ขณะเดียวกัน จะมีการเปิดใช้งานคิวอาร์โค้ท เพื่ออำนวยความสะดวกการค้าขายระหว่างกัน พร้อมตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน เป็น 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2025 ตามแนวทาง Three Connects ใน 3 ด้าน คือ

  1. การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานหรือ supply chain ในอุตสาหกรรมที่เกื้อกูลกัน
  2. การเชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานรากและท้องถิ่น โดยเฉพาะระหว่างภาคอีสานของไทย กับภาคกลางและภาคใต้ของเวียดนาม
  3. การเชื่อมโยงนโยบายเศรษฐกิจสีเขียวที่ยั่งยืน โมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทย กับยุทธศาสตร์การเติบโตสีเขียวของเวียดนาม

พร้อมกันนี้ เห็นพ้องต้องกัน ให้ มีการประชุมครม.ร่วมไทยเวียดนาม อย่างไม่เป็นทางการครั้งที่ 4 ที่เวียดนาม ด้านความท้าทายในภูมิภาคและระหว่างประเทศ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าควรประสานท่าที และความร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาค โดยเฉพาะในกรอบ ACMECS และอาเซียน เพื่อให้ภูมิภาคนี้มีสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง

พร้อมให้ความสำคัญกับความเป็นเอกภาพและความเข้มแข็งของอาเซียน รวมทั้งไทยและเวียดนามมีเป้าหมายเดียวกันในเรื่องเมียนมา คือต้องการให้คลี่คลายสถานการณ์และความเป็นปกติสุขกลับคืนสู่เมียนมาโดยเร็ว


ขณะที่ประธานาธิบดีเวียดนาม ขอบคุณ นายกรัฐมนตรี และประเทศสยามเมืองยิ้ม ที่ให้ความเป็นไมตรีสงวนไว้ให้กับเวียดนาม เราได้มารู้ผลงานที่จริงจังในหลายด้าน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ภายหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเห็นท้องถึงแนวทางกระชับความไว้วางใจ ทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ทั้งนี้ เห็นควรให้มีการจัด ครม. ร่วม ตนและนายกก็จะเชิญ นายกรัฐมนตรี มาเยือนเวียดนามในโอกาสที่เหมาะสม

จากนั้น นายกรัฐมนตรี นำประธานาธิบดีเวียดนาม และคณะ เยี่ยมชมนิทรรศการศิลปหัตถกรรม ที่บริเวณโถงกลาง ก่อนเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายเหวียน ซวน ฟุก และภริยา ด้วย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง