รัฐสภา 9 พ.ย.- สภาฯ อนุมัติ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้กองทุนน้ำมัน ขณะที่ ส.ส.รุ มจวกกระทรวงพลังงาน บริหารพลาดจนเป็นหนี้ แนะรัฐบาลออกมาตรการแก้ปัญหาพลังงานถาวร
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (9 พ.ย.) ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม พิจารณาพระราชกำหนดผ่อนผันให้กระทรวงการคลัง ค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 โดยมีสมาชิกอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง และต่างตำหนิการแก้ไขปัญหาราคาพลังงานของกองทุนน้ำมันที่ผ่านมา ที่บริหารแล้วขาดทุน ไม่มีมาตรการรองรับ
นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า พ.ร.ก.ดังกล่าว ทางคณะรัฐมนตรีได้มีมติและประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว แต่กลับมาขอให้สภาผู้แทนราษฎรรับรอง พ.ร.ก.ดังกล่าว แบบนี้เป็นการเบิกเงินล่วงหน้าแล้วมาขออนุมัติ ซึ่งพ.ร.ก.ฉบับนี้ เกิดจากความล้มเหลวของกองทุนน้ำมันในการจัดการเรื่องพลังงานของประเทศ มีตัวเลขติดลบเยอะขึ้นเรื่อยๆ นี่ก็คือผลงานในการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันของกระทรวงพลังงานและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
“กองทุนติดลบเยอะ เรียกว่าหนี้สิน มากกว่าทรัพย์สิน ในฐานะประชาชน จึงขอตำหนิการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กองทุน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และกระทรวงการคลัง ที่ร่วมกันตัดสินใจใช้เงินนี้ จึงอยากให้กระทรวงพลังงานต้องพิจารณาตัวเอง การบริหารกองทุนน้ำมันขาดทุน ถ้าเช่นนั้นจะให้ใครมาบริหารก็ขาดทุนเหมือนกัน บริหารแล้วเจ๊ง เมื่อเจ๊งแล้วเอาหนี้มาโป๊ะ อันนี้ง่ายมาก จึงขอถามกระทรวงพลังงานและรัฐบาลว่า ไม่มีมาตรการมากกว่านี้หรือ ฉะนั้นรัฐบาล กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน ต้องแก้ปัญหานี้อย่างถาวร อย่าแก้ปัญหาเหมือนเกษตรกรติดหนี้ ธ.ก.ส. ที่ไม่มีทางที่จะหลุดหนี้” นายณัฏฐ์ชนน กล่าว
นายเกียรติ สิทธิอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า การที่จะให้ค้ำประกันเงินกู้เมื่อมีความจำเป็น ฉุกเฉิน แต่ต้องเป็นเงินที่จำเป็นฉุกเฉินจริงๆ เป็นหน้าที่ของผู้เสนอต้องพิสูจน์ว่า หนี้นี้ฉุกเฉินจำเป็นอย่างไร หนี้ที่เกิดขึ้น ต้องไม่ใช่เกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาด พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติในส่วนของกำไรโรงกลั่น ค่าการตลาด ที่เคยตั้งคำถามต่อรัฐบาลอยู่ตลอด รวมถึงความผิดปกติของการส่งออก LPG แต่กลับไม่มีคำตอบ จึงขอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เคลียร์ทุกประเด็นให้ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่า หนี้ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดแล้วสร้างหนี้จนเกินเหตุ
นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า รัฐบาลมักอ้างอิงน้ำมันตลาดโลก โดยอ้างว่า จำเป็นต้องใช้ราคาอ้างอิงของประเทศสิงคโปร์ และบอกว่า หากโรงกลั่นในประเทศไม่ขายให้ก็ต้องไปซื้อโรงกลั่นจากประเทศสิงคโปร์ และต้องเสียค่าขนส่งทางเรือ ค่าประกันภัย และค่าอื่นๆ ตนจึงมองว่าหากโรงกลั่นไทยจะขนน้ำมันไปขายที่ประเทศสิงคโปร์ก็ออกเสียค่าเหล่านี้เอง ประเทศสิงคโปร์ไม่ได้ออกให้
“แต่วันนี้เป็นตลกที่ไม่ตลก รัฐบาลซื้อในราคาโรงกลั่นสิงคโปร์ แล้วมาบวกค่าใช้จ่ายเหล่านี้กับประชาชนอีก ในประเด็นนี้ตนมองว่า ตนเป็นคนไทยที่สูญเสียความเป็นมนุษย์ ถ้ายังบริหารกันอยู่อย่างนี้บ้านเมืองก็จะไม่ไปไหน ในเมื่อเป็นตัวแทนเพื่อไปบริหารราชการแผ่นดินก็ต้องต่อรองกับต่างชาติ ที่มาลงทุนในประเทศไม่ใช่ก้มหัวให้ แต่วันนี้รัฐบาลชุดนี้เอาแต่กู้ เอาแต่ง้อ ไม่เห็นหัวประชาชน” นายสงวน กล่าว
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ในรายละเอียดไม่ได้ระบุว่าจะหารายได้จากที่ใดมาใช้หนี้ ตอนนี้ไม่มีธนาคารใดให้กู้เพราะสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันมีปัญหา และเกิดความสุ่มเสี่ยงว่าจะใช้หนี้ไม่ได้ในอนาคต อีกทั้งยังไม่มีการชี้แจงข้อมูลภาษีสรรพสามิตที่หายไปว่าหายไปทั้งหมดเท่าไร
ขณะที่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชี้แจงถึงกรณีที่กระทรวงพลังงานไม่เสนอให้มีการเก็บค่าการกลั่นน้ำมันจากโรงกลั่นน้ำมัน ในช่วงที่ค่าการกลั่นสูงกว่าค่าเฉลี่ยตามที่ ส.ส. เรียกร้องว่ากระทรวงพลังงาน กังวลว่าหากมีการกดดันค่าการกลั่นน้ำมันกับโรงกลั่นน้ำมัน จะเกิดปัญหาการลดการกลั่นน้ำมันของโรงกลั่นน้ำมันเหมือนในต่างประเทศที่เคยเกิดมาแล้ว
นายกุลิส สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ชี้แจงย้ำว่า แม้คณะกรรมการกองทุนน้ำมัน จะสามารถเรียกเก็บค่าการกลั่นน้ำมันจากโรงกลั่นได้ แต่การจัดเก็บจะต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนด และเมื่อโรงกลั่นถูกเรียกเก็บค่าการกลั่นเพิ่มเติม โรงกลั่นสามารถส่งผ่านภาระดังกล่าวเป็นหนึ่งในต้นทุน ที่จะเป็นภาระของประชาชนได้ แต่ยืนยันว่า หากค่ากลั่นน้ำมันสูงขึ้นอีก กระทรวงการพลังงานก็จะเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พิจารณาถึงการเรียกเก็บค่ากลั่นน้ำมันอีกครั้ง จากนั้นที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงมีมติเสียงข้างมาก 239 ต่อ 166 เสียง ให้การอนุมัติพระราชกำหนดผ่อนผันให้อำนาจกระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามที่คณะรัฐมนตรี มีมติให้ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย