กรุงเทพฯ 5 พ.ย. – “พิธา” ยืนยัน ส.ส.ลาออกไม่กระทบฐานเสียง ระบุมีตัวบุคคลมาแทนแล้ว มองรอยร้าว ภท.-ปชป. และไม่ปรับ ครม. เป็นสัญญาณยุบสภา ย้ำชัดไม่จับมือ พปชร.ตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่มี ส.ส.กทม.ของพรรคลาออก โดยยืนยันว่า ไม่กระทบฐานเสียง เพราะมีว่าที่ผู้สมัครคนใหม่เข้ามาแทนแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นกับทุกพรรค เพราะเป็นเรื่องระเบิดเวลาของรัฐธรรมนูญที่ทำให้เป็นปัญหา แต่ไม่ใช่ข้ออ้าง พรรคก้าวไกลก็ต้องขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ซึ่งที่ผ่านมาทางพรรคก็มีการคัดกรองผู้สมัครอย่างเข้มข้น ทั้งจากทางพรรคและจากการตรวจสอบของประชาชนในพื้นที่ ต้องหาคนที่มีอุดมการณ์หนักแน่น ขณะเดียวกันก็ต้องมีประสิทธิภาพต่อการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ที่จับต้องได้
ส่วนการรักษาฐานเสียงในพื้นที่ กทม. นายพิธา ยอมรับว่า ต้องหาว่าที่ผู้สมัครเลือดใหม่ที่เข้มข้นกว่า ลงพื้นที่ต่อเนื่อง ที่สำคัญประชาชนต้องชอบและเชื่อมั่น
นายพิธา ยังยอมรับว่า รอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะจากพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ จากกฎหมายกัญชา กัญชง เป็นหนึ่งในสัญญาณการยุบสภา รวมถึงการปรับ ครม.แทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ แม้บางพรรคจะส่งรายชื่อไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับจากนายกรัฐมนตรี เป็นเหมือนยาหมดอายุ แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้จะมีการจัดประชุมเอเปค รวมถึงบอลโลกช่วงเดือนธันวาคม อาจทำให้อุณหภูมิทางการเมืองลดลง
เมื่อถามว่า หลังเลือกตั้งสมการทางการเมืองอาจเปลี่ยนแปลงไป หากเพื่อไทยจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ พรรคก้าวไกลจะร่วมด้วยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์พรรคเพื่อไทย แต่ในส่วนของพรรคก้าวไกลยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะต้องการผลักดันนโยบายที่เป็นของพรรค ตอนนี้ยังไม่มีการหารือในคณะกรรมการบริหารถึงเงื่อนไขการจับมือร่วมรัฐบาล ต้องรอใบสั่งจากประชาชนหลังเลือกตั้ง
นายพิธา ยังกล่าวว่า ในส่วนของพรรคก้าวไกล การร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐนั้น เป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะมีความต่างทางอุดมการณ์ชัดเจน อีกทั้งเป็นพรรคที่สืบทอดอำนาจมาจากเผด็จการ ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆ ต้องเอาเงื่อนไขเป็นตัวตั้ง ไม่มีการเจรจาใต้โต๊ะ หรือทำงานลับหลังประชาชน ส่วนพรรคการเมืองกลางๆ ที่เป็นพรรคสีเทา อยู่ระหว่างดำกับขาว ต้องดูกันอีกครั้ง ต้องดูตามหลักความจริงของการเมือง
เมื่อถามย้ำว่า หากพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคพลังประชารัฐจริง พรรคก้าวไกลจะร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นเพียงสมมติฐาน และยังไม่เห็นความชัดเจนจากเพื่อไทย หากตอบไปก่อนก็เป็นการข้ามขั้นในสิ่งที่ยังไม่เกิด ก้าวไกลยินดีร่วมกับพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ยินดีร่วมกับพลังประชารัฐ ส่วนเพื่อไทยกับพลังประชารัฐจะจับมือจริงหรือไม่ ย้ำว่ายังเป็นเพียงสมมติฐานที่ไกลไป
ส่วนหาก พล.อ.ประยุทธ์ แยกทางกับ พล.อ.ประวิตร จะมีความเป็นไปได้ที่ก้าวไกลจะร่วมงานกับพลังประชารัฐได้หรือไม่ นายพิธา ย้ำว่า ทำงานร่วมไม่ได้แน่นอน เพราะเป็นนายกฯ คนละครึ่ง ที่อยู่ได้ 2 ปีก็หมดอายุ ไม่มีประสิทธิภาพแน่นอน และรักษาอำนาจไม่ได้แน่นอน
ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลถูกพรรคไทยภักดีร้องยุบพรรค จากการเดินหน้าแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 นายพิธา กล่าวว่า พรรคไม่สามารถทิ้งประชาชนที่ถูกจับได้ และเรื่องนี้ต้องผลักดันต่อในสภาฯ เรื่องนี้พรรคทำมาตั้งแต่ปี 2564 ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำเพื่อหาเสียง แต่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะ ส.ส. เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพ ซึ่งมองว่าเรื่องนี้ไม่ควรนำมาเป็นเส้นแบ่งทางการเมือง ควรแข่งขันกันเรื่องนโยบาย
“เราไม่กังวลว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่การยุบพรรค เพราะเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่มีน้ำหนักพอ แต่พรรคก็ไม่ได้ไร้เดียงสา จึงไม่ประมาท มีทีมกฎหมายในการทำงานอยู่แล้ว และแม้ว่าพรรคก้าวไกลจะผลักดันเรื่องนี้เพียงพรรคเดียว ก็จะเดินหน้าต่อ แม้จะโดดเดี่ยว” นายพิธา กล่าว. – สำนักข่าวไทย
