ทำเนียบรัฐบาล 25 ต.ค.-รองโฆษกรัฐบาล เผย รมว.สธ.สั่งยกระดับมาตราการป้องกันที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศตั้งแต่ก.ย. ย้ำไม่ประมาทหลังพบอีโบล่าระบาด เชื่อไม่กระทบท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัว
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขได้รับรายงานจากกรมควบคุมโรคถึงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศในทวีปแอฟริกา ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อในหลายเมืองของประเทศยูกันดาจำนวน 90 ราย เสียชีวิต 44 ราย
“แม้จำนวนผู้ป่วยยังไม่มากและองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่ได้ประกาศให้การระบาดครั้งนี้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) แต่กระทรวงสาธารณสุขของไทยไม่ประมาท โดยติดตามสถานการณ์โรคอย่างใกล้ชิด และยกระดับมาตรการป้องกันที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศตั้งแต่เดือนก.ย.เป็นต้นมา เนื่องจากโรคอีโบลาเป็นโรคติดต่ออันตราย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 โดยตรวจคัดกรองผู้เดินทางมาจากประเทศยูกันดาทุกคน ต้องลงทะเบียน ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศก่อนเข้าประเทศไทย” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายอนุทินกำชับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน ให้นำมาตรการตรวจคัดกรอง ป้องกันและควบคุมโควิด19 มาใช้ในการดูแลคัดกรองและป้องกันโรคในครั้งนี้ เชื่อมั่นว่าประสบการณ์จากการรับมือกับโควิด19 ของทุกประเทศทั่วโลกใน 3 ปีที่ผ่านมา สามารถจัดการและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาให้อยู่ในวงจำกัด ไม่กระทบต่อการท่องเที่ยวทั่วโลกที่กำลังฟื้นตัวอยู่ในขณะนี้ได้
“ในส่วนการท่องเที่ยวไทยเอง ก็ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากกำลังเข้าอยู่ช่วงไฮซีซัน ขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเยือนประเทศไทยทั้งทางอากาศ ทางบกและทางเรือ ซึ่งล่าสุดเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียได้นำคณะนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนภูเก็ตในรอบเกือบ 3 ปี และหลังจากนี้จะมีเข้ามาทุกสัปดาห์นับเป็นสัญญาณที่ดี ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นที่นักท่องเที่ยวมีต่อประเทศไทย” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย